รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 21 โรคจิต

บทที่ 21 โรคจิต

บทที่ 21 โรคจิต

หลี่จิ่วเต้าสะพายเบ็ดตกปลาไว้บนหลัง มือข้างหนึ่งถือตะกร้าปลา และอีกข้างอุ้มแมวสีขาวตัวเล็ก พร้อมออกจากเมืองชิงซานไปอย่างสบาย ๆ

ข้าง ๆ มีกระชังปลาที่เขาสานเอง มันสานด้วยกกเอาไว้ใส่เหยื่อ

ทักษะการจักสานของเขาก็ถึงระดับ ‘ขั้นเทวะ’ แล้วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ปลาที่อยู่ในกระชังจึงไม่เคยหลุดหนีรอดไปได้เลย

“เจ้าแมวขาวตัวน้อยในอ้อมแขนของคุณชายช่างน่ารักจริง ๆ!”

“ฮ่า ๆ เจ้าแมวน้อยโชคดีจริง ๆ ที่ติดตามคุณชาย ด้วยทักษะการตกปลาของคุณชายแล้ว เจ้าแมวน้อยคงมีปลากินไปตลอดชีวิตเป็นแน่!”

ระหว่างทางออกจากเมือง ชายหนุ่มเดินสวนกับผู้คนมากมาย ทุกคนให้ความเคารพหลี่จิ่วเต้ามาก และมักเรียกเขาว่าคุณชายหลี่อยู่เสมอ

อย่างไรเสีย หลี่จิ่วเต้าก็เปิดร้านภาพวาดและศิลปะพู่กันซึ่งเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม หลายคนจึงเรียกหลี่จิ่วเต้าว่า ‘คุณชาย’ นั่นเอง

ขนของวิฬาร์น้อยนั้นขาวราวหิมะ ไร้ซึ่งมลทิน ขณะที่ดวงตาของมันกระจ่างใสแวววาวดุจไพลิน ความน่ารักเช่นนี้เองที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายได้

หลี่จิ่วเต้าตอบรับคนเหล่านี้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินทอดน่องมาถึงแม่น้ำสายเล็ก ๆ

แม่น้ำนี้ไม่ใหญ่นัก มันกว้างไม่กี่ฟุตและน้ำก็ดูใสยิ่ง บ่อยครั้งที่มีปลาหลากหลายพันธุ์ชนิดกระโดดขึ้นมาจากก้นแม่น้ำ

ริมแม่น้ำจึงมีนักตกปลาอยู่มากมาย เมื่อหลี่จิ่วเต้าเดินมาถึงที่ประจำของตัวเอง เขาก็นั่งลงบนหินเรียบ

ที่นี่มีต้นหลิวขนาดใหญ่แข็งแรง กิ่งของมันเรียวยาวห้อยลงมามีสีเขียวจาง ๆ ซึ่งเป็นเพียงร่มเงาบังแดดให้กับหลี่จิ่วเต้า

จากฤดูหนาวสู่ฤดูใบไม้ผลิ ดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสงเล็กน้อยในเวลานี้ และนักตกปลาทั้งสองฝั่งของแม่น้ำก็สวมหมวกเพื่อหลบแดด

ตรงจุดที่หลี่จิ่วเต้านั่งเป็นที่ที่ดีที่สุด ต้นไม้หนาทึบบดบังแสงแดดให้เขา และมันทำให้เขารู้สึกสบายตัวมากเมื่อไม่ต้องใส่หมวก

นักตกปลาทั้งสองฝั่งแม่น้ำรู้ว่านี่คือสถานที่ที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่มีใครครอบครองที่แห่งนี้

เนื่องจากพวกเขารู้ว่านี่คือที่ประจำของหลี่จิ่วเต้า หลี่จิ่วเต้ามักมาตกปลาที่นี่ ขณะที่บางครั้งก็จะมาวาดภาพและเล่นกู่ฉินที่นี่

ในเมืองชิงซาน หลายคนรู้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนดีมาก หลี่จิ่วเต้าไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือที่เขาสามารถช่วยได้ และเมื่อพวกเขาขอให้หลี่จิ่วเต้าช่วย ชายหนุ่มก็ทำหน้าที่ช่วยเหลือพวกเขาได้ดี ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเคารพหลี่จิ่วเต้าเป็นอย่างมาก

ดวงตาของลั่วสุ่ยในร่างของแมวสีขาวตัวเล็ก กวาดมองไปเหนือก้อนหินเรียบใต้ต้นไม้ใหญ่ที่หลี่จิ่วเต้านั่งอยู่

นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างจากต้นไม้และก้อนหินนี้ …หรือว่าต้นไม้และหินก้อนนี้จะไม่ใช่ต้นไม้และหินธรรมดา?

นางอ่อนไหวต่อจิตวิญญาณโดยธรรมชาติ อีกทั้งขอบเขตของนางเองก็หาได้ต่ำไม่ โดยปกติแล้ว นางสามารถเข้าใจแก่นแท้ของต้นไม้ใหญ่และหินแข็งได้ในความคิดเดียว

ทว่าตอนนี้ นางใช้ความรู้สึกทางจิตวิญญาณของนางในการสำรวจ กลับไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้ของต้นไม้ใหญ่และหินได้เลย

‘เป็นไปได้อย่างไร’

นางพึมพำอยู่ในใจ

“หินนี้มันหินอะไรกันนะ มานั่งหน้าหนาวก็อุ่นสบาย มานั่งหน้าร้อนก็เย็นสดชื่น ช่างดีเสียจริง”

หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ หินแบบนี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่ของธรรมดา บางทีอาจเป็นศิลาวิญญาณบางชนิดกระมัง

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

แม้ว่าจะไม่สามารถฝึกฝนได้ แต่เขายังสามารถนั่งบนศิลาวิญญาณเช่นนี้ได้เป็นครั้งคราว มันย่อมไม่เป็นไรที่จะคิดเกี่ยวกับมัน และเขาก็พอใจเล็กน้อย

แต่สำหรับการนำศิลาวิญญาณกลับบ้าน เขาไม่เคยคิดมาก่อน

การไร้เดียงสาและการไม่รู้ถือเป็นสิ่งที่ไม่ผิด!

เขายังคงเข้าใจสิ่งนี้อยู่

ผู้ฝึกตนนั้นเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่ง หากพวกเขารู้ว่ามีศิลาวิญญาณอยู่ในบ้านของเขา แล้วเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไรต่อไป?

เขาไม่อาจสู้ผู้ฝึกตนได้แน่นอน

พรึ่บ! พรึ่บ!

ทว่าในตอนนั้นเอง ห่างออกไปไม่ไกลนัก มิติอากาศพลันบิดเบี้ยวไปชั่วขณะ และร่างสามร่างก็ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า พร้อมกับแสงระยิบระยับทั่วร่างของพวกเขา

“นายท่าน ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของลั่วสุ่ย!”

ชายวัยกลางคนในชุดขาว หันไปพูดกับชายวัยกลางคนอีกสองคนซึ่งอยู่ในชุดคลุมสีแดงด้วยความเคารพ

“มีแค่ของลั่วสุ่ยเท่านั้นหรือ? แล้วของจักรพรรดิวิฬาร์ล่ะ?”

ชายชุดแดงคนหนึ่งถาม

“ข้าสัมผัสไม่ได้ถึงปราณของจักรพรรดิวิฬาร์ มีเพียงของลั่วสุ่ยเท่านั้นขอรับ”

ชายวัยกลางคนในชุดขาวตอบ

“จักรพรรดิวิฬาร์เผาผลาญแหล่งพลังชีวิตอย่างบ้าคลั่ง เกรงว่าเขาคงจะสิ้นลมแล้ว”

ชายชุดแดงเยาะเย้ยก่อนจะกล่าวว่า “ไปกันเถิด ไปจับลั่วสุ่ยแล้วบีบบังคับให้นางชี้ตำแหน่งศพของจักรพรรดิวิฬาร์ ศพของจักรพรรดิวิฬาร์ล้วนเป็นสมบัติทั้งสิ้น!”

พวกเขาเคลื่อนไหวฉับไว พริบตาเดียวระยะห่างที่ไกลออกไปก็หดเหลือเพียงนิ้วเดียว จากนั้นก็มาถึงตัวของหลี่จิ่วเต้า

ยามเจ้าแมวตัวน้อย ลั่วสุ่ยเห็นพวกเขา สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันทีและขนทั่วร่างก็ลุกซู่

คนสองคนในชุดคลุมสีแดงนั้นคือ ผู้อาวุโสจากเผ่าอสรพิษโซ่แดง ขณะที่ชายวัยกลางคนในชุดขาวคือ ผู้อาวุโสของเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์!

นางตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า ชายวัยกลางคนในชุดขาวต้องพบสถานที่แห่งนี้ โดยอาศัยความสัมพันธ์ทางโลหิตระหว่างสมาชิกในเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์เป็นแน่!

‘ข้าควรทำอย่างไรดี?’

นางตื่นตระหนก

ไม่ต้องพูดถึงชายชุดแดงสองคน แค่ชายวัยกลางคนในชุดขาวคนเดียว ก็ไม่ใช่คนที่นางจะรับมือไหวได้แล้ว

ชายวัยกลางคนในชุดขาวมีนามว่าลั่วเซี่ยว เขาเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจสูงสุดของเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ของนาง ซ้ำยังพรั่งพร้อมด้วยความแข็งแกร่งระดับสูงอย่างยิ่ง

‘ข้าจะตระหนกไปไย ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของผู้อาวุโสข้างตัว พวกมันจะทำร้ายข้าได้หรือ!’

ลั่วสุ่ยพลันหัวเราะร่า

ทันใดนั้น ลั่วเซี่ยวก็ปรากฏตัวพร้อมกับผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งจากเผ่าอสรพิษโซ่แดง นางยอมรับว่า นางตกใจยิ่งเมื่อเห็นเขาในตอนแรก ตกใจจนลืมไปเสียสนิทว่ายังมีคนทรงพลังเช่นหลี่จิ่วเต้าอยู่!

มาตอนนี้นางจึงไม่ตระหนกเลย

ภาพวาดที่ผู้อาวุโสวาดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจกลับมีวิถีแห่งเต๋าสูงสุด ขณะที่เครื่องใช้ในครัวทำอาหารยังล้วนทำมาจากทองคำจักรพรรดิ และแม้แต่คันเบ็ดที่ทำจากท่อไม้ไผ่ก็ทำมาจากไผ่สวรรค์ม่วง แล้วยังจะให้นางตื่นตระหนกด้วยเรื่องอันใด?

เป็นลั่วเซี่ยวและคนพวกนั้นเสียมากกว่าที่ควรตื่นตระหนก!

“เสี่ยวสุ่ย มากับพวกเราซะ”

ลั่วเซี่ยวมองไปยังแมวขาวตัวเล็กลั่วสุ่ย โดยไม่สนใจหลี่จิ่วเต้าเลยแม้แต่น้อย

หลี่จิ่วเต้าเป็นมนุษย์ที่พลังปราณในร่างกาย เช่นนี้ พวกเขาจะสนใจชายผู้นี้ไปทำไมเล่า?

อีกทั้ง เขายังไม่สนใจด้วยว่าเหตุใดลั่วสุ่ย องค์หญิงเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์จึงถูกมนุษย์ผู้นี้กอดไว้ด้วย

เรื่องนี้ช่างง่ายดายยิ่ง

ลั่วสุ่ยต้องรู้ถึงการมาของพวกเขาเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้ นางจึงจงใจแกล้งทำเป็นลูกแมวธรรมดา และซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของมนุษย์เช่นหลี่จิ่วเต้า ทำไปก็เพื่อพยายามหลอกลวงพวกเขา

เห็นไหมเล่าว่าง่ายดายยิ่งนัก…

กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้จะหลอกลวงพวกเขาได้อย่างไร

เขาไม่ได้รำคาญที่จะเปิดเผยกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ด้วยซ้ำ

“เมี้ยว~”

ลั่วสุ่ยร้องออกมา และหดตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่จิ่วเต้า นางทำท่าดูตื่นกลัวยิ่งนัก

หลี่จิ่วเต้าพลันเข้าใจขึ้นมาทันที

คนตรงหน้านี้มาเพราะเจ้าตัวน้อย

เขาก็นึกว่าแมวขาวตัวเล็กเป็นแมวจรจัด

เสี่ยวสุ่ย!?

ชายหนุ่มรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา ทำไมคนพวกนี้ถึงตั้งชื่อให้แมวขาวตัวเล็กเช่นนี้

โรคจิต!

เขานึกไปถึงตอนที่ได้เห็นแมวขาวตัวน้อยเป็นครั้งแรก

เจ้าตัวน้อยกำลังนอนอยู่ในร้านอย่างอ่อนแรง มันกำลังจะตายและเกือบตายจริง ๆ ด้วยซ้ำ!

ตอนนี้เจ้าตัวน้อยตกใจมากเมื่อเห็นคนเหล่านี้…

หลังจากเชื่อมโยงความเข้าใจนี้ จู่ ๆ ก็มีภาพปรากฏขึ้นในใจของเขา

แมวขาวตัวน้อยต้องถูกชายทั้งสามคนนี้ทรมานอยู่ในบ้านอย่างแน่นอน และพอหนีออกมาได้ ในที่สุดมันก็สามารถรอดพ้นจากความอัปยศ!

‘ชายฉกรรจ์สามคนเลี้ยงแมวเช่นนี้? โรคจิตชัด ๆ! จะปล่อยให้เจ้าตัวน้อยถูกสามคนนี้เอาไปไม่ได้เด็ดขาด!’

เขาตัดสินใจในทันที

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท