บทที่ 55 จิตวิญญาณอันสูงส่งทำงาน เซียนโบยบินในห้วงนภา!
“นะ นี่มัน…”
เมื่อหลิงอินมายังร้านของหลี่จิ่วเต้า นางก็เห็นคำว่า ‘เต๋า’ บนป้ายร้าน ใบหน้าอันวิจิตรของเด็กสาวพลันตกตะลึงยิ่ง
นางไม่ใช่ผู้ฝึกตนตัวน้อย แต่เป็นถึงผู้ทรงอำนาจในกาลก่อน ความแข็งแกร่งเรียกได้ว่าเทียมฟ้าและยังมีขอบเขตอันยิ่งใหญ่
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่ออ่านคำว่า ‘เต๋า’ แล้วนางก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
มีท่วงทำนองบางอย่างในคำว่า ‘เต๋า’ แม้แต่นางยังถอนหายใจด้วยความรู้สึกด้อยกว่า และย้ำเตือนว่าห่างชั้นจากท่วงทำนองนี้มาก ทั้งยังมีความรู้สึกเหมือนตนเป็นแสงหิ่งห้อยที่กำลังเทียบแสงตะวัน!
“ผู้อาวุโสยิ่งใหญ่มากจริง ๆ!”
ในใจของนางราวกับมีคลื่นซัดสาดกระทบนับพันนับหมื่น
ในสมัยโบราณ นางเคยสนทนากับจักรพรรดิ และอีกฝ่ายก็ขอให้นางแนะนำเขาเรื่องการบ่มเพาะ
ทว่าแม้แต่จักรพรรดิก็ยังไม่มีสัมผัสแห่งเต๋าที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ ความสามารถของผู้อาวุโสไม่ได้ ‘น่าจะ’ เป็นเซียนแล้ว แต่ ‘ต้องเป็น’ เซียนอย่างแน่นอน!
“ท่านอยู่หรือไม่”
ประตูร้านเปิดเผยออกกว้าง ทว่าหลิงอินไม่กล้าจะเข้าไปโดยไม่ไถ่ถาม นางจึงเคาะสองสามครั้งและตะโกนถาม
“อยู่สิ… อยู่”
หลี่จิ่วเต้าวิ่งมาจากลานเล็ก ๆ เขาเพิ่งจะทำอาหารให้เสี่ยวไป๋เสร็จ
มีปลาในถังน้ำเหลือน้อยแล้ว เขาว่าจะไปตกปลาให้เสี่ยวไป๋ทีหลัง
“แม่นางหลิงอินนี่เอง โปรดเข้ามาก่อน…”
เมื่อชายหนุ่มมาที่หน้าร้านและเห็นหลิงอิน เขาก็เกิดความประหลาดใจ
ไหนบอกว่าไม่สะดวกมาบ้านเขาไง?
แล้วเหตุใดถึงอยู่ที่นี่กัน!
สงสัยว่าได้ยินเสียงกู่ฉินของเขาเลยรู้สึกปลาบปลื้ม จนไม่สนใจความไม่สะดวกแล้วหรือนี่…
‘ระบบทักษะนี่มีประโยชน์จริง ๆ!’
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะในใจ
หลิงอินเดินเข้าไปในร้าน นางมองไปยังภาพวาดกับการประดิษฐ์อักขระที่แขวนอยู่บนผนัง และหยกแกะสลักบนโต๊ะ แล้วระดับความตกใจในใจก็พุ่งสูงอีกครั้ง
อะไรกัน…! นางคิดว่าตนเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดในสมัยโบราณ แต่ภาพที่เห็นเบื้องหน้ากลับทำให้ความคิดของนางแปรเปลี่ยนไป!
หลิงอินลอบกลืนน้ำลาย ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด การคัดพู่กัน การแกะสลักหยก ล้วนเป็นสมบัติที่ไม่อาจจินตนาการได้ เงินออมของจักรพรรดิที่สะสมมานับพันปียังเทียบไม่ได้กับการแกะสลักหยกของผู้อาวุโส!
“พรสวรรค์ของท่านช่างน่าทึ่งยิ่งนัก เด็กสาวตัวเล็ก ๆ เช่นข้าขอชื่นชม วันนี้จึงถือโอกาสรบกวน ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”
นางระงับความตกไว้และพูดกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“แม่นางหลิงอินสุภาพเกินไปแล้ว”
หลี่จิ่วเต้ายกยิ้ม ยามนี้ความประทับใจที่มีต่อนางนับว่าไม่เลวเลย
หลิงอินรูปโฉมงดงาม ทั้งยังเล่นกู่ฉินได้ดี นั่นมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ
ไม่เหมือนเซี่ยเหยียน…
เซี่ยเหยียนก็สวยเช่นกัน และยังเป็นผู้ฝึกตน แต่ไม่เก่งเรื่องเสียงกู่ฉินเลยถ้าให้เล่นคงร้องไห้แน่ ๆ!
“แม่นางหลิงอิน โปรดตามมา ข้าเพิ่งปรับเปลี่ยนเพลงกู่ฉินใหม่ อยากให้แม่นางหลิงอินลองมาฟัง”
เขาเชิญหลิงอินเข้าไปในลานบ้าน
“ย่อมได้!”
นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและเดินตามหลี่จิ่วเต้าเข้าไป
“มัจฉาครีบเงินจากยุคโบราณ…?”
ทันทีที่เข้าไปในลานกว้าง นางก็เห็นแมวขาวตัวน้อยกำลังกินปลา เมื่อเห็นปลาบนจานตรงหน้าแมวขาวตัวน้อย นางก็อ้าปากค้าง
สวรรค์… โลกโบราณคืออาณาจักรเก้าตอนบน และเผ่ามัจฉาครีบเงินก็เป็นเผ่าที่ยากจะหาคู่ต่อสู้ได้ในยุคโบราณเชียวนะ อีกทั้งเผ่าของพวกเขายังมีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อยู่นับไม่ถ้วน ทว่าตอนนี้…กลายเป็นอาหารแมวไปเสียแล้วหรือ?
นางเริ่มรู้สึกแล้วจริง ๆ ว่าความรู้ของตัวเองไม่เพียงพอ ภาพตรงหน้าเป็นอะไรที่เกินหยั่งถึงจริง ๆ
“กู่ฉินนี้…!”
จากนั้นนางก็หันมาเห็นกู่ฉินที่วางไว้ในลานบ้าน
หลิงอินรู้สึกคุ้นเคยกับกู่ฉินเครื่องนี้มากราวกับว่าเคยพบที่ไหนมาก่อน…
“นี่มันอี๋อิน…กู่ฉินเซียนในตำนานนี่นา!”
ในที่สุดนางก็จำได้เสียที
นี่คือเครื่องดนตรีเซียนที่ผู้ฝึกตนทุกคนปรารถนา!
นางเองก็เช่นกัน…
ในยุคโบราณ นางตามหาอี๋อินนี้อย่างบ้าคลั่ง แต่ก็คว้าน้ำเหลวอยู่ร่ำไป
ในยุคบรรพกาล มันถูกสงสัยว่าเป็นอาวุธเซียนที่ตกลงมาจากแดนเซียน
ช่วงนั้นโลกทั้งใบแทบระเบิด และขุมพลังมากมายต่างต่อสู้รบราแย่งชิงมันมา แม้แต่ขุมพลังจากอาณาจักรอื่นก็มายังร่วมสู้ด้วย
ทว่าไม่มีใครได้มันไป…
ทันทีที่กู่ฉินในตำนานนี้ตกถึงพื้น มันก็หายลับไปเสียแล้ว
ไม่ว่าจะตามหาสักเท่าใดจนแทบจะพลิกโลกา แต่ก็ยังไม่อาจหาพบ
หลังจากนั้น ขุมพลังในอาณาจักรอื่นต่างไม่เชื่อ และประกาศิตว่าจะไม่ออกจากอาณาจักรนี้จนกว่าจะหาพบ!
“ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งใหญ่จริง ๆ นั่นแหละ เก่งกาจรอบด้าน รวมไปถึงตัวตนจากอาณาจักรอื่นยังไม่อาจตามหามันได้ แต่ผู้อาวุโสกลับมีในครอบครอง!”
ภายในใจของหลิงอินมีหลากหลายอารมณ์
ในยุคโบราณ แม้ว่านางจะเป็นผู้ทรงอำนาจ แต่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาเบาะแสกู่ฉินในตำนาน ทว่านางรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงความฝัน …ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง
ต้องทราบว่ายามอาวุธเซียนปรากฏขึ้นในโลก ผู้ทรงอำนาจเช่นนางยังไม่อาจหาพบ
ขุมพลังจากอาณาจักรอื่นต่างหวาดหวั่นยิ่งกว่า และพวกเขาต่างก็อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ
ทว่าแม้แต่กลุ่มขอบเขตมหาจักรพรรดิยังไม่อาจหามันพบหลังจากผ่านไปไม่รู้กี่ปี แล้วตัวนางจะพบได้อย่างไรในเมื่อเป็นเพียงผู้ทรงอำนาจผู้หนึ่งเท่านั้น
หลี่จิ่วเต้านั่งอยู่หน้าโต๊ะ มือเรียวทั้งสองข้างเริ่มบรรเลงกู่ฉิน และท่วงท่าของชายหนุ่มให้ความรู้สึกราวกับเซียนจริง ๆ
เสียงของกู่ฉินฟังรื่นหูดั่งเสียงสวรรค์ กระทบกับจิตวิญญาณของหลิงอินเข้าอย่างจังและนางก็ตกลงไปในห้วงอารมณ์ทันที
“นี่… ไม่ใช่เพลงกู่ฉิน ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ของข้าหรอกหรือ!?”
หลิงอินตกตะลึง ทันทีที่เสียงกู่ฉินดังขึ้น นางก็รู้สึกถึงความคุ้นเคย จากนั้นความทรงจำเกินจะพรรณนาก็หลั่งไหลเข้าสู่หัวใจ
นี่คือเพลงที่นางแต่งขึ้นเอง!
ในยุคโบราณ นางมีความสามารถมากมายและได้นั่งบนบัลลังก์ด้วยอายุเพียง 2,300 ปี เมื่อเทียบกับขั้นสูงสุดของผู้อื่นแล้ว นางถือว่าเด็กมาก และทุกชีวิตต่างตื่นตกใจยิ่งนักในตอนนั้น ทุกคนต่างพูดว่านางต้องได้นั่งบัลลังก์อย่างแน่นอนในอนาคต
อย่างไรเสีย ตัวตนขั้นสูงสุดนี้ก็มีอายุขัยอยู่ที่ 8,000 ปี นางยังเด็กนัก และมีเวลาเหลืออีกหลายปี
หลิงอินคิดเช่นกันว่าตนจะไม่เพียงนั่งบนบัลลังก์เท่านั้น แต่จะย่าวก้าวเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิ และกลายเป็นเป้าหมายของผู้ฝึกตนทั้งปวงคือการเป็นเซียน!
ในเวลานั้น จิตใจของนางเบิกบานยิ่ง ครั้นมองลงมาที่โลกด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่านก็เกิดเป็นบทเพลง ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ซึ่งแปลว่านางจะกลายเป็นเซียนแห่งสวรรค์ในอนาคตนั่นเอง
แต่ความจริงนั้นโหดร้ายและการฝึกฝนก็ยากยิ่ง นางไม่สามารถเป็นจักรพรรดิได้ นับประสาอะไรกับการเป็นเซียน…
ขอบเขตจักรพรรดิ ไม่ใช่ใครก็ตามที่ปรารถนาจะบรรลุได้
ขอบเขตจักรพรรดิทุกคนต่างมีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้
และขอบเขตจักรพรรดิทุกคนต่างมีความเข้าใจสูงสุดเกี่ยวกับเต๋า
นางไม่เคยก้าวไปจุดนั้นได้เลย และความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าก็เรียกได้ว่าแย่ยิ่ง
มีไม่กี่คนที่เหมือนนางในประวัติศาสตร์ สตรีหลายคนล้มเหลวในการเป็นจักรพรรดิในท้ายที่สุด และร่วงหล่นสู่เส้นทางการเป็นจักรพรรดิ
เซียนนั้นเป็นไปไม่ได้…
เซียนนั้นยากยิ่งกว่า…
เซียนยากจะจินตนาการ เป็นความฝันอันไร้ตัวตนและไม่จีรัง…