รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 27 ถ่านไม้จักรพรรดิผานเถา

บทที่ 27 ถ่านไม้จักรพรรดิผานเถา

บทที่ 27 ถ่านไม้จักรพรรดิผานเถา

ช่างอร่อยอะไรเช่นนี้!

ใบหน้าของแมวลั่วสุ่ยเต็มไปด้วยความสุข ในปากของนางเต็มไปด้วยปลา ทั้งตัววิฬาร์สั่นเทิ้มไม่หยุด เพราะนางรู้สึกเหมือนกำลังจะกลายเป็นเซียนอย่างไรอย่างนั้น

เนื้อมัจฉาของอาณาจักรเก้าตอนบนนั้นมีรสชาติดีอย่างยิ่ง และยังมีส่วนประกอบของสายเลือดที่แข็งแกร่งอีกด้วย เมื่อรวมกับทักษะการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของหลี่จิ่วเต้าแล้ว มันถือว่าอร่อยที่สุดในโลก!

ลวี่เหลียงมองไปยังลั่วสุ่ย ดวงตาของเขาหรี่เป็นเส้นตรง ปากของเขากระแอมไอ และน้ำลายก็ไหลออกมา

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนเขาจะเข้าไปแย่งลั่วสุ่ยกินปลาอย่างไรชอบกล

พอเห็นท่าทางอันโลภมากของลวี่เหลียง หลี่จิ่วเต้าก็แอบหัวเราะ ปรากฏว่าผู้ฝึกตนโลภมากกระนั้นหรือ…

เขาถอนหายใจ เหตุใดเขาจึงไม่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกฝนกัน?

หากเขามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะ ด้วยทักษะการทำอาหารและทักษะการเล่นกู่ฉิน ตนคงสามารถพิชิตผู้ฝึกตนจำนวนมากได้อย่างแน่นอน และคงจะสามารถพึ่งพาผู้ฝึกตนคนอื่นเพื่อเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตนได้

ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก…

ปลาตุ๋นมีกลิ่นหอมจาง ๆ และรสชาติก็น่าดึงดูดอย่างยิ่ง ลั่วสุ่ยเสพติดการกินมากจนบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ากลืนน้ำลายของตนอย่างลับ ๆ

เขามีความต้องการจะไปหยิบปลามากิน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่ไม่ใช่ปลาธรรมดา แต่เป็นปลาจากอาณาจักรเก้าตอนบน…

ความต้องการแย่งปลาในใจเริ่มแรงขึ้น…

‘ข้าไม่อยากดูแล้ว!’

เขาเอาแต่พูดในใจพลางเบนสายตาไปทางอื่น

มันน่าอายเกินไปที่จะไปร่วมกินปลากับแมวเลี้ยง!

“ท่าน พวกเราไปคุยกันในบ้านดีหรือไม่”

เขาอดไม่ได้ที่จะพูดกับหลี่จิ่วเต้าว่าเขาไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป

หากอยู่ต่อ เกรงว่าเขาคงอดไม่ได้ที่จะรีบรี่ไปแย่งปลาลั่วสุ่ยกิน แต่เขาไม่อยากทำตัวน่าอับอายถึงเพียงนั้น โดยเฉพาะต่อหน้าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่

“ได้สิ”

หลี่จิ่วเต้าแอบหัวเราะในใจ บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าดูเหมือนจะโลภเช่นกัน และเขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดจะเข้าไปในบ้านเพื่อพูดคุยแทน

ไม่เป็นไร…

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถฝึกตนได้ แต่ตนยังสามารถพิชิตกลุ่มผู้ฝึกฝนด้วยทักษะการทำอาหาร ทักษะการเล่นกู่ฉิน และผูกมิตรกับกลุ่มผู้ฝึกตนได้ เช่นนี้แล้ว ชีวิตของเขาในอนาคตย่อมต้องง่ายขึ้นมากอย่างแน่นอน!

ในเมืองชิงซาน หลี่จิ่วเต้าได้รับความเคารพนับถือมากและไม่มีใครที่มาสร้างปัญหาให้เขา

แต่ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือโลกแห่งการฝึกตน ยังมีผู้ฝึกตนอยู่อีกมากมาย บางทีสักวันหนึ่งอาจจะมีผู้ฝึกตนอารมณ์ไม่ดีมาทำลายเมืองชิงซานเพื่อล้างบางได้

เขาได้ยินว่ามีเมืองมนุษย์จำนวนมากที่ถูกล้างบางโดยผู้ฝึกตน

ในสายตาของผู้ฝึกตน มนุษย์นั้นดุจมดปลวก หากพวกเขาฆ่า พวกเขาจะฆ่าโดยไม่รู้สึกผิดใด ๆ

