รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 19 คนผิด

บทที่ 19 คนผิด

บทที่ 19 คนผิด

จักรพรรดิวิฬาร์หิมะสวรรค์นิ่งเงียบ

คนผู้นั้นน่ากลัวเกินไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ขอบเขตขั้นใด ลั่วสุ่ยพูดถูก หากลั่วสุ่ยไม่กลับไป ผลที่ตามมานั้นคงเกินกว่าจะจินตนาการได้!

หากหนีไปที่ไกล ๆ กับลั่วสุ่ยเล่า?

เป็นไปไม่ได้!

มือและตานั้นเอื้อมจรดนภา เกรงว่าเพียงแค่คิดก็สามารถครอบคลุมทั่วโลกา เขาไม่สามารถหนีไปไหนกับลั่วสุ่ยได้หรอก…

ไม่แน่ว่ามีคนมองพวกเขาอยู่ตอนนี้ด้วยซ้ำ!

“ท่านพ่อ ไม่เป็นไร ผู้อาวุโสคนนั้นดูไม่เหมือนคนเลวแม้แต่น้อย”

ลั่วสุ่ยกล่าว “ท่านพ่อ โปรดคิดให้ดี ท่านผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นให้ข้าวต้มสองชามแก่ข้า บางทีอาจเป็นความตั้งใจ และด้วยขอบเขตของท่านผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นแล้ว มันไม่ยากเลยที่จะอนุมานทุกอย่างด้วยความคิดเดียว ข้าเกรงว่าในเมื่อผู้อาวุโสทรงพลังยิ่ง เช่นนั้นเขาย่อมร่วงรู้ทุกสิ่งสรรพเกี่ยวกับตัวข้าอย่างชัดเจนแล้ว…”

“ก็จริง ต่อหน้าผู้อาวุโสที่ทรงพลังเช่นนี้ เราคงไม่อาจปกปิดความลับใดได้…”

“ท่านพ่อ โปรดลองคิดดูอีกครั้ง ในแง่ของความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสท่านนั้น หากเขาปรารถนาจะเลี้ยงสัตว์ไว้ดูเล่นสักตัว จะเลือกอสูรประเภทใด เผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ของเรานั้นทรงพลังมากก็จริง ทว่าเมื่อใช้มันต่อหน้าผู้อาวุโสท่านนั้นแล้ว มันจะนับเป็นอันใดได้?!”

สามารถครอบครองชุดทำครัวทองคำจักรพรรดิ และใช้มันเพื่อทำอาหาร …ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ ข้าเกรงว่าแม้แต่ของโบราณล้ำค่าสำหรับพวกเราทั้งหลายก็อาจไม่เข้าตาผู้อาวุโสท่านนั้น!

คงมีเพียงสัตว์เลือดบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะเข้าตาผู้อาวุโส!

แม้ว่าเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์จะมีสายเลือดของพยัคฆ์ขาว ทว่ามันก็เจือจางและผสมปนเปเกินไป

ในขณะที่เลือดของสัตว์อสูรบรรพกาลนั้นบริสุทธิ์กว่ามาก แม้ว่าจะเป็นเลือดผสม แต่ก็ไม่ได้ปะปนกันมากนัก ยังคงถือว่าเป็นรุ่นที่สอง 

ต้องเข้าใจเสียก่อน ว่าอสูรเลือดบริสุทธิ์นั้นทรงพลังยิ่ง ด้วยพวกมันเป็นสัตว์ร้ายต้นกำเนิดที่มีเลือดบริสุทธิ์และไม่มีสายเลือดอื่นผสม!

“เป็นเกียรติสำหรับเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ของเราแล้ว ที่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่คนนั้น!”

ลั่วสุ่ยดูซับซ้อน นางพูดออกมาว่า “บางทีอาจเป็นผู้อาวุโสคาดเดาทุกอย่างได้และล่วงรู้ถึงชะตาชีวิตอันน่าเศร้าของพวกเรา นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเอ่ยอ้อม ๆ คล้ายอยากให้ข้าเป็นสัตว์เลี้ยง! เราควรขอบคุณผู้อาวุโสคนนั้น ผู้อาวุโสคนนั้นเป็นคนดี!”

“นี่ พ่อเองก็แก่แล้ว ความคิดของคนรุ่นนี้มักเปลี่ยนแปลงช้า ดื้อรั้นเกินไป และเห็นแก่ตัวเกินไป! เผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจ และบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็ไม่กล้ายั่วยุเราง่าย ๆ ซึ่งทำให้พ่อรู้สึกหนักใจเล็กน้อย เจ้าพูดถูก ต่อหน้าผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ เราไม่ถือว่าเป็นอะไรเลยสักอย่างเดียว! เราต้องรีบไปเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้อาวุโสท่านนั้น แต่เกรงว่าผู้อาวุโสท่านนั้นจะไม่ต้องการ…”

จักรพรรดิวิฬาร์หิมะสวรรค์ถอนหายใจ ความรุ่งโรจน์ในอดีตทำให้เขาละล้าละลัง

ลั่วสุ่ยถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เรื่องนี้ทำให้เขาคิดว่ามันน่าละอาย แต่จริง ๆ แล้วหากมองอีกแง่มุม มันก็นับเป็นโอกาสอันดีและโชคลาภเช่นกัน!

“เผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์เปลี่ยนไปแล้ว แม้ว่าข้าจะหนีไปกับเจ้าก็ยังตกอยู่ในอันตราย ลั่วหนานที่เกลียดชังยังคงไล่ตามมาฆ่าเราอย่างต่อเนื่อง…”

เขากัดฟัน ดวงตาเต็มไปด้วยความดุร้าย

ในฐานะจักรพรรดิแห่งเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์และตัวตนที่แข็งแกร่งติดอันดับในเหยียนโจว เหตุใดเขาจึงทำเรื่องผิดพลาดจนล้มลงและได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งต้องมาหลบหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้เล่า?

ทั้งหมดเป็นเพราะลั่วหนาน!

ลั่วหนานหาได้เป็นสมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ไม่ มันเป็นเพียงอสูรวิฬาร์ธรรมดาเท่านั้น

เมื่อเขาออกไปต่างถิ่น ก็ได้บังเอิญพบกับลั่วหนานซึ่งกำลังถูกสุนัขจิ้งจอกไล่ล่าสังหาร เขาทนไม่ได้จึงเผลอลงมือช่วยเหลือ กระทั่งพากลับมายังเผ่าและมอบนาม ‘ลั่วหนาน’ ให้

จากนั้นเขาก็อบรมสั่งสอนลั่วหนานอย่างตั้งใจ และพรสวรรค์ในการฝึกฝนของลั่วหนานก็ทรงพลังเช่นกัน ความแข็งแกร่งของลั่วหนานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ถึงขนาดที่ว่าอัจฉริยะทั้งหมดของเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ ต่างถูกนำไปเปรียบเทียบกับลั่วหนาน!

ลั่วสุ่ยและลั่วหนานเติบโตขึ้นมาด้วยกัน และลั่วสุ่ยก็ค่อย ๆ ตกหลุมรักลั่วหนาน

เขามีความสุขมาก ถึงขนาดมองลั่วหนานในแง่ดี โดยวาดฝันไว้ว่าในอนาคต ลั่วหนานและลั่วสุ่ยจะจับมือร่วมกันปกครองเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ต่อสืบไป!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้มาถึง

ในวันที่ลั่วสุ่ยและลั่วหนานหมั้นหมายกัน ลั่วหนานได้วางยาพิษเขาและสมาชิกทรงอำนาจทั้งหมดของเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์!

ทันทีหลังจากนั้น ตัวตนแข็งแกร่งแห่งเผ่าอสรพิษโซ่แดงก็พลันบุกเข้ามาสังหาร!

เผ่าอสรพิษโซ่แดงเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ …และที่แท้ ลั่วหนานกับเผ่าอสรพิษโซ่แดงร่วมมือกัน!

“ข้าเป็นอสูรวิฬาร์ธรรมดา สมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์จะยอมรับข้าได้อย่างไร ถึงแม้ว่าข้าจะแต่งงานกับลั่วสุ่ย สมาชิกเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ก็คงไม่ยอมรับข้า แล้วเหตุใดข้าจึงไม่กวาดล้างเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ให้สะอาดเสียก่อน แล้วค่อยเริ่มใหม่แต่ต้นเล่า นี่แหละแผนของข้า!”

ลั่วหนานมีท่าทีเฉยเมย ขณะกล่าวเหตุผลที่เขาร่วมมือกับกลุ่มอสรพิษโซ่แดงออกมา

อย่างไรเสีย สายเลือดของเขาก็ต่ำต้อย เทียบไม่ได้กับสายเลือดเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ อีกทั้งเขายังกังวลว่าสมาชิกของเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์จะกบฏต่อตนเองในอนาคต

ดังนั้นเขาจึงร่วมมือกับกลุ่มอสรพิษโซ่แดง โดยตั้งใจจะสังหารตัวตนที่แข็งแกร่งในเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ ก่อนจะจัดเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์เสียใหม่

สิ่งที่ลั่วหนานใช้นั้นมีพิษร้ายแรง มันคือพิษที่พวกอสรพิษโซ่แดงมอบให้ ซึ่งแม้แต่ตัวตนแข็งแกร่งสูงสุดอย่างจักรพรรดิวิฬาร์หิมะสวรรค์ก็ทนไม่ได้ เป็นเหตุให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงอย่างมาก

“ต่อให้เจ้าตายก็ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก!”

จักรพรรดิวิฬาร์หิมะสวรรค์เผาผลาญแหล่งพลังชีวิตของตนอย่างสิ้นหวัง ระเบิดพลังออกทุกทิศทางอย่างรุนแรง และพาลั่วสุ่ยหลบหนีมาทางบูรพาทิศ

“เราทุกคนต่างตาบอด!”

ลั่วสุ่ยกล่าวอย่างขมขื่น

พวกเขามองไม่เห็นความทะเยอทะยานของลั่วหนาน นางและพ่อของนางต่างเข้าใจลั่วหนานผิดไป หากไม่ได้กินข้าวต้มที่ได้รับจากผู้อาวุโส เกรงว่าพ่อของนางคงจะสิ้นชีพโดยสมบูรณ์ไปแล้ว

“สุ่ยเอ๋อร์ เป็นโชคชะตาของเราแล้วที่ได้พบกับผู้ทรงพลัง เจ้าควรทะนุถนอมโอกาสนี้ไว้นะสุ่ยเอ๋อร์”

จักรพรรดิวิฬาร์หิมะสวรรค์มองไปยังลั่วสุ่ยและกล่าวต่อ “หากเจ้าอยู่กับผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ พ่อก็โล่งใจแล้ว การแก้แค้นของเราย่อมมีหวัง และเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์จะไม่ถูกควบคุมโดยลั่วหนาน!”

“ท่านพ่อ ท่านจะทำอะไร”

สีหน้าของลั่วสุ่ยเปลี่ยนไป

“พ่อจะสังหารมัน!”

ดวงตาของจักรพรรดิวิฬาร์หิมะสวรรค์เย็นชา

“อย่าเลยท่านพ่อ!”

ลั่วสุ่ยรีบกล่าว “ลั่วหนานตัวคนเดียวนั้นไม่น่ากลัวอันใด แต่เบื้องหลังลั่วหนานนั้นมีอสรพิษโซ่แดงทั้งเผ่า และจักรพรรดิอสรพิษโซ่แดงก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าท่านพ่อเลย หากไม่ใช่เพราะความพยายามหลบหนีของท่านพ่อ เราคงโดนจักรพรรดิอสรพิษโซ่แดงจับตัวกลับไปแล้ว!”

จักรพรรดิอสรพิษโซ่แดงและพ่อของนางมีพลังเท่ากัน

เมื่อพ่อของนางเผาผลาญพลังชีวิตอย่างบ้าคลั่ง จักรพรรดิอสรพิษโซ่แดงก็กังวลจนกลัวเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้พวกเขามีโอกาสหลบหนีออกมาได้

และตอนนี้หากพ่อของนางบุกกลับเข้าไป หากไม่เผาผลาญพลังชีวิต มันก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการพวกอสรพิษโซ่แดงทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว

ทว่าการเผาพลังชีวิตอีกคราเพื่อต่อสู้นั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!

ความเสียหายที่เกิดจากการเผาพลังชีวิตนั้นร้ายแรงเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่อยากให้พ่อของนางทำเช่นนี้!

“ท่านพ่อโปรดช้าก่อน!”

ลั่วสุ่ยเปิดปากของนางแล้วเอ่ย “ระดับขั้นของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่นั้นยากแท้หยั่งถึง และข้าย่อมได้รับประโยชน์มากมายอย่างแน่นอนเมื่ออยู่กับผู้อาวุโส! ในเวลานั้น ข้าจะแบ่งปันผลประโยชน์เหล่านี้กับท่านพ่อ เช่นนั้นท่านพ่อย่อมเก่งขึ้นอย่างแน่นอน! และมันจะดีกว่าหรือไม่หากจะสังหารพวกมันหลังจากที่ท่านพ่อแข็งแกร่งขึ้นแล้ว?”

จักรพรรดิวิฬาร์หิมะสวรรค์มองไปยังลั่วสุ่ยอย่างลึกซึ้งแล้วพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าอยากเตือนเจ้า”

เขากล่าว “ในเมื่อเจ้ารู้ดีว่าขอบเขตของผู้อาวุโสลึกล้ำสุดหยั่งถึง ซ้ำแล้วเขายังสามารถอนุมานทุกอย่างได้ในความคิดเดียว หากท่านผู้นั้นคิดจะช่วยจริง ๆ แล้วเช่นนั้นเจ้ายังต้องนำข้าวต้มมาให้ข้าอีกหรือ?”

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท