รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 42 ลับคมหัวใจแห่งเต๋า

บทที่ 42 ลับคมหัวใจแห่งเต๋า

บทที่ 42 ลับคมหัวใจแห่งเต๋า

สวรรค์และโลกปกคลุมไปด้วยสีเทาหม่น และสนามรบโบราณก็ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา

ด้ายสีทองแวววาวปรากฏขึ้นได้แบ่งสนามรบแห่งสวรรค์และโลก ก่อตัวเป็นกระดานหมาก

หลี่จิ่วเต้าตัวสูงตระหง่านอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับท้องฟ้า ขณะเดียวกันกลิ่นอายของทวยเทพและมารปีศาจอันเย็นยะเยือกก็เข้าโอบผู้ชมเอาไว้!

จักรพรรดิเซี่ยเคยผ่านการสู้รบเช่นนี้ที่ไหน จิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้านและรู้สึกไม่สบายใจยิ่ง

เมื่อมองไปที่ตัวหมากในมือมันก็กลายเป็นเทพและมารปีศาจสีขาวโพลนไปแล้ว!

ส่วนหมากของหลี่จิ่วเต้าเป็นเทพและมารปีศาจสีดำ

เขาไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึงต่อหน้าเทพและมารปีศาจ แต่ยามนี้กลับต้องใช้เทพและมารปีศาจในการเล่นหมาก นี่ทำให้เขารู้สึกกลัวแทบตายแล้ว…

“ท่านพ่อ เริ่มได้แล้วเจ้าค่ะ!”

เซี่ยเหยียนดูกระวนกระวายใจ พ่อของนางถือตัวหมากนิ่งงันอยู่เนิ่นนาน

จักรพรรดิเซี่ยกลับมามีสติอีกครั้ง เขาชำเลืองมองบุตรสาวแล้วอยากกล่าวเหลือเกินว่า เจ้าลูกงี่เง่า ลองมองดูสิ สวรรค์และโลกเป็นกระดาน เทพและมารปีศาจเป็นหมาก ข้าเกรงว่าแม้แต่นักบุญก็เล่นหมากเช่นนี้ไม่ได้!!

หลี่จิ่วเต้าเห็นจักรพรรดิเซี่ยยังคงชักช้าไม่เดินหมากสักที ก็นึกในใจว่าอีกฝ่ายสมกับที่เป็นผู้ปกครองของอาณาจักร ครุ่นคิดกลยุทธ์เกมกระดานทั้งหมดก่อนจะเริ่มเดินหมาก

เกมหมากครานี้กลับต้องเผชิญกับผู้อาวุโส…

จักรพรรดิเซี่ยรู้สึกหนังศีรษะชาหนึบ จนในที่สุดก็ค่อย ๆ วางหมากลงบนกระดาน

เมื่อหมากขาวยืนหยัด เทพกับมารปีศาจสีขาวก็โผล่ออกมาเผชิญหน้ากับเทพและมารปีศาจสีดำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับเทพและมารปีศาจสีดำแล้ว เทพและมารปีศาจสีขาวไม่มีท่าทีน่าเกรงขามเลยแม้แต่น้อย…

หลี่จิ่วเต้าวางหมากโดยไม่รีรอส่งเทพและมารปีศาจสองตัวไปฆ่าเขา 

จักรพรรดิเซี่ยทุกข์ระทมไร้หนทางต่อกร อีกทั้งใจยังรู้สึกว่าโดนทรมาน

ชายแก่เหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้า แต่หลังจากผ่านไปเพียงสิบตา เขาก็พ่ายแพ้หมดท่าเป็นที่เรียบร้อย

ซ้ำระหว่างเล่นยังถูกทรมานหลายสิบครั้ง ในใจก็ได้แต่นึกว่าความตายคงมาเคาะประตูเรียกหาแล้วสินะ

‘ข้านึกว่าจะได้เจอกับปรมาจารย์เดินหมากเสียอีก…’

ชายหนุ่มพูดไม่ออก เดิมทีคิดว่าจักรพรรดิเซี่ยเป็นปรมาจารย์ แต่เขาไม่เก่งเอาเสียเลยที่พ่ายแพ้ภายในสิบกระบวนท่า

‘แต่ก็เท่านั้นเพราะทักษะหมากของข้าน่ะ ไม่ว่าจักรพรรดิเซี่ยจะคิดเดินไปทางไหน หรือเก่งเพียงใดก็…’

ทักษะหมากของหลี่จิ่วเต้าอยู่ใน [ขั้นเทวะ] แล้ว ที่สำคัญกระดานกับหมากชุดนี้ก็รับมาจากระบบด้วย

“นี่มัน… แทงใจดำยิ่งนัก!”

ในตอนท้ายของเกม จักรพรรดิเซี่ยค้นพบว่าหัวใจแห่งเต๋าของเขาเพิ่มขึ้นหลายขั้นจนเข้าสู่สถานะ ‘ยึดมั่นในใจตัวเอง!’

ยึดมั่นในใจตัวเอง… ขอบเขตหัวใจแห่งเต๋านี้สูงเกินไป แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตกงล้อชะตาก็ไม่สามารถควบคุมขอบเขตหัวใจแห่งเต๋าที่สูงส่งเช่นนี้ได้!

‘ผู้อาวุโสกำลังฝึกฝนหัวใจแห่งเต๋าของข้าด้วยหมากอย่างนั้นหรือ!’

ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้บางสิ่งที่ชี้ส่องทาง และรู้สึกขอบคุณหลี่จิ่วเต้าที่ทำให้เห็นแสงสว่าง

เต๋านั้นสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกตน!!

ด้วยหัวใจแห่งเต๋าที่แน่วแน่เท่านั้น ผู้ฝึกฝนจึงจะสามารถบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งการฝึกตนได้ หากหัวใจแห่งเต๋าไม่แข็งแกร่ง ไม่ว่าขอบเขตจะสูงเพียงใดก็จะเกิดปัญหาใหญ่ในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!

ผู้ฝึกตนทุกคนรู้ถึงความสำคัญของหัวใจนี้ ทว่าการบ่มเพาะหัวใจแห่งเต๋านั้นยากเกินไป แม้ว่าความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนจะดีขึ้น แต่หัวใจแห่งเต๋าไม่ตรงกับขอบเขตของพวกเขามันก็ไม่มีประโยชน์

ยึดมั่นในใจตัวเอง นี่คือขอบเขตแห่งเต๋าที่ผู้ฝึกตนหลายคนใฝ่ฝัน เป็นการปรับปรุงเชิงคุณภาพซึ่งแตกต่างจากเต๋าก่อนหน้านี้อย่างมาก ด้วยความช่วยเหลือของ ‘การยึดมั่นในใจตัวเอง’ เขาจะสามารถปลูกฝังทุกวิถีทางสู่ชัยชนะ…ขอบเขตกงล้อชะตากรรม!

และเขาเองก็ถูกชะตาชี้ให้แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนคนอื่นเนื่องจากหัวใจแห่งเต๋า ‘การยึดมั่นในใจตัวเอง!’

“เช่นนั้นแล้ว… ข้าขออีกตาได้หรือไม่”

จักรพรรดิเซี่ยถามอย่างระมัดระวัง

‘ฮิ ๆ ท่านพ่อต้องได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเล่นหมากกับอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่เป็นแน่!’

เด็กสาวหัวเราะอยู่ในใจ นางรู้ว่าบิดาต้องได้ประโยชน์อะไรบางอย่างไปเป็นแน่ มิเช่นนั้นคงไม่คิดจะเล่นอีกตา

“ย่อมได้”

หลี่จิ่วเต้าไม่ปฏิเสธ

อย่างไรเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว แม้ว่าทักษะการเล่นหมากของจักรพรรดิเซี่ยจะแย่ ทว่าก็ยังคลายความเบื่อหน่ายได้

หลังจากที่หัวใจแห่งเต๋าเข้าถึงระดับ ‘การยึดมั่นในใจตัวเอง’ แล้ว จักรพรรดิเซี่ยก็เล่นหมากได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ซ้ำยังเดินได้หลายตาโดยไม่พ่ายแพ้ด้วย!!

อย่างไรก็ตามความกดดันที่หนักอึ้งยังคงมีอยู่ ทว่าหัวใจแห่งเต๋าของเขายังอยู่ในสภาพที่สงบ

หลังจากผ่านไปสองสามตา แม้แต่เจ้าตัวยังไม่อยากจะเชื่อว่าหัวใจแห่งเต๋าของเขาได้มาถึงขอบเขต ‘เอกภาพแห่งสวรรค์และโลก’ แล้ว!

หัวใจของเต๋านั้นดุจดั่งสวรรค์และโลกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ขอบเขตนี้ยากที่จะรู้ว่าสูงเพียงใด เพราะมีคนไม่มากนักในเหยียนโจวที่สามารถมีหัวใจแห่งเต๋าเช่นนี้ได้!

