บทที่ 14 เอามารดน้ำดอกไม้ก็ดีนะ
“ช่างโง่เง่าเสียจริง ในสายตาข้าน้ำอมฤตไท่อีนั้นถือเป็นสมบัติ แต่ในสายตาของผู้อาวุโสนั้น น้ำอมฤตไท่อีนับว่าไม่มีค่าอะไรเลย!”
เวิงอู๋โยวพลันเบิกตาตื่น
ด้วยขอบเขตของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ น้ำอมฤตไท่อีอาจไม่ต่างอะไรกับน้ำธรรมดา แล้วจะให้ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่มาสนใจอะไรกับน้ำระดับต่ำพรรค์นี้กัน?
ก็เหมือนกับของเล่นที่เด็ก ๆ เล่น เด็กย่อมรู้ว่ามันคืออะไร แต่ผู้ใหญ่นั้นไม่อาจเข้าใจได้
“นี่คือน้ำอมฤตไท่อี มันถือกำเนิดในสถานที่ซึ่งอุดมไปด้วยจิตวิญญาณที่มากที่สุดระหว่างสวรรค์และโลก หนึ่งหยดนั้นไม่ต่างกับทะเลสาบ และในนี้ก็มีทั้งหมดสามสิบหยด…”
เวิงอู๋โยวอธิบายให้หลี่จิ่วเต้าฟัง
‘อ้อ ที่แท้ก็ของที่พวกผู้ฝึกตนใช้กันนี่เอง’
หลี่จิ่วเต้าเข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร
เวิงอู๋โยวพูดถึงสรรพคุณมากมายของน้ำอมฤตไท่อี แต่เขาไม่ได้ฟังมากนัก
น้ำอมฤตไท่อีนั้นเป็นของสำหรับผู้ฝึกตน เขาเป็นแค่มนุษย์จึงไม่สามารถใช้ได้ ต่อให้ฟังไปก็ไร้ประโยชน์…
‘หนึ่งหยดนั้นไม่ต่างกับทะเลสาบ และในนี้ก็มีทั้งหมดสามสิบหยด…’
หลี่จิ่วเต้าจำได้แค่สองประโยคนี้เท่านั้น
ผู้ฝึกตนช่างทรงพลังจริง ๆ หนึ่งหยดมีค่าไม่ต่างจากทะเลสาบ นับว่าน่าทึ่งมาก!
“ใช่เลย ถ้าใช้รดน้ำดอกไม้ มันคงยอดเยี่ยมน่าดู แถมไม่ต้องเดินไปตักน้ำด้วย”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เขาเป็นมนุษย์ ไม่ว่าน้ำอมฤตไท่อีจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ใช้มันไม่ได้
การรดน้ำดอกไม้จึงเป็นวิธีการใช้ที่ดีที่สุดที่เขาคิดออก
รดน้ำดอกไม้!?
มุมปากของลวี่เหลียงกระตุกทันทีเมื่อได้ยิน
นี่มันน้ำอมฤตไท่อีที่สำนักเมฆาลับฟ้าของเขา ยังไม่สามารถแลกมันกับทักษะเทวะราชันได้เลยนะ แต่ผู้อาวุโสบอกว่าต้องการใช้มันรดน้ำดอกไม้อย่างนั้นรึ?
‘ข้าวต้มที่ผู้อาวุโสทำนั้นยังทรงพลังยิ่งกว่าน้ำอมฤตไท่อีเสียอีก สงสัยว่าน้ำอมฤตไท่อีคงทำได้เพียงรดน้ำดอกไม้จริง ๆ นั่นแล…’
เมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสแล้ว น้ำอมฤตไท่อีคงทำได้เพียงรดน้ำดอกไม้จริง ๆ…
“รดน้ำดอกไม้เองก็ดียิ่ง!”
เวิงอู๋โยวไม่ได้รู้สึกว่าตนบ้าบิ่นเกินไป ในทางกลับกัน เขาดีใจมากด้วยซ้ำ
มันคงจะดีหากผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่สามารถรับมันได้ เขาเกรงว่าผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ยอมรับมันเสียอีก!
“ขอบคุณมาก”
หลี่จิ่วเต้ารับน้ำอมฤตไท่อีมา ยังคงมีผู้ฝึกตนที่ยังชอบเล่นกู่ฉินอยู่ เพียงแค่ได้ยินเขาบรรเลงก็มอบของวิเศษมาให้เสียแล้ว
ชายหนุ่มรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก
“ถือว่าตอบแทนซึ่งกันและกัน เอาเป็นว่าข้าจะมอบบางอย่างให้เจ้าด้วย เจ้าสามารถหยิบสิ่งที่ชอบในร้านกลับไปได้เลย”
ภายในร้านนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าภาพวาด งานคัดพู่กัน และงานแกะสลักที่เขาทำเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นของปกติทั่วไป
หลี่จิ่วเต้าได้รับของวิเศษมา แต่เขากลับให้ของทั่วไปกลับคืน ก็ให้รู้สึกละอายเล็กน้อย…!
เมื่อลวี่เหลียงได้ยินสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าเอ่ยกับเวิงอู๋โยว เขาก็รู้สึกอิจฉาในใจ
มันชัดเจนยิ่งว่าอะไรอยู่ในร้าน กระทั่งมูลค่าของสิ่งหนึ่งนั้นยังมีค่ามากกว่าน้ำอมฤตไท่อีเสียอีก!
‘เวิงอู๋โยว นี่ท่านได้กำไรมหาศาลเลยมิใช่หรือ!’
‘ข้าจะชักช้ามิได้แล้ว จำต้องรีบแสดงความเคารพแก่ผู้อาวุโสโดยเร็ว! ผู้อาวุโสจะไม่ปล่อยให้พวกเราผู้เยาว์ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน!’
ความคิดนี้ยังชัดเจนอยู่ภายในใจของลวี่เหลียงอยู่
“ขอบคุณผู้อาวุโสมาก!”
เวิงอู๋โยวดีใจยิ่ง เขาไม่คาดคิดว่าจะพบกับความน่ายินดีอันคาดไม่ถึงเช่นนี้!
เซี่ยเหยียนได้รับจี้หยกวิหคสวรรค์ และสังหารราชาพยัคฆ์ดุร้ายซึ่งบรรลุขอบเขตผันอนันต์ได้ เช่นนั้นแล้ว ของหลายอย่างในร้านแห่งนี้ ย่อมต้องเป็นสมบัติระดับเดียวกับจี้หยกวิหคสวรรค์!
เขาได้รับสมบัติระดับนี้กลับมา ถือว่าเป็นลางดียิ่งนัก!
‘ดีใจขนาดนั้นเลย?’
หลี่จิ่วเต้าไม่คาดคิดว่าเวิงอู๋โยวจะสนใจและชื่นชอบของเหล่านี้เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป
‘ท่าทางผู้ฝึกตนผู้นี้ไม่เพียงแต่ชอบกู่ฉิน แต่ยังชอบภาพวาดและงานคัดพู่กันอีกด้วยสินะ’
เขายิ้มในใจ คิดถึงลวี่เหลียงขึ้นมา
ดูท่าแล้วลวี่เหลียงเองก็เป็นผู้ฝึกตนเช่นกัน ก่อนหน้านี้หลี่จิ่วเต้าเห็นเขาสนใจภาพวาดกับงานพู่กันของตนเอง อีกทั้งเขาดูจะตื่นตะลึงกับภาพวาดไม่น้อย
“ไปเลือกมาสักอันเถิด”
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้านพร้อมเวิงอู๋โยว เซี่ยเหยียน และลวี่เหลียง
เวิงอู๋โยวมองไปยังภาพวาดและงานแกะสลักในร้าน ดวงตาของเขาแทบจะเปล่งประกายดุจทุ่งดอกไม้เบ่งบาน
ภาพวาดและงานแกะสลักเหล่านี้ทุกชิ้น ล้วนแล้วแต่มีวิถีแห่งสุดยอดเต๋า สุดยอดถึงขั้นมิอาจเอื้อม!
ตราบใดที่เขาได้รับมา เขาก็จะสามารถยกระดับพลัง และทำให้พลังของสำนักไท่หัวขึ้นไปอยู่อีกขั้นได้!
ทว่า เขาไม่ได้เลือกภาพวาดและงานแกะสลักเหล่านี้
แม้ว่างานเหล่านี้จะดี แต่มันไม่ค่อยเหมาะสมกับเขาสักเท่าไรนัก…
และถึงแม้ว่าภาพวาดกับงานแกะสลักเหล่านี้ จะสามารถเพิ่มพลัง กระทั่งยกระดับพลังของสำนักไท่หัวได้ แต่มันก็ยังถือว่าเป็นของแปลกถิ่นอยู่!
ความแข็งแกร่งซึ่งได้มาโดยการหยิบยืมจากของแปลกถิ่นนั้นคงอยู่ได้เพียงชั่วคราว
เขาไม่ต้องการความแข็งแกร่งเพียงชั่วคราว เขาต้องการความแข็งแกร่งอันจีรัง!
“ผู้อาวุโส…ช่วยข้าวาดภาพหนึ่งได้หรือไม่”
เขาเอ่ยถามออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ผู้อาวุโสได้มอบโอกาสอันล้ำค่าแก่เขา และยังปล่อยให้เลือกได้อย่างใจต้องการ แต่เขาไม่รู้ว่าจะเอ่ยขออย่างไรดี นี่เขากำลังปิดโอกาสตัวเองใช่หรือไม่!
ถึงกระนั้น เขาก็ขอลองสักตั้งดูหน่อยแล้วกัน
เพราะหากมันสำเร็จ สำนักไท่หัวของพวกเขาจะรุ่งโรจน์อย่างสมบูรณ์และแข็งแกร่งตลอดไป!
“อ้อ แค่นี้เองหรือ ย่อมไม่มีปัญหา”
หลี่จิ่วเต้ายิ้ม เขาคิดว่าเวิงอู๋โยวน่าจะมีอะไรที่หวังให้เขาทำ ที่แท้ก็อยากให้ช่วยวาดรูปนั่นเอง
สำหรับเขา มันไม่สำคัญเลยสักนิด
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส!”
เวิงอู๋โยวเต็มได้ด้วยความปีติยินดี ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าอยากให้ผู้อาวุโสช่วยวาดรูปภูเขาไท่หัว”
‘ข้าไปดีกว่า นี่มันตาแก่ฉวยโอกาสชัด ๆ!’
ลวี่เหลียงเข้าใจทันทีว่าเวิงอู๋โยวต้องการอะไร
ภูเขาไท่หัวนั้นเป็นรากเหง้าของสำนักไท่หัว และเป็นที่มาของผู้ก่อตั้งสำนักไท่หัวผู้จับแสงสว่างของ ‘ไท่หัว’
แสงสว่างของ ‘ไท่หัว’ นั้นน่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ผู้ก่อตั้งสำนักไท่หัวจับมันได้เพียงชั่วครู่ และตระหนักถึงมรรคาของมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
นานมาแล้วที่สำนักไท่หัวต้องการทำให้ ‘ไท่หัว’ แข็งแกร่งขึ้น
น่าเสียดายที่จนถึงขณะนี้ สำนักไท่หัวก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จ วิถีของไท่หัวมีขีดจำกัดอยู่เสมอและไม่สามารถทำลายได้
เวิงอู๋โยวต้องการให้ผู้อาวุโสผู้ยอดเยี่ยมทำให้เต๋าแห่ง ‘ไท่หัว’ ออกมาสมบูรณ์แบบ!
‘ด้วยระดับขั้นของผู้อาวุโสผู้ทรงพลัง ข้าไม่รู้ว่าเต๋าแห่ง ‘ไท่หัว’ จะแข็งแกร่งขนาดไหนหลังจากที่สมบูรณ์แบบ! สำนักไท่หัวในอนาคตจะต้องกลายเป็นยักษ์ใหญ่เป็นแน่!’
ลวี่เหลียงอดไม่ได้ที่จะพูดในใจ
เวิงอู๋โยวดีดลูกคิดได้ดีเหลือเกิน
แม้ว่าภาพเขียนอื่นของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ยังมีบทกลอนแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่และล้ำเลิศ แต่จะเปรียบเทียบกับเต๋าที่ออกแบบเองได้อย่างไร
สำนักไท่หัวเองก็บ่มเพาะ ‘ไท่หัว’ เช่นกัน และหากต้องเปลี่ยนวิธีอื่น ๆ ก็ย่อมดีกว่าฝึกฝน ‘ไท่หัว’ ต่อไป
“วาดรูปภูเขาไท่หัว”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มและเอ่ย “ไม่มีปัญหา”
เขาหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเริ่มวาดภูเขาไท่หัวลงบนกระดาษข้าว
ในอดีต เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้มองภูเขาไท่หัวมากี่ครั้ง เพราะรูปร่างของมันได้ตราตรึงอยู่ในใจของเขาแล้ว
ชายหนุ่มวาดมันด้วยมือ และลักษณะของภูเขาไท่หัวก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกระดาษข้าวขาว
เวิงอู๋โยวมองไปยังหลี่จิ่วเต้าที่กำลังวาดภาพ พลันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ผู้อาวุโสทำตามสัญญาที่ว่าไว้จริง ๆ!
‘ฮ่า ๆ สำนักไท่หัวของข้าถูกลิขิตให้รุ่งเรือง ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้แล้ว!’
เขารู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขอย่างยิ่งในใจ
เมื่อภาพวาดเสร็จสิ้น สำนักไท่หัวของพวกเขาก็นับว่าถูกลิขิตให้แข็งแกร่งแล้ว!