รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 35 กลายเป็นว่าผู้อาวุโสกำลังชี้แนะวิถีแห่งธนูให้ข้า

บทที่ 35 กลายเป็นว่าผู้อาวุโสกำลังชี้แนะวิถีแห่งธนูให้ข้า

บทที่ 35 กลายเป็นว่าผู้อาวุโสกำลังชี้แนะวิถีแห่งธนูให้ข้า

เดิมทีหลี่จิ่วเต้าสอนกู่ฉินเซี่ยเหยียนอยู่ที่ลานเล็ก ๆ แต่เซี่ยเหยียนเล่นได้แย่มากจนเขาอายเกินกว่าที่จะพูด ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเปลี่ยนไปพูดว่าอากาศดีเหมาะแก่การล่าสัตว์ หลังจากนั้นก็พาเด็กสาวกับวิฬาร์ขาวตัวน้อยไปเนินเขาเขียว

ทว่าเมื่อชายหนุ่มมาถึงเนินเขาเขียว เขาพลันรู้สึกเสียใจขึ้นมา…

ไม่ต้องพูดถึงการล่า เดิมเซี่ยเหยียนก็เป็นผู้ฝึกตนอยู่แล้ว การล่าสัตว์ธรรมดาย่อมเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับนางใช่หรือไม่?

เขาพลาดเสียแล้ว!

เขายังไม่ได้ยิงธนูเลย… แต่เซี่ยเหยียนได้สังหารสัตว์ร้ายไปหลายตัวแล้ว!

บรรดาสัตว์ร้ายที่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้เลยแม้แต่น้อย เพราะเพียงเซี่ยเหยียนยื่นนิ้วออกมา พลังปราณที่เหมือนกับสายรุ้งก็พุ่งออกไป ความเร็วนั้นมากจนตาเปล่ามองไม่เห็น แล้วสัตว์ร้ายก็ร่วงหล่นลงมาทีละตัว

จู่ ๆ หลี่จิ่วเต้าก็รู้สึกว่าสีหน้าของตัวเองในยามนี้แย่มาก… เขายังต้องการแสดงทักษะการยิงธนูของเขาต่อหน้าเซี่ยเหยียนอยู่นะ

แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้คิดเช่นนั้นกับเซี่ยเหยียน แต่ผู้ชายคนไหนเล่าจะไม่อยากโอ้อวดต่อหน้าหญิงงามและถูกหญิงงามข่มเอา

หลี่จิ่วเต้าเองก็ไม่ต้องการเช่นนั้น

“เซี่ยเหยียน เรากำลังล่าสัตว์เพื่อความสนุก เจ้าอย่าได้ทำเช่นนี้เลย ข้าคิดว่ายามนี้เจ้าควรละทิ้งพลังปราณไปเสียก่อน แล้วลองออกล่าแบบคนธรรมดาจะดีกว่า จะได้รู้สึกถึงความสำเร็จกับสัมผัสความสุขในยามล่าเหยื่อบ้าง”

หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับเซี่ยเหยียนอย่างชอบธรรม

“อ๊ะ ผู้อาวุโสพูดถูกเจ้าค่ะ การล่าสัตว์แบบข้าไม่ได้ให้ความสำเร็จอันใดเลยจริง ๆ!”

เซี่ยเหยียนหน้าแดง ก่อนจะเอ่ยออกมา

‘อ๊า ข้าจะอวดตัวเองต่อหน้าผู้อาวุโสทำไมกัน!’

ผู้อาวุโสพานางมาล่าสัตว์ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้นางล่าสัตว์เหมือนคนธรรมดา หากนางใช้พลังปราณของนาง ผู้อาวุโสจะไม่ฆ่าสัตว์ร้ายทั้งหมดที่นี่ในความคิดเดียวหรือ

เมี้ยว!

ลั่วสุ่ยร้องออกมาอย่างมีความสุข นางพลันรู้สึกสดชื่นมาก

‘ข้าบอกแล้วว่าเจ้าน่ะอวดเก่ง ดูเสีย เจ้าถูกผู้อาวุโสวิจารณ์ยับ!’

นางหยุดหัวเราะในใจไม่ได้ เมื่อเห็นเซี่ยเหยียนโดนผู้อาวุโสว่า

ใครใช้ให้เซี่ยเหยียนเข้าใกล้ผู้อาวุโสมากถึงเพียงนี้เล่า!

“ข้าให้ธนูแก่เจ้ามิใช่หรือ? ใช้ธนูนั้นล่าเถอะ”

หลี่จิ่วเต้ามอบธนูที่ทำเองให้กับเซี่ยเหยียน ส่วนตัวเขาเองใช้ธนูเซวียนหยวนที่ระบบให้รางวัลมา

“รับทราบเจ้าค่ะ!”

เซี่ยเหยียนพยักหน้า ก่อนจะหยิบคันธนูที่ด้านหลังออกมาถือไว้

แต่ว่า…ผู้อาวุโสไม่อนุญาตให้นางใช้พลังปราณในการล่ามิใช่หรือ? 

ข้าต้องล่าเหยื่อแบบคนทั่วไปมิใช่หรือไร? …แล้วเหตุใดถึงให้นางใช้ธนูล้ำค่านี้ในการล่าเล่า?

ช่างน่าพิศวงนัก

ยามนั้น เมื่อหลี่จิ่วเต้ามอบคันธนูให้กับนาง นางรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง

คันธนูดูเหมือนทำจากไม้ธรรมดา ส่วนสายกับขนนกก็ดูเหมือนทำจากวัสดุทั่วไป

ทว่าเมื่อนางถือมันไว้ในมือ จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงได้ถึงจิตสังหารอันไร้ขอบเขตและพลังที่ไร้ขอบเขต ราวกับว่านางกลายร่างเป็นเทพแห่งเกาทัณฑ์ที่สามารถยิงดารา สุริยันและจันทราได้!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือธนูล้ำค่า และความล้ำค่าของมันก็น่าจะสูงมากเสียด้วย!

“ดูนั่นสิ มีกวางอยู่ตรงนั้น”

หลี่จิ่วเต้าชี้ไปทางหนึ่งและเอ่ยว่า “เอาเลย เซี่ยเหยียน ออกล่าอย่างคนธรรมดากันเถิด”

แต่…ธนูล้ำค่านี้สามารถใช้โดยไม่มีพลังปราณได้หรือ?

‘เกรงว่าแม้จะมีพลังปราณ ข้าก็ไม่สามารถขึ้นสายธนูนี้ได้อยู่ดี!’

เซี่ยเหยียนคิดกับตัวเอง

อย่างไรก็ตาม นางยังคงหยิบขนลูกศรออกมาตามที่หลี่จิ่วเต้ากล่าว วางมันลงบนคันธนู และยกธนูขึ้นโดยไม่ใช้พลังปราณของตนเอง

คำพูดและการกระทำของผู้อาวุโสช่างเต็มไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง!

ในเมื่อผู้อาวุโสขอให้นางทำเช่นนั้น นางก็ควรจะทำ!

นางพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะขึ้นสายธนู แต่ที่น่าประหลาดใจคือ นางกลับสามารถขึ้นสายธนูได้!

เมื่อขึงสายธนูจนสุด นางก็เล็งไปที่กวางและปล่อยลูกศรออกไป!

อย่างไรก็ตาม มันไม่เข้าเป้าและเฉียดไปด้านข้างแทน

กวางน้อยตกใจกับลูกธนูจนกระโดดหนีไป

“เจ้าต้องใจเย็น อย่าได้เร่งรีบไป การยิงธนูก็เป็นสิ่งที่พิเศษมากเช่นกัน”

หลี่จิ่วเต้ายิ้ม นี่คือฉากที่เขาต้องการ ชายหนุ่มอธิบายถึงความสำคัญของการยิงธนูและบอกให้เซี่ยเหยียนลองยิงธนูอีกครั้ง

“การยิงธนูมีห้าระดับและสามระนาบ ห้าระดับหมายถึงมือ เท้า ข้อศอก ไหล่ และหน้าผาก ส่วนสามระนาบคือ สายที่หู ลูกศรที่ปลายริมฝีปาก และสายที่หน้าอก”

เขาอธิบายอย่างละเอียดและกล่าวในที่สุด “ทุกอย่างมีตั้งแต่ง่ายไปจนถึงซับซ้อน ตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่ จำไว้ว่าอย่าสูงส่งเกินไป คิดจะกินทุกอย่างในคำเดียวมิได้ เจ้าต้องติดดินเข้าไว้”

กลายเป็นว่าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่กำลังชี้นำนางไปในวิถีแห่งธนู!

เซี่ยเหยียนพลันเข้าใจทุกอย่างในทันที

แม้จะมีพลังปราณ แต่นางก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถดึงคันธนูได้ การที่นางสามารถดึงมันได้โดยไม่ต้องใช้พลังวิญญาณ เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสเป็นผู้ทำสิ่งนี้!

ธนูนี้ถูกควบคุมโดยผู้อาวุโสทรงพลัง ด้วยเหตุนี้ นางจึงสามารถใช้งานมันได้

ตั้งแต่ง่ายไปจนถึงซับซ้อน จากเล็กไปหาใหญ่!

‘ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ กำลังให้นางเริ่มฝึกฝนในฐานะคนธรรมดาหรือนี่!’

“หนึ่งชีวิตคือสอง สองคือสาม สามคือทุกสิ่ง… เต๋าทั้งหมดเริ่มต้นจากสิ่งที่ง่ายที่สุด! เข้าสู่วิถีด้วยฐานะคนธรรมดา และเข้าใจวิถีแห่งธนูไปทีละย่างก้าว ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ทรงงานหนักจริง ๆ!”

นางรู้สึกซาบซึ้งในตัวอีกฝ่ายยิ่ง

สำหรับวิถีแห่งธนู นางนั้นไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย ส่วนผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ย่อมต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้ ผู้อาวุโสจึงเริ่มสอนนางตั้งแต่ขั้นพื้นฐานที่สุด และปล่อยให้นางเข้าสู่วิถีนี้ในฐานะคนธรรมดา!

‘ผู้อาวุโส ท่านวางใจได้เลย! ข้าจะทำตามความตั้งใจของท่าน และจะประสบความสำเร็จในวิถีแห่งธนูอย่างแน่นอน!’

นางสาบานอย่างลับ ๆ ว่าจะตั้งใจเรียนรู้วิถีแห่งธนูอย่างลับ ๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น นางก็จะทำตามความคาดหวังของผู้อาวุโสให้จงได้!

ก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสสอนนางเล่นกู่ฉิน แต่นางทำพลาดและเล่นกู่ฉินได้ไม่ดี

ครานี้นางจะไม่ยอมพลาดอีกเป็นแน่!

‘เซี่ยเหยียนผู้นี้… ช่างโชคดีนัก!’

ลั่วสุ่ยมองไปที่เซี่ยเหยียนด้วยความชื่นชม

ผู้อาวุโสถึงกับชี้แนะเซี่ยเหยียนเกี่ยวกับวิถีแห่งกู่ฉิน และวิถีแห่งธนูเป็นการส่วนตัว ช่างเป็นเกียรติอะไรปานนี้!

เจ้าแมวน้อยมองภาพทุกอย่างด้วยความอิจฉาและรังเกียจ นางหวังเหลือเกินว่าตนเองจะกลายเป็นเซี่ยเหยียนได้!

มีกู่ฉินในตำนานที่สามารถกลบฝังศัตรูหลายร้อยล้านคนด้วยบทเพลงเดียว กับธนูของจักรพรรดิโบราณที่ยิงธนูเพียงดอกเดียวก็ทะลุท้องฟ้าไปชั่วนิรันดร์!

เซี่ยเหยียนจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากทั้งสองวิถีนี้ นี่ทำให้นางอิจฉาอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่นางทำได้เพียงเฝ้าดูและไม่อาจทำอันใดได้เลย

เพราะนางเป็นแค่แมวเลี้ยง…

เมื่อผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่สอนเซี่ยเหยียนถึงวิถีแห่งกู่ฉินและวิถีแห่งธนู แม้ว่านางจะอยู่เคียงข้าง แต่นางก็ไม่กล้าที่จะขโมยมัน

เพราะผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เอ่ยอันใดเกี่ยวกับนาง!

“เมื่อใดผู้อาวุโสจะสอนข้าบ้าง!”

นางมองไปที่หลี่จิ่วเต้าด้วยน้ำตาคลอเบ้า นัยน์ตาเต็มไปด้วยความปรารถนา

ในขณะที่เซี่ยเหยียนเริ่มฝึกด้วยท่าพื้นฐานที่สุดตามที่หลี่จิ่วเต้าเอ่ย ซึ่งก็คือห้าระดับและสามระนาบ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะตั้งใจฟังมาก แต่ก็ยังไม่อาจจับจุดสำคัญได้ การเคลื่อนไหวของนางจึงยังไม่ถูกต้อง ซ้ำท่าทางของนางก็ไม่ถูกต้อง

สิ่งที่เรียกว่าห้าระดับและสามระนาบ นางไม่มีแม้แต่ระดับหรือระนาบเดียว และนางก็ทำไม่ได้ด้วย!

“ให้ข้าช่วยนะ”

หลี่จิ่วเต้าช่วยเซี่ยเหยียนจัดท่าทางของนางเป็นการส่วนตัว

ในตอนนั้นเอง มันเป็นเวลาเดียวกับที่หนิงเจี๋ยเข้ามา

เมื่อเขาเห็นหลี่จิ่วเต้ากับเซี่ยเหยียนกอดกัน ใบหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปอย่างมาก หัวใจของเขากำลังลุกไหม้ด้วยโทสะ และดูเหมือนว่าร่างทั้งร่างจะสามารถจุดประกายเพลิงโกรธาขึ้นมาได้!

เขาถูกสวมเขาจริง ๆ!

“หากไม่ฆ่าเจ้า ตัวข้าก็หาใช่บุรุษแล้ว!”

ดวงตาของหนิงเจี๋ยลุกเป็นไฟ เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป โดยฉับพลัน ร่างทั้งร่างอาบไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น และเขาก็รีบวิ่งไปหาสองคนนั้นทันที

“เอามือสกปรก ๆ ของเจ้าออกไปจากนางซะ!”

หนิงเจี๋ยตะโกนใส่หลี่จิ่วเต้าด้วยความโกรธยิ่ง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท