บทที่ 16 วิฬาร์สีขาว
“เหตุใดจึงลากข้ามาด้วยเล่า ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปด้วย!”
ลวี่เหลียงไม่พอใจยิ่ง เมื่อถูกเวิงอู๋โยวดึงออกมาจากร้านผู้อาวุโสด้วย
ตาเฒ่าเวิงอู๋โยวเจ้าเล่ห์และฉลาดแกมโกงเกินไป เขาต้องกลัวว่าหากลวี่เหลียงอยู่ที่นั่นต่อ ไม่แคล้วต้องได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้จึงกระชากลากถูเขาออกมาด้วย!
“นี่คือเขตสำนักไท่หัวของข้า!”
เวิงอู๋โยวจ้องมองลวี่เหลียงและกล่าวเสริม “ผู้อาวุโสอาศัยอยู่คนเดียวในเขตสำนักไท่หัวของข้า ข้าต้องทำให้แน่ใจว่า ผู้อาวุโสจะไม่ถูกรบกวนจากผู้อื่น!”
“กล่าวเกินไปแล้ว!”
ลวี่เหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโสอู๋โยว สองสำนักเราต่างมีความสัมพันธ์อันดีเสมอมา สำนักไท่หัวมีโอกาสยอดเยี่ยมเช่นนี้ ท่านจะไม่ปล่อยให้สำนักเมฆาลับฟ้าของเราทำตามหรือ”
เวิงอู๋โยวเหลือบมองลวี่เหลียงและเอ่ยอย่างเข้มงวด “ก็เพราะมันเป็นความสัมพันธ์อันดีเสมอมาของพวกเรา ข้าถึงดึงเจ้าออกมาอย่างไรเล่า”
นัยน์ตาลึกล้ำมองมาของลวี่เหลียง ก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าเห็นแล้วว่าเจ้ามีความสนใจในภาพวาดทิวทัศน์บนผนังมาก สำนักเมฆาลับฟ้าของเจ้าฝึกมรรคาแห่งฟ้าดิน และภาพวาดทิวทัศน์นั้นก็มีวิถีเต๋าสูงไม่น้อย ข้าต้องรู้อยู่แล้วว่าเจ้าสนใจมาก”
“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ข้าต้องการย้ำเตือนเจ้าคือ เราจะขอได้ก็ต่อเมื่อผู้อาวุโสผู้ทรงอำนาจเป็นผู้เอ่ยก่อน หาใช่เราเป็นฝ่ายเริ่มขอกับผู้อาวุโส!”
ยามอยู่ในร้าน เขาได้เห็นการกระทำทั้งหมดของลวี่เหลียงแล้ว และเห็นว่าลวี่เหลียงก็ดูอยากจะให้ผู้อาวุโสวาดภาพให้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรีบบอกลาผู้อาวุโสอย่างรวดเร็วและลากลวี่เหลียงออกมาด้วย
“ตัวตนของผู้อาวุโสนั้นสูงส่งเพียงใด เจ้าไม่รู้หรือ สิ่งที่เราขอกับผู้อาวุโสผู้นั้นจะกลายเป็นว่าเราละโมบโลภมากไม่รู้จักพอ!”
เวิงอู๋โยวกล่าวอย่างเคร่งขรึม “หากมันทำให้ผู้อาวุโสเกิดความไม่พอใจละก็ ผลที่ตามมาย่อมไม่ใช่สิ่งเจ้ากับข้าสามารถแบกรับได้!”
ลวี่เหลียงปฏิเสธทันทีและรีบเอ่ยว่า “สุดท้ายแล้วท่านก็ขอให้ผู้อาวุโสวาดภาพให้ไม่ใช่หรือ?”
“คำขอของข้าขึ้นอยู่กับพื้นฐานที่ผู้อาวุโสบอกให้เลือก หากผู้อาวุโสไม่บอกว่าจะมอบให้ข้าก่อน ข้าย่อมไม่กล้าขอภาพวาดจากผู้อาวุโสเลย ต่อให้ข้าพกความกล้ามาเต็มร้อยก็ตาม!”
เวิงอู๋โยวอ้าปากพูดต่อ “ถึงกระนั้นข้าก็รู้สึกเกรงใจยิ่ง เพราะกลัวว่าจะสร้างความไม่พอใจกับผู้อาวุโส แต่โชคดีที่ผู้อาวุโสไม่สนใจเรื่องนี้”
“เช่นนั้นก็ตามที่ท่านพูดเถอะ”
ลวี่เหลียงถอนหายใจและไม่ได้พูดอะไรอีก
ในยามนั้น เขารู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะขอภาพวาดจากผู้อาวุโส แต่เขาก็ไม่สามารถทนต่อสิ่งล่อใจที่เกิดจากการวาดภาพทิวทัศน์นั้นได้
ท้ายที่สุด หากเวิงอู๋โยวไม่ได้บังคับลากตัวเขาออกมาด้วย เขาคงขอให้ผู้อาวุโสวาดภาพทิวทัศน์นั้นให้แล้ว
“เป็นโชคดีสำหรับข้ายิ่งที่ได้พบกับผู้อาวุโสผู้ทรงอำนาจเช่นนี้ ข้ากำลังรอให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ และอย่าลืมว่าอย่าได้บังคับอะไรกับเขาเป็นเด็ดขาด!”
เวิงอู๋โยวเตือนลวี่เหลียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เข้าใจแล้ว ๆ”
ลวี่เหลียงพยักหน้า บอกลาเวิงอู๋โยวและกลับไปยังสำนักเมฆาลับฟ้า
เขารู้ว่าเวิงอู๋โยวพูดถูก ตนไม่สามารถบังคับอะไรผู้อาวุโสได้ มิเช่นนั้นอาจเกิดหายนะตามมาได้
…
ในเมืองชิงซาน
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ซ้ำทรวดทรงอรชรดูมีเสน่ห์มากล้นในชุดสีขาวราวหิมะค่อย ๆ เดินเข้าไปในเมือง
“เหตุใดเทพบรรพกาลจึงมาปรากฏที่เมืองมนุษย์เช่นนี้?”
นางพึมพำ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเล็กน้อย ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความงดงาม ผู้ที่มองนางในแวบแรกย่อมรู้ว่านางไม่ใช่คนธรรมดา
“ไม่ใช่แค่องค์เดียว แต่กลับมีเทพบรรพกาลหลายองค์มารวมตัวกันในเมืองนี้…เพื่ออันใดกันนะ”
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ง่าย ซ้ำแล้วพลังปราณอันแข็งแกร่งยิ่งของเทพบรรพกาลก็ยังคงมีหลงเหลืออยู่ในเมืองนี้
“ปราณที่เหลืออยู่นั้นช่างสมบูรณ์ล้ำเลิศเป็นที่สุด!”
จมูกอันสวยงามและขาวของนางกระตุก และนางก็ไวต่อปราณศักดิ์สิทธิ์นี้ยิ่งนัก
นี่คือนาง เพราะหากเป็นคนอื่น แม้แต่ขุมพลังของขอบเขตผันอนันต์ก็ยังอาจไม่รับรู้ได้ถึงปราณศักดิ์สิทธิ์นี้
“ที่นี่…!”
นางตกใจยิ่ง ยามเดินมาถึงสถานที่ซึ่งจิตวิญญาณแห่งบรรพกาลแข็งแกร่งที่สุด
มันเป็นร้านที่เปิดโดยหลี่จิ่วเต้า!
คำว่า ‘เต๋า’ บนแผ่นป้ายร้านทำเอานางตกใจไม่น้อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมันจะสัมผัสที่น่าอัศจรรย์ใจและน่าสะพรึงกลัวอยู่เช่นนี้!
“นี่คือการสำแดงให้เห็นถึงความชอบธรรมของเต๋าได้ดีที่สุด!”
นางตกตะลึงจนอับจนคำพูด สัมผัสแห่งเต๋าบนคำว่า ‘เต๋า’ นั้นยิ่งใหญ่เกินไป จนนางรู้สึกว่าแม้แต่วิถีที่บิดาของนางฝึกก็หาเปรียบกับมันได้ไม่!
นี่มันน่ากลัวยิ่งนัก!
ต้องรู้ว่าบิดาของนางแข็งแกร่งเพียงใด แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา เพราะเขาสามารถต่อสู้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้!
สัมผัสเต๋าบนคำว่า ‘เต๋า’ นั้นแข็งแกร่งกว่าศีลธรรมการบ่มเพาะของบิดานางอีก นี่เป็นลายพู่กันของท่านใดกันแน่?
“เข้าไปได้หรือไม่นะ”
นางลังเล ไม่รู้ว่าจะเข้าไปดีหรือไม่
เทพบรรพกาลที่เหลืออยู่ที่นี่แข็งแกร่งเป็นที่สุด และไม่ต้องสงสัยเลยว่า ด้วยเหตุใดเทพบรรพกาลจำนวนมากถึงมารวมตัวกันที่นี่
มิฉะนั้น มันจะคงไม่มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ของเทพบรรพกาลหลงเหลืออยู่
อย่างไรก็ตาม ที่แห่งนี้เป็นเพียงโล่ประกาศเกียรติคุณที่น่าตื่นตาใจและห่างไกล เจ้าของร้านต้องเป็นชายร่างใหญ่ที่เหนือจินตนาการอย่างแน่นอน!
หากเข้าไป นางคงจะโชคร้ายเป็นแน่!
เมื่อเผชิญหน้ากับชายร่างใหญ่เช่นนี้ นางไม่อาจต้านทานเลยแม้แต่น้อย
“นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง!”
นางกัดฟัน ก่อนจะตัดสินใจได้ในที่สุด และเดินเข้าไปในร้าน
บิดาของนางป่วยหนัก ตอนนี้เขาอ่อนแอมากและมีเวลาเหลืออยู่ไม่นานนัก หากนางไม่สามารถช่วยบิดารักษาโรคได้ บิดาของนางคงอาจอยู่ได้ไม่นาน
หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ นางคงไม่ทำและไม่กล้าไล่ตามกลิ่นอายของเทพบรรพกาลเป็นแน่
ตัวตนนั้นคือเทพบรรพกาล ราชาแห่งทวยเทพ ผู้สามารถทำลายท้องฟ้าและโลกได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว และด้วยความสามารถของในตอนนี้ ย่อมไม่ต่างอันใดกับมดปลวกเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม นางไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ขอบเขตของบิดานางนั้นสูงมาก ซ้ำยังเป็นขุมพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ อาการบาดเจ็บสาหัสที่เขาได้รับนั้น ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยโอสถทั่วไป
บูรพาทิศถือเป็นแดนรกร้างและไม่มีวัตถุดิบในการบ่มเพาะระดับสูง ไม่ต้องพูดถึงการมีอยู่ของวัตถุดิบจากสวรรค์และสมบัติทางโลก ซึ่งสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บร้ายแรงของบิดานางได้เลย
อันที่จริง นางต้องการเสี่ยงโดยการกลับไปยังภาคกลาง เพื่อออกค้นหาขุมทรัพย์แห่งสวรรค์และโลกซึ่งอาจช่วยบิดาของนางได้
ทว่าในขณะนี้ นางกลับสัมผัสได้ถึงปราณของเทพบรรพกาล
เทพบรรพกาลนั้นหายากยิ่ง ซ้ำยังไม่ค่อยปรากฏตนบนโลก นางรู้สึกว่าต้องมีเหตุผลสำหรับการปรากฏตัวของเทพบรรพกาล หรือมันอาจจะเป็นโอกาสอย่างหนึ่งก็เป็นได้
นางจึงไล่ตามสิ่งนี้ไปตลอดทาง
ประตูร้านเปิดอยู่ และนางก็เดินเข้าไปอย่างระมัดระวังปนประหม่า ทว่ากลับไม่มีใครอยู่ข้างใน
ตู้ม!
ในเวลานี้ แรงกดดันอันเหนือจินตนาการก็ได้บีบคั้นนางจากทุกทิศทาง จนนางไม่สามารถแม้แต่จะเปล่งเสียงออกมาได้ อีกทั้งร่างกายยังระเบิดออกอย่างคาดไม่ถึง!
เดิมที นางก็หาใช่มนุษย์ ด้วยเหตุนี้ตัวตนจึงถูกผลักออกจากร่างของนางทันที กลายเป็นวิฬาร์สีขาวซึ่งขาวราวกับหิมะ นางถูกกดลงบนพื้นและขยับตัวไม่ได้
“ขะ ข้า…จะตายหรือไม่”
นางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ภายใต้แรงกดดันเหล่านี้ นางไม่สามารถต้านทานได้!
นางรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองถูกบีบคั้นอย่างรุนแรง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงถูกบีบให้ตายในเวลาไม่นานเป็นแน่!
“ท่านบิดา…ข้าขอโทษ ข้านำหน้าท่านไปหนึ่งก้าวเสียแล้ว…”
น้ำตาของวิฬาร์เอ่อล้นออกมา นางรู้สึกว่าความตายมาเยือนถึงศีรษะของนางแล้ว
นางกำลังจะตาย และลมหายใจชีวิตของนางก็อ่อนลงเป็นอย่างมาก!