ขอถามหน่อยเถอะ มนุษย์คนไหนที่เหยียบมดตายแล้วจะรู้สึกผิดบ้างเล่า

นี่แหละสิ่งที่ผู้ฝึกตนทำ

หลี่จิ่วเต้าตั้งรกรากอยู่ในเมืองชิงซานเพราะเขากลัวสิ่งนี้

เพราะเมืองชิงซานอยู่ใกล้กับสำนักไท่หัว ดังนั้นจึงรับประกันได้ไม่มากก็น้อย อีกทั้งสำนักไท่หัวเป็นสำนักชั้นนำในทางบูรพาทิศ และผู้ฝึกตนทั่วไปไม่กล้าสร้างปัญหาใกล้สำนักไท่หัว

เมืองมนุษย์ส่วนใหญ่ที่ถูกสังหารโดยผู้ฝึกตนแทบไม่มีที่ให้พึ่งพา

อย่างไรก็ตาม โครงสร้างโลกผู้ฝึกตนนั้นกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และไม่รู้เลยว่าเมื่อใดที่สำนักไท่หัวจะถูกผนวกโดยกองกำลังฝึกฝนอื่น ๆ

เมื่อถึงเวลานั้น ชะตากรรมของเมืองมนุษย์ในเมืองชิงซานก็จะคาดเดาไม่ได้เช่นกัน

เขามักจะกังวลเสมอว่าสำนักไท่หัวจะล้มลงในสักวันเข้า

แต่ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย และไม่ได้กังวลขนาดนั้นอีกต่อไป

เดิมทีคิดว่าผู้ฝึกตนนั้นสันโดษ ไม่มีกิเลสและเป็นตัวตนพิเศษ แต่จากมุมมองในปัจจุบัน ผู้ฝึกตนไม่ได้ปราศจากราคา โทสะ โมหะตามที่จินตนาการไว้

ผู้ฝึกตนบางคนยังชอบกินและดื่ม เล่นหมากล้อม เขียนพู่กันและวาดภาพ

มันบังเอิญอย่างยิ่งที่ทักษะเหล่านี้ของหลี่จิ่วเต้านั้นยอดเยี่ยมมาก ซ้ำยังมีน้อยคนนักจะเทียบได้!

แม้ว่าสำนักไท่หัวจะล้มลงในอนาคต แต่ด้วยทักษะเหล่านี้ ความปลอดภัยของเขาจะได้รับการรับรอง และจะไร้ซึ่งปัญหาใหญ่

หลี่จิ่วเต้าเดินเข้าไปในห้องโถงพร้อมกับบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้า ลวี่เหลียงเช็ดน้ำลายอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะเดินตามเข้าไปในห้องโถง

“ทั้งสองนั่งลงเถิด ประเดี๋ยวข้าจะนำชามาให้ ข้ายังพอมีประสบการณ์ชงชาอยู่”

หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นเขาก็เข้าไปในครัว

ศิลปะการชงชาของเขาก็ยังอยู่ใน ‘ขั้นเทวะ’ และระบบยังให้รางวัลแก่หลี่จิ่วเต้าด้วยชุดน้ำชา ซึ่งเขาเก็บมันไว้ในตู้ครัว

ชายหนุ่มเปิดตู้ หยิบชุดน้ำชาออกมาและเติมน้ำลงในกาน้ำชา จากนั้นจึงเดินออกไป

ชุดน้ำชาครบชุด ประกอบด้วยเตาถ่านขนาดเล็ก กาน้ำชา ถ้วยชา ช้อนชา ที่ใส่ชา และกาสำหรับใส่ใบชา

ใบชาในกาน้ำชายังได้รับรางวัลจากระบบอีกด้วย แต่มันมีหม้อเพียงใบเดียว ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมักจะลังเลที่จะดื่มมันอยู่ตลอด

เพราะเขาไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นชาชนิดใด แต่รสชาติของมันกลับดีกว่าชาใด ๆ ที่เขาเคยดื่ม

เมื่อคิดจะสานสัมพันธ์อันดีกับผู้ฝึกตน เขาจึงหยิบชากระป๋องนี้ออกมาด้วย

หลี่จิ่วเต้าจุดถ่านด้วยเครื่องจุดไฟ และวางกาน้ำชาที่มีน้ำเย็นไว้บนนั้น

บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าเคยได้ยินจากลวี่เหลียงแล้วในเรื่องไม่ธรรมดาของหลี่จิ่วเต้า เครื่องครัวที่เขาใช้ในการทำอาหารนั้นทำจากทองจักรพรรดิทั้งสิ้น

หลังจากมาถึงที่นี่แล้ว เขาก็ได้เห็นภาพวาดและงานแกะสลักทุกประเภทที่มีจังหวะของเต๋าสูงสุด ซ้ำยังได้เห็นหลี่จิ่วเต้าใช้มัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบนเก็บไว้เลี้ยงแมว

หลังจากชายผู้นี้นำชุดน้ำชาทั้งหมดมาตั้ง เขาก็เริ่มจ้องมองชุดน้ำชาอย่างครุ่นคิด

หลี่จิ่วเต้าเป็นตัวตนที่เหนือธรรมชาติและยิ่งใหญ่นัก เขาย่อมใช้ชุดน้ำชาที่ไม่ธรรมดาโดยปริยาย

เป็นชุดชาแบบอันหนึ่งอันเดียวกัน รวมไปถึงเตาถ่านขนาดเล็กด้วย

ถ่านถูกเผาไฟอ่อนและมีกลิ่นหอมสดชื่น บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าได้กลิ่นหอมนี้ก็เริ่มขยับสายตาเล็กน้อยไปที่ถ่าน

มันเป็นกลิ่นหอมของดอกท้อ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามาจากถ่านที่เผาจากไม้ท้อ

ยามบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าได้กลิ่นหอมนี้ รูขุมขนบนผิวกายพลันเปิดออกในทันที และทั้งร่างก็รู้สึกสบายยิ่งนัก!

‘แก่นแท้ของแหล่งชีวิตข้ากำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก!’

เขาตกตะลึงในใจ ไม่คาดคิดเลยว่าเพียงแค่ได้กลิ่นของถ่านนี้ มีแก่นแท้ของแหล่งชีวิตในร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซ้ำแล้วขีดจำกัดยังขยาย อายุขัยก็เพิ่มขึ้น และวัยชราก็เริ่มถอยกลับ!

‘น่ากลัวเกินไปแล้ว ถ่านนี้ทำจากไม้ท้อชนิดใดกันจึงให้ผลที่น่าทึ่งเช่นนี้ได้?’

เขาสังเกตอย่างระมัดระวัง ใช้สัมผัสวิญญาณสำรวจถ่านตรงหน้า และค้นหาที่มาของมัน

หลังจากที่สัมผัสวิญญาณซึ่งอยู่ติดกับถ่าน… เขาก็รู้สึกถึงภาพในหัวทันที!

หมอกอันสับสนอลหม่านกำลังพล่าน แสงแห่งเซียนค่อย ๆ ปรากฏขึ้น และแก่นแท้ของแหล่งชีวิตก็พวยพุ่งราวกับดวงดาวอันกว้างใหญ่ ต้นท้อขนาดใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขาอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งผลท้อมากมายที่มีรากเหง้ามาจากความโกลาหล ตั้งตระหง่านสูงตรงราวกับต้องการจะทะลวงสวรรค์สามสิบสามชั้น มันช่างน่าตกตะลึงและยากจะอธิบาย!

ใบไม้แต่ละใบมีวิถีตามธรรมชาติของเต๋าสูงสุด ซ้ำแล้วเขายังสามารถเข้าใจมรรคาที่ไม่มีใครเทียบได้ตามใจต้องการ!

ผลท้อนั้นอวบอิ่มและชุ่มฉ่ำ พลางมีแสงระยิบระยับอยู่รอบ ๆ และปราณศักดิ์สิทธิ์ก็เข้มข้นจนแทบจะกลายเป็นของเหลว

น่าดึงดูดใจยิ่งนัก!

“ต้นจักรพรรดิผานเถา*[1] หนึ่งในสิบสุดยอดโอสถของจักรพรรดินี่!”

หัวใจของบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าพลันเต้นแรง และต้นท้อที่เขาสัมผัสได้ว่ามันหยั่งรากอยู่ในแหล่งที่มาของความโกลาหล ก็เหมือนกับต้นไม้จักรพรรดิผานเถา ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดโอสถของจักรพรรดิที่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ!!

โอสถของจักรพรรดิโดยปกติก็นับว่าน่าทึ่งอยู่แล้ว แต่ ‘มัน’ ยังถึงเป็นโอสถของจักรพรรดิที่ได้รับความนับถือมากที่สุด 

หนึ่งในสิบโอสถของจักรพรรดิซึ่งเทียบได้กับโอสถเซียน!

บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ากลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ต่อหน้าผู้อาวุโสที่ทรงพลังเช่นนี้ เขาหามีนัยสำคัญไม่ อาจจะราวกับฝุ่นธุลีที่ไร้ค่าเกินไปด้วยซ้ำ!

*[1] ผานเถา (蟠桃) คือท้อแบน เป็นลูกท้อสายพันธุ์หนึ่ง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท