รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 52 โลกใบนี้คือหนทางที่ถูกต้อง

บทที่ 52 โลกใบนี้คือหนทางที่ถูกต้อง

บทที่ 52 โลกใบนี้คือหนทางที่ถูกต้อง

‘กู่ฉินนี้มีข้อบกพร่องมากมายนัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใดนัก’

หลังจากทดสอบกู่ฉินไปสองสามครั้ง หลิงอินจึงเริ่มบรรเลงกู่ฉิน

กู่ฉินเป็นเครื่องดนตรีที่นางโปรดปราน ดวงหน้างามเริ่มจริงจังและตั้งใจบรรเลงท่วงทำนองอันไพเราะ

เสียงของกู่ฉินราวกับสายธารไหลเข้าสู่หัวใจ อ่อนโยนและไพเราะ แต่โหมโรงเพิ่งเริ่มต้น!

ทุกคนตกตะลึงและจมอยู่กับท่วงทำนองชั่วพริบตา

ทักษะการเล่นกู่ฉินของหลิงอินยากหยั่งถึงยิ่งนัก!

‘ว่าแล้วเชียว’

หลี่จิ่วเต้าอดไม่ได้ที่จะพูดในใจ

ทักษะการเล่นกู่ฉินของหลิงอินดีมากจริง ๆ และแน่นอนว่าเป็นผู้ที่เล่นได้เก่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

เสียงกู่ฉินเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับรวมกันเป็นหนึ่ง

ผู้รอบรู้หลายคนหลับตาพริ้มลง ตั้งใจฟังบทเพลงนี้ด้วยใจ

ขณะที่นิ้วเรียวดีดกู่ฉินอย่างต่อเนื่อง ภาพต่าง ๆ ดูเหมือนจะปรากฏขึ้นในใจของพวกเขา

ภูเขาสูงตระหง่านเหนือม่านเมฆ ต้นไม้โบราณสูงตระหง่านค้ำฟ้าส่งกลิ่นอายแห่งยุคบรรพกาลอันหอมหวน และดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ยินเสียงคำรามแว่วของสรรพสัตว์

นอกจากนี้ ดูเหมือนจะเห็นบรรพบุรุษคนแล้วคนเล่าพูดจาโบราณ สวมอาภรณ์โบราณ และอาศัยอยู่ในเรือนโบราณ

น่าทึ่งยิ่งนักที่ดนตรีเพียงบทเพลงเดียวสามารถดึงดูดฉากต่าง ๆ มากมายไว้ในใจได้ พวกเขาต่างทอดถอนใจด้วยรู้สึกว่าหลิงอินผู้งดงามไม่ใช่สิ่งที่สามารถทัดเทียมได้

หลังจากนางบรรเลงเพลงจบ ใบหน้าของทุกคนเผยความเคลิบเคลิ้ม มันน่าตื่นเต้นและดีมาก!

“ขออภัยด้วย แต่แม่นางหลิงอินเล่นเพลงอะไรหรือ”

ผู้รอบรู้คนหนึ่งเอ่ยถามอย่างใคร่รู้

ด้วยไม่เคยได้ยินบทเพลงกู่ฉินนี้หรือพบในคัมภีร์โบราณมาก่อน เขาจึงต้องการทราบที่มาของบทเพลงกู่ฉินนี้

“ฝันกลับไปสู่ยุคเก่า…”

หลิงอินเอ่ยเบา ๆ พร้อมกับความทรงจำฝังลึกอยู่ในแววตา

นี่คือบทเพลงที่นางคิดขึ้นมาเอง

เมื่อนิ้วหยกสัมผัสกับกู่ฉิน ความทรงจำครั้งอดีตก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด นางรู้สึกได้จึงทำการด้นสดบทเพลงกู่ฉินนี้ขึ้นมา

ทักษะการเล่นกู่ฉินของนางสูงมากแม้ว่าจะเป็นเพลงด้นสด แต่ก็เทียบได้กับเพลงกู่ฉินที่แต่งโดยผู้เชี่ยวชาญ

“แม่นางหลิงอินช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”

ชายหนุ่มพูดจากก้นบึ้งหัวใจว่า ในตอนนี้เขายอมรับทักษะการเล่นกู่ฉินของหลิงอินแล้วจริง ๆ

หลังจากได้ยินสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าเอ่ย หลิงอินก็ตื่นขึ้นมาจากภาพความทรงจำ

นางยิ้มบางพลางลุกขึ้น “ข้าหาได้มีพรสวรรค์อันใดไม่ หากมันทำให้ทุกท่านต้องแสลงหู ข้าขออภัยด้วย”

“แม่นางหลิงอินถ่อมตัวเกินไปแล้ว เป็นพวกข้าที่ต้องขอบคุณแม่นาง ทำให้พวกเราได้ยินบทเพลงอันไพเราะเช่นนี้!”

“ใช่แล้ว!”

ทุกคนจมดิ่งในห้วงอารมณ์ ทักษะการเล่นกู่ฉินของแม่นางหลิงทำให้พวกเขายากจะก้าวข้าม และรู้สึกต่างชั้นมาก!

หลี่จิ่วเต้าเองก็เอ่ยว่า “แม่นางหลิงอินถ่อมตัวเกินไปแล้ว บทเพลง ‘ฝันกลับไปสู่ยุคเก่า’ ทำให้ผู้คนเห็นภาพยุคเก่าในใจ มันน่าทึ่งยิ่งนัก!”

ฮ่า ๆ…

ชมเสียขนาดนี้ ไม่อยากเล่นต่อแล้วล่ะสิ?

ไม่อยากเล่นก็เป็นเรื่องปกติแล้ว ใครเล่าจะอยู่เหนือกว่าเสียงกู่ฉินของข้ากัน?

หลิงอินคิดในใจ

ทว่านางไม่ปล่อยให้หลี่จิ่วเต้าไปทั้งอย่างนี้หรอก

นางเอ่ยออกมา “ท่านชมมากเกินไปแล้ว ข้ารู้ว่าไม่อาจเทียบเคียงกับท่านได้เลย ข้าหวังเหลือเกินว่าท่านจะมอบคำแนะนำให้โดยไม่ปิดบัง”

“ข้าไม่กล้าสอนท่านหรอก”

หลี่จิ่วเต้านั่งลงแล้วเอ่ย “ข้าพูดไม่เก่ง เช่นนั้นเรามาสื่อสารผ่านเสียงของกู่ฉินกันเถอะ”

ทักษะกู่ฉินของหลิงอินเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม แต่ยังมีบางอย่างขาดหายไป

เป็นสิ่งที่ทำได้เพียงสัมผัส ไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นวาจาได้

เขารู้สึกว่าด้วยทักษะการเล่นกู่ฉินอันยอดเยี่ยมของหลิงอิน หลังจากที่เขาเล่นเสร็จ หลิงอินจะต้องเข้าใจได้อย่างแน่นอน

เสียงกู่ฉินอันไพเราะดังขึ้น นิ้วเรียวของหลี่จิ่วเต้าดีดสายเบา ๆ ทำให้บุคลิกของชายหนุ่มเปลี่ยนไปฉับพลัน

หลังโหมโรงจบลง หลี่จิ่วเต้าก็เล่นเพลงเดียวกับหลิงอิน

ท่อนนี้หลิงอินด้นสด แต่เขาจดจำได้หลังจากฟังเพียงครั้งเดียว และยังบรรเลงได้อย่างแม่นยำโดยไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย

สีหน้าของหลิงอินแปรเปลี่ยนไปทันที…

ดูเหมือนก่อนหน้านี้นางจะเข้าใจผิดไป

เพียงแค่เล่นโหมโรงที่เพิ่งเปิดตัว นางก็มั่นใจได้ว่าหลี่จิ่วเต้ามีทักษะด้านดนตรีเหนือจินตนาการ!

‘เขาไม่ใช่คนที่แสวงหาชื่อเสียง…’

นางทอดถอนหายใจอยู่ในใจ ผู้คนในเมืองชิงซานกล่าวชมหลี่จิ่วเต้านั้นไม่เกินจริงเลย บุรุษผู้นี้นับว่าน่าทึ่งจริง ๆ แล้วทักษะการเล่นกู่ฉินยังยอดเยี่ยมอีกด้วย!

แฮ่ก ๆ~

เมื่อโหมโรงเปิดฉากขึ้น ใบหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความสยดสยอง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหายใจหอบ

หลิงอินเล่น ‘ฝันกลับไปสู่ยุคเก่า’ ซึ่งทำให้พวกเขานึกถึงภาพสมัยโบราณขึ้นมาในหัว

แต่ ‘ฝันกลับไปสู่ยุคเก่า’ ของหลี่จิ่วเต้านั้นกลับทรงพลังยิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาย้อนกลับไปในสมัยโบราณจริง ๆ ได้รับกลิ่นอายของคนสมัยนั้น…

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”

หลิงอินตกตะลึง นางสัมผัสได้ถึงกฎแห่งสวรรค์และโลกในยุคโบราณ!

เด็กสาวเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา

หลังยุคสมัยสิ้นสุดลง กฎแห่งสวรรค์และโลกที่มีอยู่ก็จะสิ้นสุดลงเช่นกัน หลังจากยุคใหม่เริ่มขึ้นก็จะมีกฎใหม่ระหว่างสวรรค์และโลก!

หลี่จิ่วเต้าสามารถเขียนกฎโบราณของสวรรค์และโลกด้วยเสียงของกู่ฉิน!

นี่มัน นี่มัน นี่มัน…

นางหวาดกลัวยิ่งนัก!

หากนางยังอยู่ในยุคโบราณและขอบเขตพลังไปถึงจุดสูงสุดได้ นางก็สามารถทำเช่นนี้ได้เช่นกัน

อย่างไรเสียกฎแห่งระเบียบของสวรรค์และโลกยังคงอยู่ที่นั่นในเวลานั้น และไม่ยากที่จะตีความกฎแห่งระเบียบของสวรรค์และโลกด้วยเสียงกู่ฉิน

ทว่าในยุคนี้ แม้ว่านางจะไปถึงจุดสูงสุด มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะตีความกฎแห่งสวรรค์และโลกในยุคโบราณ ด้วยเสียงของกู่ฉิน!

‘นี่เขาเป็นตัวตนใดกันนี่!’

นางตกใจและละอายใจในเวลาเดียวกัน

ในยุคนี้ แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่สามารถถ่ายทอดกฎแห่งสวรรค์และโลกผ่านเสียงกู่ฉินได้…

นางคิดเสมอว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นผู้ฝึกตนตัวน้อย และเป็นผู้ฝึกตนตัวน้อยที่ถูกทอดทิ้งจากเส้นทางการฝึกฝน เขาไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก…

‘ราชาในหมู่มนุษย์… สวรรค์ ข้าช่างโง่เขลาเสียจริงที่มีความคิดเช่นนั้น ด้วยวิธีการเช่นนี้ ใครจะควบคุมสวรรค์และโลกได้เล่า?’

นางเต็มไปด้วยความขมขื่น คิดได้อย่างไรว่าหลี่จิ่วเต้าไม่สลักสำคัญและไม่อาจเทียบเคียงกับนางได้ เพราะความเป็นจริงนั้น นางต่างหากที่ไม่มีความสำคัญต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า และไม่อาจเปรียบเทียบได้เลย!

ยิ่งคิดก็ยิ่งละอายใจยิ่ง ใบหน้าสาวจ้าวแดงก่ำราวลูกตำลึงสุก แต่โชคดีที่นางไม่ได้ไปมีเรื่องกับเขา ไม่อย่างนั้นอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายไปอย่างไร…

‘ขอบเขตของผู้อาวุโสช่างสูงส่งยิ่งนัก และเขายังเดินทางไปทั่วโลกในฐานะมนุษย์ด้วย ดูเหมือนว่าโลกใบนี้จะเป็นเส้นทางที่ถูกต้องสินะ!’

นางคิดและความคิดในใจก็แตกต่างจากความคิดเดิมก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

ก่อนหน้านี้ นางเคยพูดไว้ในใจว่าผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งควรยืดหยันขึ้นสู้กับศัตรูให้ย่อยยับ

แต่พอรู้ว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ นางก็บอกได้เลยว่าโลกมนุษย์จะสงบสุขไปอีกนานเท่านาน…

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท