บทที่ 43 บุตรสาวผู้โง่งมเอ๋ย เจ้าคิดเรียบง่ายเกินไป
“ใช่แล้ว”
จักรพรรดิเซี่ยพยักหน้าแล้วเอ่ย “หนิงเจี๋ยน่ะ จากแมวเลี้ยงของผู้อาวุโสผู้ทรงพลัง ก็ควรจะเดาได้แล้วว่าผู้อาวุโสหาใช่มนุษย์ธรรมดา เขาแข็งแกร่งมากก็จริง แต่คงไม่รู้ว่าผู้อาวุโสจะทรงพลังและน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ ยิ่งใช้เทียบกับนิกายเจ็ดดารายิ่งไม่ได้…”
หากหนิงเจี๋ยรู้ว่าผู้อาวุโสเป็นตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ด้วยความกล้าของเขาย่อมไม่กล้ามาหาเซี่ยเหยียนอีก
แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น หนิงเจี๋ยยังคงวนเวียนมาหาเซี่ยเหยียนโดยไม่กังวลแต่อย่างใด ขณะที่จักรพรรดิหนิงก็มาหาจักรพรรดิเซี่ยเพื่อคุยเรื่องแต่งงาน
“ข้าจำได้ว่าหนิงเจี๋ยบอกว่าเขาและพ่อของเขาไม่ได้เดินทางมาด้วยกัน บางทีนี่อาจจะไม่มีเวลาแจ้งพ่อของเขาก็เป็นได้…”
เซี่ยเหยียนเอ่ย
ผู้อาวุโสแข็งแกร่งปานนี้ หนิงเจี๋ยคงไม่บ้าพอที่จะสู้กับผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่หรอกใช่หรือไม่?
“พลทหารแยกออกเป็นสอง…”
จักรพรรดิเซี่ยคิดว่าหนิงเจี๋ยมาเจอเซี่ยเหยียนแล้วรับมือนางไม่ได้ ก็เลยขอให้จักรพรรดิหนิงมาคุยเรื่องแต่งงานทางเขาแทน เพื่อบีบให้เซี่ยเหยียนคล้อยตาม
หากกลุ่มถูกแยกออกเป็นสองแล้ว หนิงเจี๋ยคงไม่มีเวลาแจ้งจักรพรรดิหนิงจริง ๆ
“ถ้าเป็นเช่นที่ท่านพ่อกล่าว หนิงเจี๋ยคงไม่คาดคิดว่าผู้อาวุโสผู้จะน่ากลัวถึงเพียงนี้…”
เขายังคงเป็นกังวล
ตามที่เซี่ยเหยียนเอ่ย ผู้อาวุโสไม่ได้เคลื่อนไหวในเวลานั้น และหนิงเจี๋ยก็ไม่รู้จักผู้อาวุโสมากนัก
หากหนิงเจี๋ยไม่คิดถึงเรื่องนี้ เขาคงไม่ปล่อยเซี่ยเหยียนไป และจะบีบบังคับเซี่ยเหยียนต่อ
สำหรับผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ หนิงเจี๋ยไม่นับว่าเป็นตัวอันใด แต่สำหรับพวกเขา หนิงเจี๋ยหาใช่คนที่พวกเขาสามารถรับมือได้ในขณะนี้…
เซี่ยเหยียนก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน
เดิมทีนางคิดว่าหนิงเจี๋ยกลัวผู้อาวุโส ด้วยเหตุนี้ นางจึงไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหาของเขาเลย
อย่างไรก็ตาม หนิงเจี๋ยไม่ได้กลัวผู้อาวุโส ตอนนี้นางต้องกังวลเกี่ยวกับหนิงเจี๋ยเสียแล้ว
“ข้าควรไปขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสหรือไม่”
เซี่ยเหยียนอดพูดออกมาไม่ได้
“เหยียนเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าตนเองสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการด้วยความสัมพันธ์เล็กน้อยกับผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่หรือไม่”
จักรพรรดิเซี่ยส่ายหน้าแล้วเอ่ยเสริมว่า “ผู้อาวุโสนั้นมีจิตใจสูงส่ง เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้นอีก! บางทีถึงผู้อาวุโสจะช่วยเจ้า แต่หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของเจ้ากับผู้อาวุโสคงจะเปลี่ยนไป…”
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นถึงจักรพรรดิของอาณาจักรหนึ่ง นี่ทำให้มุมมองความคิดเขากว้างไกลกว่ามาก
ผู้อาวุโสทรงพลังเดินทางไปทั่วโลกในฐานะมนุษย์ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกแห่งการฝึกฝน หากเซี่ยเหยียนขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสอย่างหุนหันพลันแล่น แม้จะไม่มั่นใจว่าผู้อาวุโสจะโกรธ แต่เขายังคงรู้สึกผิดอยู่ดีที่ฝ่าฝืนข้อห้ามของผู้อาวุโส…
“แล้วข้าควรทำอย่างไร…”
การแสดงออกของเซี่ยเหยียนเปลี่ยนไป และพวกเขาไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสผู้ทรงพลังได้ พวกเขาควรจัดการกับหนิงเจี๋ยอย่างไรดี?
หนิงเจี๋ยคนเดียวน่ะไม่เป็นไร แต่เบื้องหลังหนิงเจี๋ยคือนิกายเจ็ดดารา…
นั่นคือขุมพลังอันดับต้น ๆ ของภาคกลางและมีผู้แข็งแกร่งอยู่มากมายในนิกาย หากคนพวกนั้นมายังบูรพาทิศ คงไม่แคล้วกวาดล้างกองกำลังทั้งหมดทางตะวันออกได้อย่างง่ายดาย
“อย่าตกใจไป ยังไม่แน่นอนว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร”
จักรพรรดิเซี่ยค่อนข้างสงบ “รอดูท่าทีของหนิงเจี๋ยก่อน”
เขากล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม เจ้าควรคิดให้รอบคอบด้วย ลองนึกย้อนไปถึงวันที่เจ้าอยู่กับผู้อาวุโส การที่เจ้าอยู่กับผู้อาวุโสมานาน ย่อมควรมีวิธีแก้ปัญหาของหนิงเจี๋ย…”
เกมกระดานหมากไม่กี่ครากลับทำให้จักรพรรดิเซี่ยได้รับผลประโยชน์ที่เหนือจินตนาการ และหัวใจแห่งเต๋าของเขาก็บรรลุขึ้นสู่ขอบเขตอย่าง ‘เอกภาพแห่งสวรรค์และโลก’
เซี่ยเหยียนอยู่กับผู้อาวุโสมานาน นอกเหนือจากขอบเขตแล้ว เขามักจะรู้สึกว่าเซี่ยเหยียนได้รับผลประโยชน์อื่น ๆ และการแก้ปัญหานิกายเจ็ดดาราก็อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่
อย่างไรเสีย ขอบเขตของผู้อาวุโสนั้นสูงเกินไป ขณะที่นิกายเจ็ดดารานั้นไม่มีอะไรเลยจริง ๆ แต่เซี่ยเหยียนยังคงเด็กเกินไปที่จะคิดถึงมัน
“ผู้อาวุโสมอบจี้หยกกับธนูล้ำค่าให้แก่ข้า…”
เซี่ยเหยียนคิดทบทวน ตัวนางได้สองสิ่งนี้มาจากผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่
“ข้าไม่รู้วิธีกระตุ้นจี้หยกเลย…แล้วข้าก็ไม่สามารถดึงธนูด้วยพลังปราณของข้าได้…”
นางหยิบจี้หยกและคันธนูออกมาให้บิดาของตัวเองดู
จักรพรรดิเซี่ยรู้สึกสะท้านใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นมัน ไม่ว่าจะเป็นจี้หยกหรือธนูล้ำค่า มันช่างน่าอัศจรรย์อย่างหาที่เปรียบมิได้
“เจ้าบอกพ่อมาว่า เจ้าได้ของสองสิ่งนี้จากผู้อาวุโสได้อย่างไร”
เซี่ยหวงกล่าว
“ได้เพคะ”
เซี่ยเหยียนไม่แอบซ่อน และเล่าทุกอย่างโดยละเอียด รวมถึงพลังของจี้หยกที่สังหารราชาพยัคฆ์ที่กำลังจะทำลายสำนักไท่หัวในเวลานั้น
“ไม่รู้วิธีกระตุ้นจี้หยก…บุตรสาวผู้โง่เขลาของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องกระตุ้นอะไรมันเลย นี่น่าจะเป็นสมบัติใช้ปกป้องเจ้าที่ผู้อาวุโสผู้มอบให้เจ้า!”
“ว่าอันใดนะเพคะ!”
เซี่ยเหยียนพลันตระหนักได้ว่า คำพูดของบิดานางนั้นมีเหตุผลมาก
เหตุใดจู่ ๆ จี้หยกถึงกระตุ้นขึ้นเองได้? เป็นไปได้มากว่ามันสัมผัสได้ว่านางกำลังตกอยู่ในอันตราย ด้วยเหตุนี้จึงแสดงพลังของมันและสังหารราชาพยัคฆ์ในไม่กี่วินาที
ในเวลานั้น บรรพชนเวิงอู๋โยวนึกว่าผู้อาวุโสมอบจี้หยกให้นางเพื่อคลี่คลายวิกฤติสำนักไท่หัว ขณะที่เซี่ยเหยียนก็รู้สึกเช่นเดียวกันในเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม พอนางคุ้นเคยกับผู้อาวุโสระดับหนึ่งแล้ว นางจึงเริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าผู้อาวุโสหาได้สนใจโลกแห่งการฝึกตนมากนัก
การที่เขามอบจี้หยกให้นางเพื่อคลี่คลายวิกฤติสำนักไท่หัวนั้น บางทีบรรพชนเวิงอู๋โยวอาจคิดมากเกินไป
เป็นไปได้จริง ๆ ว่านี่คือสมบัติแห่งการปกป้องที่ผู้อาวุโสทรงพลังมอบให้นาง
“ไม่อาจดึงธนูด้วยพลังปราณได้? เจ้าลูกโง่ของข้า ลองอีกครั้งเดี๋ยวนี้…”
จักรพรรดิเซี่ยพูดไม่ออก
บุตรสาวของเขานั้นคิดเรียบง่ายเกินไป หากไม่สามารถกระตุ้นด้วยพลังปราณ แล้วผู้อาวุโสจะมอบธนูล้ำค่าให้ทำไมกัน?
เป็นไปได้หรือว่า เขาต้องการให้เซี่ยเหยียนใช้ธนูล้ำค่าเพื่อล่าสัตว์เหมือนคนธรรมดาตลอดเวลา!
จะเป็นไปได้อย่างไร!
หากไม่สามารถดึงธนูล้ำค่าด้วยพลังปราณได้ หมายความผู้อาวุโสกำลังทดสอบเซี่ยเหยียนอยู่เป็นแน่
ต่อมา ผู้อาวุโสยอมรับในตัวเซี่ยเหยียน จึงได้มอบธนูให้แก่เซี่ยเหยียน ให้เซี่ยเหยียนตั้งชื่อและได้รับการยอมรับจากธนู
เขารู้สึกว่าตอนนี้เซี่ยเหยียนสามารถใช้พลังปราณของนางเพื่อดึงคันธนูได้อย่างแน่นอน
แต่เซี่ยเหยียนนั้นเรียบง่ายเกินไป หลังจากธนูจำเจ้าของได้ นางก็ไม่ได้ใช้พลังปราณของนางดึงคันธนูอีกเลย…
“ให้ข้าลองดู”
เซี่ยเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเริ่มใช้พลังปราณในร่างกาย ก้มลง…และดึงคันธนู!
เกาทัณฑ์ง้างออกเล็กน้อย แล้วนางสามารถก็ดึงสายธนูได้อย่างง่ายดาย!
ในเวลาเดียวกัน ลูกศรแสงพลันปรากฏขึ้นบนสายธนู!
เดิมทีนางแค่ต้องการดูว่าตนเองจะสามารถดึงสายธนูได้หรือไม่ จึงไม่ได้ขึงลูกธนูเอาไว้
ฟิ้ว!
นางคลายสายธนู และลูกศรแสงก็พุ่งออกไปราวม่านแสง ทะลวงอากาศออกไปไกล และยิงโดนภูเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ในทันที!
ตู้ม!
ภูเขาระเบิดและพังทลายลงในบัดดล เกิดเป็นหุบเขาลึกที่น่าสะพรึงกลัวอยู่บนพื้น!
“รุนแรงเกินไปแล้ว!”
เซี่ยเหยียนสัมผัสได้ถึงภาพที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ แล้วนางก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไป พลังของลูกศรแสงน่าสะพรึงเกินไปแล้ว!