จักรพรรดิเซี่ยเป็นคนไม่ค่อยเอาไหนจึงไม่ได้คาดหวังตัวเองว่าจะขึ้นสู่ ‘เอกภาพแห่งสวรรค์และโลก’ ได้

คนอื่นนั้นมีขอบเขตอันสูงแต่ต่ำในหัวใจแห่งเต๋า เขานั้นกลับกัน หัวใจแห่งเต๋าสูงทว่าขอบเขตต่ำ

“นี่ก็ผ่านมาหลายตาแล้ว เราเลิกเล่นกันดีไหม”

หลี่จิ่วเต้ายืดตัว บ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาควรจะขยับเคลื่อนไหวเสียบ้าง

‘เฮ้อ น่าเบื่อชะมัด …ให้เล่นกับตัวเองยังจะดีกว่า’

เดิมทีเขาวางแผนที่จะเล่นกับตัวเอง แต่เซี่ยเหยียนกับจักรพรรดิเซี่ยบังเอิญมาพอดี เขาจึงคิดจะเล่นกับอีกฝ่ายสักตาสองตาเพื่อคลายความเบื่อหน่าย

แต่ใครจะรู้ว่าทักษะหมากของจักรพรรดิเซี่ยนั้นแย่มาก เขาออมมือให้ก็แล้ว อะไรก็แล้ว ทว่าจักรพรรดิเซี่ยก็ยังสู้ไม่ได้

รู้แบบนี้แอบไปเล่นคนเดียวดีกว่า!

หลังจากที่ทักษะหมากบรรลุถึง [ขั้นเทวะ] หลี่จิ่วเต้ายังสามารถทำสองสิ่งด้วยกันได้ นั่นคือการเล่นกับตัวเอง

ทว่าจักรพรรดิเซี่ยนั้นไม่รู้ความคิดของชายหนุ่ม เขาอยากจะเล่นกับผู้อาวุโสผู้ทรงพลังอีก

แต่เมื่อผู้อาวุโสเอ่ยมาเช่นนั้น เขาจะพูดได้อย่างไรว่ายังอยากจะเล่นอีกสองตา…

จักรพรรดิเซี่ยยืนขึ้นแล้วบอกลาหลี่จิ่วเต้า อาณาจักรเซี่ยยังมีหลายสิ่งหลายอย่างรอให้เขาจัดการ ดังนั้นคงไม่เหมาะนักหากจะอยู่ที่นี่นานเกินไป

“ข้าจะกลับมาหาผู้อาวุโสในภายหลัง!”

เซี่ยเหยียนยังบอกลาหลี่จิ่วเต้าแล้วจากไปพร้อมกับบิดาของนาง

“สวรรค์ ถึงกับมีผู้อาวุโสทรงพลังอย่างเหลือเชื่อในโลกนี้ด้วย!”

หลังออกจากเมืองชิงซานแล้ว จักรพรรดิเซี่ยก็เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ครั้งนี้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย โดยเฉพาะหลี่จิ่วเต้านั้นยากหยั่งถึงและเหนือจินตนาการยิ่ง!

เด็กสาวหัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า “นับจากนี้ไป ท่านพ่อก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหนิงเจี๋ยแล้วนะเพคะ”

จักรพรรดิเซี่ยขมวดคิ้วยุ่ง “เจ้าบอกว่าหนิงเจี๋ยตกใจจนวิ่งหนีไปแล้วมิใช่หรือ? หากเป็นปกติละก็ เขาไม่ควรมาหาเจ้าอีก แต่แน่ใจหรือว่าหนิงเจี๋ยกลัวผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่?”

“แน่ใจเพคะ ไม่สิ ผู้อาวุโสไม่ได้กระทำสิ่งใดเลยในเวลานั้น เป็นแมวที่ผู้อาวุโสเลี้ยงไว้ที่ทำให้หนิงเจี๋ยหนีไปต่างหาก!”

เซี่ยเหยียนคิดเสมอว่าหนิงเจี๋ยกลัวผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ ทว่าเมื่อมาคิดอย่างรอบคอบแล้ว ดูเหมือนสิ่งต่าง ๆ จะไม่เป็นอย่างที่คิด

ในเวลานั้น ท่านผู้อาวุโสไม่ได้แสดงท่าทีแปลก ๆ เลย และเขาดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา

นางจำได้…

ว่าในเวลานั้น เจ้าแมวของผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่สำแดงพลังอันร้ายกาจ ทำให้หนิงเจี๋ยตกใจกลัวจนหนีไป!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท