รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 32 หนิงเจี๋ย

บทที่ 32 หนิงเจี๋ย

บทที่ 32 หนิงเจี๋ย

“ข้ากำลังหาเซี่ยเหยียน”

หนิงเจี๋ยที่นั่งอยู่บนหลังเสือ กดสายตามองต่ำลงบนตัวเจ้าสำนักของสำนักไท่หัว ไร้ซึ่งท่าทีความเคารพต่ออีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง

ความเคารพ?

เขาจะเคารพเจ้าสำนักไท่หัวได้อย่างไร

ไม่ต้องพูดถึงเจ้าสำนักไท่หัว ต่อให้เป็นปรมาจารย์สวรรค์จากแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาก็จะไม่แสดงความเคารพอยู่ดี

มีนักบุญอยู่ในร่างเขาเชียวนะ!

แม้จะเป็นเพียงวิญญาณ แต่ก็ยังเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่!

นักบุญนั้นไร้ซึ่งตัวตนมานานแล้ว และปรมาจารย์สวรรค์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่มีความแข็งแกร่งของนักบุญ และช่องว่างระหว่างนักบุญนั้นก็ไม่อาจทราบได้

เดิมทีแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีนักบุญ แต่ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์สวรรค์ในอดีตนั้นสูงกว่านักบุญเสียอีก

อย่างไรก็ตาม ในยุคสุดท้ายของยุคโบราณ มีความอลหม่านเกิดขึ้นในโลก ผู้แข็งแกร่งหลายคนล้มลง จอมปราชญ์หายไป และพลังการต่อสู้อันสูงส่งก็กลายเป็นตำนาน

แม้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จะสืบทอดต่อกันมา แต่ความแข็งแกร่งยังน้อยกว่าเมื่อก่อนมาก จนถึงตอนนี้ยังไม่มีนักบุญคนใดปรากฏตัวเลย

นามแดนศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นชื่อเรียกที่ค่อนข้างผิดนิดหน่อย…

อย่างไรก็ตาม วิญญาณนักบุญได้บอกว่ายังมีนักบุญและพลังการต่อสู้อันสูงส่งที่ว่านั่นอยู่บนโลกนี้ แม้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จะค่อนข้างไม่สมกับนามของมัน แต่ก็ต้องไม่ถูกผู้อื่นประเมินต่ำไป อีกอย่าง รากฐานการดำรงอยู่ของมันก็ยังลึกมากอยู่ดี

หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ เขาคงไม่เข้าร่วมกับนิกายเจ็ดดาราเป็นแน่

ชายหนุ่มได้รับการชี้แนะจาก ‘นักบุญหลิงเสิ่ง’ ทำให้เขาไม่ค่อยสนใจคำสอนของนิกายเจ็ดดารามากนัก และใจจริงเขาอยากจะเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์มากกว่า

อย่างไรก็ตาม นักบุญหลิงเสิ่งนั้นหวาดกลัวต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ และห้ามไม่ให้เขาเข้าร่วมแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงเข้าร่วมนิกายเจ็ดดาราแทน

“มาหาเซี่ยเหยียนนี่เอง เจ้าสามารถรอที่สำนักได้ระยะหนึ่ง ตอนนี้เซี่ยเหยียนไม่อยู่ในสำนักน่ะ”

เจ้าสำนักของสำนักไท่หัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไม่อยู่ที่นี่? แล้วนางอยู่ที่ไหน?”

หนิงเจี๋ยถาม

เขาต้องการเห็นเซี่ยเหยียนตอนนี้ นี่เป็นความหลงใหลที่ใหญ่สุดในใจของเขา

แม้ว่าหลิงเสิ่งจะคัดค้านที่เขากลับมาบูรพาทิศและแต่งงานกับเซี่ยเหยียน ทว่าเขายังคงยืนกรานที่จะกลับไปแดนตะวันออกอยู่ดี

“นางอยู่ที่…”

เดิมทีเจ้าสำนักของสำนักไท่หัวต้องการจะบอกว่าเซี่ยเหยียนอยู่กับผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่

แต่แล้วก็ตระหนักได้ว่าเขาเกือบทำผิดพลาดครั้งใหญ่

เขาจะยอมให้ผู้อื่นรบกวนผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร!

โดยเฉพาะชายหนุ่มที่เย่อหยิ่งผู้นี้ หากให้เขาไปพบกับผู้อาวุโสท่านนั้น บาปของเขาคงไม่แคล้วยิ่งใหญ่จนทับตัวตาย

เจ้าสำนักรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “นางออกไปฝึกกับผู้อาวุโสใหญ่และจะกลับมาในไม่ช้า”

หนิงเจี๋ยหรี่ตามองเจ้าสำนักของสำนักไท่หัว ก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”

เขามีวิสัยทัศน์กว้างไกล ด้วยการกระทำของเจ้าสำนักไท่หัว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้บอกความจริงและกำลังโกหกเขาอยู่

“เหตุใดคุณชายจึงก้าวร้าวนัก”

เจ้าสำนักไท่หัวอดขมวดคิ้วไม่ได้ แล้วกล่าวว่า “เซี่ยเหยียนจะกลับมาแน่นอน คุณชายสามารถรอในสำนักได้ แล้วเหตุใดจึงยังไม่ยอมลดละ?”

ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวตัวตนหนิงเจี๋ยที่ไม่ธรรมดา เขาจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร หนิงเจี๋ยนั้นลามปามเกินไปแล้ว!

“แล้วข้าต้องไว้หน้าพวกเจ้าด้วยหรือ!?”

หนิงเจี๋ยเยาะเย้ยแล้วเอ่ยว่า “บอกตามตรง ข้าจะไปหาเซี่ยเหยียนตอนนี้ อย่าเล่นตลกกับข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้สำนักไท่หัวจบสิ้นเสียตรงนี้!”

ใบหน้าของเจ้าสำนักไท่หัวเปลี่ยนสี ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะอารมณ์รุนแรงถึงเพียงนี้

หนิงเจี๋ยลามปามเกินไป เขาไม่ได้พูดอะไรไม่ดี ซ้ำยังสุภาพกับหนิงเจี๋ยเสมอ แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นก็ดูจะยังไม่พอ…

“ข้าขออภัยจริง ๆ ข้าไม่ทราบว่าตอนนี้เซี่ยเหยียนอยู่ที่ไหน และผู้อาวุโสใหญ่พานางไปฝึกฝนที่ใด”

เขากล่าวขอโทษ

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ!”

หนิงเจี๋ยหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดออกมา “หากไม่หลั่งเลือดก็จะไม่ยอมพูดความจริงเช่นนั้นสิ!”

ชายหนุ่มกระโดดขึ้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรัศมีอันไร้ขอบเขต และฝ่ามือของเขาก็โบกสะบัด ทันใดนั้น พลันบังเกิดพลังที่น่ากลัวและน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่งพุ่งออกมา!

เจ้าสำนักไท่หัวใช้พลังของตนเพื่อต่อต้าน แต่หาได้ผลไม่

ความแข็งแกร่งของหนิงเจี๋ยนั้นไม่ง่าย เขาทรงพลังกว่าขอบเขตนิพพานคนอื่น ๆ มาก!

แม้ว่าเวิงอู๋โยว บรรพชนสำนักไท่หัวจะนำภาพภูเขาไท่หัวที่หลี่จิ่วเต้าวาดเองกลับมา แต่เขายังไม่ได้เริ่มให้คนในสำนักดู เพราะกำลังทำความเข้าใจกับมันอยู่

ยามนี้ เวิงอู๋โยวกำลังดูภาพภูเขาไท่หัวเพื่อทำความเข้าใจและฝึกฝน

หากไม่เช่นนั้น เจ้าสำนักไท่หัวคงไม่อ่อนแอเช่นนี้

ภาพภูเขาไท่หัวมีเต๋าอันน่าตื่นตาตื่นใจของ ‘ไท่หัว’ อยู่ หากเขาสามารถเฝ้าดูและเข้าใจได้ ขอบเขตความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน แต่หากเลวร้ายที่สุด เขาจะก้าวข้ามไปถึงแค่ขอบเขตผันอนันต์เท่านั้น

ขอบเขตของเจ้าสำนักนับว่าไม่ต่ำมาก เขาอยู่ในขอบเขตนิพพานระดับสาม และถือได้ว่าเป็นขุมพลังต้น ๆ ของบูรพาทิศ

แต่เมื่อเทียบกับหนิงเจี๋ยแล้ว เขายังตามหลังอยู่มาก และเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนิงเจี๋ย!

“เจ้าทำข้าโกรธแล้ว เรื่องนี้จะไม่จบง่าย ๆ วันนี้ต้องมีการนองเลือดที่นี่!”

ท่าทีของหนิงเจี๋ยนั้นหาได้แยแสไม่ ขณะที่ปราณของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างท่วมท้น 

เขากำลังจะเริ่มการสังหารหมู่ในสำนักไท่หัว!

“หยุด!”

ด้วยเสียงตะโกนดังลั่น เวิงอู๋โยวทะยานออกมาจากส่วนลึกและขวางหนิงเจี๋ยเอาไว้

“ขอบเขตก่อกำเนิดเต๋าระดับแปด?”

หนิงเจี๋ยก้าวถอยหลังแล้วมองไปที่เวิงอู๋โยวอย่างสนใจ

ถึงกับมีขอบเขตก่อกำเนิดเต๋าระดับแปดในแดนตะวันออก… ถือว่าค่อนข้างเหนือความคาดหมายของเขา

ตามความเข้าใจของหนิงเจี๋ย ขอบเขตนิพพานถือว่าเป็นระดับสูงสุดในแดนตะวันออก ส่วนขอบเขตก่อกำเนิดเต๋าอยู่เหนือกว่าขอบเขตนิพพานไปถึงสองขอบเขต 

เวิงอู๋โยวกลับอยู่ขอบเขตนี้ระดับแปด นี่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งนัก

ความจริงแล้ว ในอดีตขอบเขตนิพพานถือเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในภาคตะวันออก และมีคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถบุกทะลวงไปสู่ขอบเขตนั้นได้

สำหรับพลังการต่อสู้ที่อยู่เหนือขอบเขตผันอนันต์…อย่าได้พูดถึงเลย เรียกว่าไม่มีจะดีกว่า

ก่อนหน้านี้ เวิงอู๋โยวเองก็ยังไม่สามารถทะลุทะลวงจากขอบเขตนิพพานไปสู่ขอบเขตผันอนันต์ได้

อย่างไรก็ตาม เขาได้พบกับหลี่จิ่วเต้าในภายหลัง ได้รับผลประโยชน์มากมายจากหลี่จิ่วเต้า และได้รับภาพวาดภูเขาไท่หัวที่หลี่จิ่วเต้าวาดเองอีกด้วย

หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ เขาคงไม่มีขอบเขตอันสูงส่งเช่นนี้

“เหตุใดเจ้าจึงมาที่สำนักไท่หัวของข้าเพื่อลงไม้ลงมือเล่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าสำนักไท่หัวของข้าไปยั่วยุเจ้าเข้าที่ไหนสักแห่ง”

เวิงอู๋โยวขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เขาได้กำลังจะปิดด่านฝึกตน หากไม่ใช่เพราะมือของหนิงเจี๋ยที่ผันผวนอย่างรุนแรง เขาคงไม่รู้ว่ามีการต่อสู้อยู่ข้างนอก

“บรรพชน เรื่องเป็นเช่นนี้!”

เจ้าสำนักไท่หัวก้าวไปข้างหน้าและรีบพูดทุกอย่าง

“ความสัมพันธ์ของเจ้ากับเซี่ยเหยียนเป็นอย่างไร?”

เวิงอู๋โยวถามหนิงเจี๋ย หลังจากฟังเรื่องราวจากเจ้าสำนักไท่หัวแล้ว

“เซี่ยเหยียนเป็นภรรยาของข้า!”

หนิงเจี๋ยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“ภรรยา?”

เวิงอู๋โยวตกตะลึง เหตุใดเขาจึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย?

“นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”

เขาถามด้วยความสงสัย

เซี่ยเหยียนไม่เคยบอกว่านางแต่งงานแล้ว เหตุใดจู่ ๆ สามีคนนี้จึงปรากฏตัว?

“ข้าต้องโกหกเจ้าด้วยหรือ”

หนิงเจี๋ยหยามเหยียด “ข้ายอมรับว่าขอบเขตก่อกำเนิดเต๋าระดับแปดนั้นเหลือเชื่อมาก แต่ก็แค่ในบูรพาทิศเท่านั้น เพราะหากเจ้าไปอยู่ข้างนอกนั่นก็นับว่าก็ไม่เพียงพอแล้ว!”

เวิงอู๋โยวขมวดคิ้ว นิสัยของหนิงเจี๋ยนั้นช่างยโสอะไรปานนี้!

เขาเสียใจมากและอยากจะตบหนิงเจี๋ยให้ตายคามือ แต่เมื่อเห็นท่าทางไร้ความกลัวของหนิงเจี๋ย ก็รู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ อาจไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้น หนิงเจี๋ยอาจมีภูมิหลังอันน่าทึ่งก็เป็นได้!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท