บทที่ 28 หม้อกลั่นสวรรค์ ชาเซียนแห่งการรู้แจ้ง
สิบสุดยอดโอสถของจักรพรรดิ มีข่าวลือว่าเทียบได้กับโอสถเซียน ซ้ำยังมีประสิทธิภาพมันเทียบชั้นฟ้า!
โอสถของจักรพรรดิทั่วไปนั้นสามารถยืดอายุของจักรพรรดิ และทำให้จักรพรรดิมีชีวิตได้อีกหนึ่งชีวิต
แต่สิบสุดยอดโอสถของจักรพรรดินั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าโอสถของจักรพรรดิทั่วไปมาก เพราะพวกมันสามารถต่ออายุของจักรพรรดิได้ถึงหกชั่วอายุคน!
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สามารถอยู่ได้ 10,000 ปี ในขณะที่หกรุ่นคือ 60,000 ปี!
สิ่งนี้เพิ่มความหวังของจักรพรรดิที่จะกลายเป็นเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากนั้นพวกเขาก็จะมีเวลาเพิ่มอีก 60,000 ปี
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่สมัยโบราณ โอสถของจักรพรรดิทั่วไปนับว่าหายากยิ่งแล้ว แต่โอสถสิบสุดยอดโอสถของจักรพรรดิกลับยิ่งหายากมากขึ้นไปอีก ซ้ำยังไม่มีการบันทึกไว้อีกว่าผู้ใดสามารถปรุงโอสถของจักรพรรดิทั้งสิบได้
แม้แต่จักรพรรดิที่มีชื่อเสียงและผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ในสมัยโบราณก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถปรุงโอสถของจักรพรรดิทั้งสิบได้ เหลือเพียงโอสถของจักรพรรดิธรรมดาเท่านั้นที่ยังพอมีให้เห็นบ้าง
ไม้ของต้นจักรพรรดิผานเถา ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบโอสถของจักรพรรดิกลับถูกนำมาเผาถ่านใช้ต้มน้ำ…
จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าถอนหายใจอยู่เงียบ ๆ ขอบเขตของผู้อาวุโสนั้นสูงเพียงใดจึงสามารถกระทำเช่นนี้ได้
ตนช่างโชคดีนักที่มีโอกาสได้เห็นตัวตนอันทรงพลังเยี่ยงนี้ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ แม้ว่าจะต้องตายหลังจากนี้ก็ไร้ซึ่งความเสียใจแล้ว!
จากนั้นเขาก็หันไปมองกาน้ำชาบนเตาถ่าน
ถ่านที่ใช้ต้มน้ำว่ามหัศจรรย์แล้วกาน้ำชา ถ้วยชากับอื่น ๆ จะน่าทึ่งถึงเพียงไหนกัน?
กาน้ำชามีขนาดไม่ใหญ่นัก มันเป็นหม้อทรายสีม่วงราวกับทำมาจากทรายสีม่วง
อย่างไรก็ตาม บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ารู้ว่ามันไม่ง่ายดายปานนั้น
เขาตรวจสอบโดยใช้สัมผัสวิญญาณของตน และเมื่อสัมผัสวิญญาณของเขาตกลงบนกาน้ำชา จู่ ๆ บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าก็รู้สึกว่าตัวเล็กลง ราวกับว่าเขาได้มาถึงดินแดนเซียนด้านนอกโลกที่ไร้ซึ่งตัวตน และล้อมรอบไปด้วยพลังแห่งเซียนแท้จริง!
บรรพชนสูดอากาศเย็นเข้าปอด ก่อนจะเห็นฉากที่น่ากลัวอย่างยิ่งเข้า!
หม้อแห่งสวรรค์และโลก ข้างในบรรจุดวงอาทิตย์ที่บดบังจันทรา ท่ามกลางดวงดารานับพันล้านดวงเบื้องหน้า มันกว้างใหญ่และโดดเดี่ยวเกินไป ราวกับเป็นหนึ่งเดียวในจักรวาล ซึ่งสามารถยึดทั้งสวรรค์และจักรวาลนับไม่ถ้วนได้!
กฎแห่งระเบียบกำลังพล่าน อักษรโบราณประหนึ่งคลื่นทะเลซัดสาด มันห้อยลงมาจากประทีปและเมฆาบนฟากฟ้าซึ่งมีดารกะอยู่นับร้อยล้านดวง จากนั้นอักขระโบราณสองตัวก็พลันปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางบนตัวหม้อ!
‘กลั่นสวรรค์!’
เขาไม่รู้จักอักขระโบราณสองตัวนี้ แต่เขาสามารถเข้าใจความหมายของมันได้อย่างชัดเจน และความหมายของอักขระโบราณทั้งสองตัวก็ถูกถ่ายทอดมายังจิตใจของเขา
‘มันคือหม้อกลั่นสวรรค์จริง ๆ ด้วย!’
ราวกับร่างกายถูกกระแทกอย่างแรง เพราะหัวใจของเขาก็ถูกทำให้ตกใจจนมากเช่นกัน
ลือกันว่ายามโลกถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกก็บังเกิดความโกลาหล จนทำให้ทุกอย่างว่างเปล่าและไร้ซึ่งสิ่งใด
ในภายต่อมา สมบัติทางธรรมชาติได้ถือกำเนิดขึ้นในความโกลาหล มันคือหม้อใบหนึ่ง หม้อดูดซับความโกลาหลและขัดเกลามัน ก่อนจะเทออกจากพวยกา จากนั้นโลกก็ถือ ‘กำเนิด’ อย่างแท้จริง สรรพสิ่งปรากฏขึ้นมาและกฎแห่งระเบียบต่าง ๆ ก็เป็นรูปเป็นร่าง!
ไม่แปลกใจเลยที่เขารู้สึกคนเดียว…
หม้อกลั่นสวรรค์มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!
“หม้อกลั่นสวรรค์มีอยู่จริงหรือนี่!”
ปากของเขาแห้งผาก และหัวใจของเขาสั่นสะท้านจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดได้ เดิมทีเขาคิดว่าหม้อกลั่นสวรรค์เป็นเพียงตำนาน แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!
หม้อใบนี้ตั้งตระหง่านเหนือกฎแห่งระเบียบจำนวนนับไม่ถ้วน อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งไม่ว่าจะ สวรรค์ โลก สุริยัน จันทรา และดารกะนับพันล้านดวง ล้วนไร้ความหมายต่อหน้ามัน!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือหม้อที่ลือกันว่าสามารถขัดเกลาความโกลาหลและแบ่งแยกโลกได้!
“สมบัติเซียนไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าหม้อใบนี้!”
มีกฎแห่งระเบียบจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งแต่ละข้อล้วนอยู่เหนือธรรมชาติและสูงสุด แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงกฎแห่งนิรันดร์
ทว่าถึงกระนั้น หม้อใบนี้ยังคงตั้งตระหง่านอยู่เหนือมัน และกดให้ต่ำกว่านั้นมาก!
หม้อใบนี้เหนือกว่าสมบัติเซียนและมันก็ถือได้ว่าสุดยอดยิ่ง อีกทั้งบนตัวหม้อยังแสดงคำว่า ‘กลั่นสวรรค์’ หากไม่ใช่หม้อกลั่นสวรรค์แล้วจะเป็นหม้ออันใดอีก?
“ชีวิตก็เหมือนชา ชาก็เหมือนชีวิต อย่าใจร้อน อย่าร้อนใจ แม้นในโลกจะมีสิ่งล่อใจมากมาย แต่เจ้ายังต้องรักษาดินแดนอันบริสุทธิ์ในใจไว้”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวอย่างสบาย ๆ
การชงชามีความหมายลึกซึ้งยิ่ง ในระหว่างขั้นตอนการฝึกชงชา หลี่จิ่วเต้าได้ตระหนักถึงความหมายอันล้ำลึกมากมาย ก่อนที่มันจะทำให้สภาพจิตใจของเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
สำหรับมนุษย์คนอื่น หลังจากรู้ว่าลวี่เหลียงและบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าเป็นผู้ฝึกตน พวกเขาจะสงบได้อย่างไร ไม่แคล้วคงจะเคารพลวี่เหลียงและบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าอย่างแน่นอน
แต่หลี่จิ่วเต้าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่
แม้ว่าหลี่จิ่วเต้าจะต้องการผูกมิตรกับผู้ฝึกตนอย่างลวี่เหลียงและบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้า ทว่าทัศนคติของเขายังคงสงบมากอยู่ดี ชายหนุ่มไม่ได้ก้มหัวแต่มองพวกเขาอย่างสงบ
เมี้ยว!
ลั่วสุ่ยเดินมาหลี่จิ่วเต้า เมื่อนางกินปลาจนหมดพลังของนางก็พุ่งสูงขึ้น แต่ด้วยกลิ่นถ่านที่เผาไหม้ทำให้นางรู้สึกมึนเมายิ่ง นางจึงอดไม่ได้ที่จะมาที่นี่
ความรู้ของนางกว้างกว่าความรู้ของบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ายิ่ง เพราะเมื่อเห็นชุดน้ำชาแล้ว นางก็ตกใจไม่แพ้กัน
‘ชุดน้ำชาเช่นนี้ควรชงชาแบบใดดี!’
นางมองไปที่ลวี่เหลียงและบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าด้วยความอิจฉาและเกลียดชัง
ณ จุดนี้ ทุกอย่างได้กลับตาลปัตรเป็นที่เรียบร้อย
คราแรกนั้น เป็นลวี่เหลียงกับบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าที่อิจฉาริษยาและรังเกียจนาง ทว่ามาตอนนี้ กลับเป็นนางที่อิจฉาริษยาและรังเกียจลวี่เหลียงกับบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าแทน!
หลังจากที่น้ำเดือดได้ที่แล้ว หลี่จิ่วเต้าก็หยิบกาน้ำชาขึ้นมา ทำความสะอาดชุดชาทั้งหมด ก่อนที่สุดท้ายจะทำความสะอาดกาน้ำชาอีกครั้ง
เขาลุกขึ้นเพื่อเทน้ำล้าง แล้วเอาน้ำอีกหม้อกับกาน้ำชามาวางบนเตาถ่านเล็ก ๆ
มือเปิดฝาหม้อ ใส่ใบชาด้วยช้อนชา แล้วเริ่มชงชาตามลำดับ
ใบชามีสีเขียวมรกตและดูราวกับเพิ่งเด็ดมา ทั้งยังมีเส้นลำเลียงตามธรรมชาติบนใบและกลิ่นหอมของใบชาที่โชยกลิ่นออกมาอย่างจาง ๆ
หางตาของบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ากระตุก ชานี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!
“นี่คือชาเซียนแห่งการรู้แจ้ง!?”
หัวใจของเขาสั่นสะท้านในบัดดล เมื่อเห็นใบชาที่ดูเหมือนกับชาเซียนแห่งการรู้แจ้ง ที่บันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณมาก!
ลือกันว่าจักรพรรดิผู้บ้าคลั่งได้พบกับพฤกษาสวรรค์เมื่อในตอนที่เขายังเด็ก จากนั้นเขาก็ปีนพฤกษาสวรรค์ไปพบกับแดนเซียน มันเป็นที่ซึ่งเขาได้รับคำแนะนำและคำสอนจากเซียน แล้วสุดท้ายเขาก็ลงมาจากเบื้องบน
จักรพรรดิผู้บ้าคลั่งเคยนำชาชนิดหนึ่งลงมาจากเบื้องบนด้วย โดยบอกว่ามันเป็นชาเซียนแห่งการรู้แจ้ง ซึ่งใช้สร้างความบันเทิงให้กับจักรพรรดิผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเวลานั้น
ในยามนั้นเอง จักรพรรดิผู้บ้าคลั่งก็ถูกผู้คนเรียกว่าจักรพรรดิผู้บ้าคลั่งที่ขี้งก เพราะแค่ชาถ้วยหนึ่งเขาก็ลังเลที่จะจิบมัน!
ทว่าอย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขาดื่มมันลงไป พวกเขาก็พลันเข้าใจได้ทันทีว่าชานี้มันช่างยอดเยี่ยมและล้ำเลิศเพียงใด!
ถึงกระนั้น ชาที่มีขนาดใหญ่เท่าลูกเดือยนั้นก็สามารถผลิตชาได้มากมาย ซ้ำแล้วผลลัพธ์ยังออกมายอดเยี่ยมและหาที่เปรียบได้!
พวกเขาไม่มีคุณธรรมและความชอบธรรมในการทำความเข้าใจ แต่พวกเขาทั้งหมดสามารถเข้าใจอย่างถี่ถ้วนในทันที และวิถีแห่งเต๋าที่พวกเขาฝึกฝนก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว!
ยุคนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคที่รุ่งโรจน์และรุ่งเรืองที่สุด จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่นั้นทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เขาอยู่ใกล้กับขอบเขตเซียนและด้วยตัวตนของเขา ยุคนี้จึงเป็นอีกยุคหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่ายุคอื่น ๆ!
‘จักรพรรดิผู้บ้าคลั่งมอบความบันเทิงอันล้ำค่าให้กับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อื่น ๆ มากมายด้วยชาขนาดเท่าลูกเดือยเท่านั้น แต่…ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่กลับชงใบชาสามใบในคราวเดียว!’
บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าไม่รู้จะกล่าวอันใดเลยจริง ๆ!
เขาเหลือบไปมองที่กาน้ำชา และยังเห็นว่ามีใบชาเหลืออยู่จำนวนมาก อย่างน้อยก็มีใบชาหลายร้อยใบ!
หรือว่าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่จะทรงพลังกว่าจักรพรรดิผู้บ้าคลั่ง…!
‘ข้าโชคดีกว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น!’
เขาพูดในใจด้วยรอยยิ้มโง่ ๆ บนใบหน้า
หลี่จิ่วเต้าเห็นสีหน้าทั้งหมดของบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าผ่านสายตา เขาพลันรำพึงในใจว่าจริง ๆ แล้วผู้ฝึกตนก็ไม่ได้ต่างจากปุถุชนมากนัก…
ในโลกแห่งการฝึกตนอันโหดร้ายนี้ การได้มีเพื่อนเป็นผู้ฝึกตนมากขึ้นก็ถือเป็นพรอันยิ่งใหญ่เช่นกัน