รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 57 บูรพาทิศไม่สงบสุขอีกต่อไป

บทที่ 57 บูรพาทิศไม่สงบสุขอีกต่อไป

บทที่ 57 บูรพาทิศไม่สงบสุขอีกต่อไป

แสงเจิดจ้าหลายดวงพุ่งขึ้นท้องฟ้า ราวกับเสาแห่งแสงที่เชื่อมต่อกับท้องนภา และกลิ่นอายปราณอันน่าตกตะลึงก็ขจรขจายออกไป ผู้ฝึกตนหลายคนสัมผัสได้ในทันที และพวกเขาก็มองไปยังจุดที่แสงลุกโชติช่วง

“มีสมบัติล้ำค่าปรากฏหรือ?”

“อะไรน่ะ กลิ่นอายปราณผันผวนของกาลเวลา มีซากโบราณสถานหรือ?”

ผู้ฝึกตนแดนตะวันออกหลายคนสงบลงไม่ได้ ไม่ว่าจะมีอะไรที่นั่น มันไม่เคี้ยวง่ายอย่างแน่นอน พวกเขาพลาดไม่ได้ และรีบไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว

ในเวลาไม่นานนัก ผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้ๆ ก็มาถึง

“เป็นซากโบราณสถานจริงๆ!”

“กลิ่นอายแห่งกาลเวลามีความผันผวนมากเกินไป มันอาจจะเป็นโบราณวัตถุ หรือสมบัติที่อายุมากกว่าเมืองหลวงโบราณแน่!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาพลันสะท้านใจ และทุกคนต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง

เป็นไปได้ว่าโบราณสถานหรือซากหักปรักพังโบราณอันน่าทึ่งได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว!

ต้องรู้ว่าเมื่อซากโบราณสถานปรากฏขึ้น จะต้องมีสมบัติและมรดกเหนือจินตนาการอยู่ในนั้น!

อย่างไรเสีย มันก็เหมือนสมบัติทั่วไป เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่รอดจากกาลเวลาอันยาวนาน

“ดูท่าบูรพาทิศถึงคราววุ่นวายเสียแล้ว…”

“เราจะได้อะไรจากที่นี่กันนะ?”

พวกเขาหันมองหน้ากันและเห็นความสิ้นหวังในดวงตาของกันและกัน

การมีอยู่ของซากโบราณสถานเป็นเหตุการณ์สำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย แดนตะวันออกจะไม่สงบอีกต่อไป และผู้ฝึกตนจากสี่ทิศ ตะวันตก ใต้ เหนือ กลาง จะมาที่นี่เพื่อแย่งชิงอย่างแน่นอน

แม้ว่าพวกเขาจะมาเร็ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี

ความผันผวนของพลังที่เล็ดลอดออกมาจากซากโบราณสถานทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นระรัว กระนั้นแล้วพวกเขาก็รู้ว่าไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของซากหักปรักพังได้

ถึงขั้นที่รู้สึกว่าแม้มหาอำนาจจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมา ก็ไม่อาจบุกทะลวงเข้าไปได้

“มาเร็วกันเกินไปแล้ว!”

เวิงอู๋โยวเหลือบมองโจวตงและเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้

กลิ่นอายของซากโบราณสถานเพิ่งจะรั่วไหลออกมา ผู้ฝึกตนคนอื่นก็มาถึงเสียแล้ว ครั้งนี้พวกเขาคำนวณพลาดไปจริง ๆ ไม่เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าไปในซากโบราณสถานเท่านั้น ทว่าพวกเขายังเปิดเผยที่อยู่ของซากโบราณสถานอีกด้วย

“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว มาดูกันเถิดว่าเราจะเข้าไปข้างในได้หรือไม่ ซากหักปรักพังนี้ซับซ้อนกว่าที่เราคิดเสียอีก เกรงว่าผู้ฝึกตนทั่วเหยียนโจวจะถูกดึงดูดเข้าแล้ว…”

โจวตงก็หมดหนทางเช่นกัน

เมื่อปราณในซากหักปรักพังรั่วไหลออกมา เขาก็ตระหนักได้ว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นซากโบราณสถาน และอันที่จริงอาจจะเก่าแก่ยิ่งกว่านั้นด้วย

ซากโบราณสถานดังกล่าวจะก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ทั้งเหยียนโจวมิอาจสงบสุขได้อีก และแดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะเคลื่อนไหวเช่นกัน

ปัจจุบันเขาอยู่ในขอบเขตที่สูงมาก ซึ่งก็คือขอบเขตลิขิตชะตาระดับเก้า เป็นตัวตนไร้เทียมทานในแดนตะวันออกและไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับขุมพลังทั้งสี่ทิศทาง ตะวันตก ใต้ เหนือ และกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคกลาง เขาไม่สามารถเรียกว่าไร้เทียมทานได้เลย อันที่จริง อย่าว่าแต่ไร้เทียมทาน เป็นแค่กองกำลังของภาคกลางยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ…

แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่อยู่ภาคกลางมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมรดกอันล้ำลึกยิ่ง ทั้งยังผู้แข็งแกร่งอยู่นับไม่ถ้วน ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถแข่งขันได้

ด้วยเหตุนี้ เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์มาถึงที่นี่ มันจะกลายเป็นการแข่งขันระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์ และพวกเขาก็ไม่สามารถร่วมการแข่งขันนี้ได้อีกต่อไป ทำได้เพียงเป็นปลาที่แหวกว่ายเพื่อดูว่าสามารถซดน้ำแกงที่เหลือได้หรือไม่

แสงที่ลุกโชนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ตัดผ่านเหนือนภา และทั่วทั้งบูรพาทิศก็สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน

ณ ชิงซาน

หลี่จิ่วเต้าเห็นแสงเจิดจ้าที่ปรากฏขึ้นเช่นกัน สุดท้ายแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา ในโลกของการฝึกฝน มนุษย์นับเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ที่สุด ยามต้องเผชิญหน้ากับมหาอำนาจทุกประเภท พวกเขาไม่มีความสามารถในการต้านทานได้เลย

แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่รู้สึกอะไร แต่เขาก็รู้ดีว่ามันมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น

แสงอันน่าสะพรึงกลัวมีความหนาเท่าเสาและพุ่งตรงไปยังท้องฟ้า นี่ต้องเป็นฝีมือของผู้ฝึกตนแน่นอน

เขาไม่ต้องการและกลัวเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นที่สุด

เมื่อเผชิญกับพลังดังกล่าว มนุษย์ที่อ่อนแอก็ไม่สามารถทำอะไรได้

‘หวังว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อเมืองชิงซานนะ’

เขาพูดในใจ

หลิงอินก็เห็นแสงเจิดจ้าที่หนาพอ ๆ กับเสาของท้องฟ้า นางบังเกิดความคิดบางอย่าง

“ดูเหมือนว่าจะมีสมบัติปรากฏขึ้นบนโลก…”

นางเป็นผู้ทรงอำนาจในสมัยโบราณ ย่อมมีความรู้มากมาย ภาพเบื้องหน้าของนางดูเหมือนกับยามที่ขุมสมบัติกำลังปรากฏขึ้นในโลก

“หาใช่เรื่องดีที่สมบัติบางอย่างจะปรากฏขึ้นมาดั่งเช่นตัวตนของข้า เพราะข้าเองก็ถูกคนในอดีตสังหารเช่นกัน”

นางไม่รู้จะคิดอันใดต่อ

เพราะตอนนี้นางยังไม่ได้เริ่มฝึกฝน ร่างกายยังคงเป็นมนุษย์ แม้ว่าสมบัติจักรพรรดิจะอยู่ที่นั่น นางก็ไม่มีความสามารถที่จะแข่งขันเพื่อสิ่งใด

พอเวลาผ่านไป ผู้คนมารวมตัวกันที่ซากโบราณสถานกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

แม้แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจทุกชนิดก็เข้ามาเพื่อต้องการส่วนแบ่ง

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่? นี่มันสมบัติโบราณที่บรรพบุรุษมนุษย์ทิ้งเอาไว้!”

คนแข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์ตะโกนเสียงดัง พวกเขาไม่ต้องการให้เผ่าพันธุ์ปีศาจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับที่นี่

“ล้อเล่นหรือไร เจ้าบอกว่ามันถูกทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษมนุษย์ของเจ้าหรือ? ข้าเองก็บอกได้ว่ามันถูกทิ้งไว้โดยผู้อาวุโสปีศาจของเรา!”

ปีศาจตัวใหญ่ตนหนึ่งตะโกนอย่างเย็นชา ร่างของมันปกคลุมด้วยเกล็ดเย็นและมีปีกสองคู่บนหลัง

พลังป้องกันของซากหักปรักพังยังไม่ถูกทำลายโดยสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครรู้ว่าอะไรอยู่ข้างใน

“ทุกท่าน หยุดโต้เถียงกันเสียที หากมีเวลา เราอาจรวมพลังกันเพื่อทะลวงผ่านพลังป้องกันของซากหักปรักพังนี้ได้”

โจวตงก้าวออกมาและต้องการรวบรวมผู้แข็งแกร่งที่ได้มาที่นี่

ตอนนี้ขุมพลังของสี่ฝ่าย ตะวันตก ใต้ เหนือ และกลางยังไม่มา เขาต้องการทะลวงผ่านพลังป้องกันของซากหักปรักพังก่อนที่ขุมพลังทั้งสี่ฝ่ายจะมาที่นี่

ในกรณีนี้ พวกเขายังพอจะได้รับบางอย่างจากซากหักปรักพังอยู่

หลังจากที่ขุมพลังทั้งสี่มาถึงแล้ว มันคงยากสำหรับพวกเขาที่จะได้อะไรมา!

“จะรวมพลังกันนั้นย่อมได้ ยกเว้นกลุ่มปีศาจ สมบัติโบราณของบรรพบุรุษมนุษย์เราจะให้ปีศาจไปยุ่งได้อย่างไร”

“ไม่เลวนี่! เผ่าปีศาจอยู่ที่นี่ไม่ได้!”

ขุมพลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์หลายคนกล่าวว่าพวกเขาตกลงที่จะเข้าร่วมกองกำลัง แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้เผ่าพันธุ์ปีศาจเข้าร่วม

มนุษย์และปีศาจมักจะแข่งกันเพื่อแย่งชิงดินแดน ทำให้ความเกลียดชังระหว่างพวกเขานั้นล้ำลึกมาก แม้ว่าขุมพลังเผ่ามนุษย์เหล่านี้จะรู้ว่าหลังจากรวมพลังกับขุมพลังปีศาจแล้ว พลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น และความหวังที่จะทำลายพลังป้องกันของสมบัติโบราณก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังลังเลที่จะรวมพลังกับปีศาจที่ทรงพลังอยู่ดี

“เจ้าคิดว่าพวกเราเต็มใจร่วมมือกับพวกเจ้าหรือ ไร้สาระ!”

“เจ้าต่างหากที่ควรออกไป!”

ปีศาจแต่ละกลุ่มตะโกนด้วยเสียงเย็นชา พวกมันทั้งหมดสำแดงปราณชั่วร้ายออกมาอย่างรุนแรง

ในระหว่างการต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนของกันและกัน ปีศาจมักจะสูญเสีย และพื้นที่ทุกรูปแบบก็ถูกครอบครองโดยผู้ฝึกตนมนุษย์ ด้วยเหตุนี้สภาพแวดล้อมที่ปีศาจอาศัยอยู่นั้นจึงด้อยกว่าเผ่ามนุษย์มาก อีกทั้งยังทำให้ปีศาจรังเกียจเผ่ามนุษย์มากยิ่งขึ้นไปอีก

“แล้วพวกเจ้าจะมาเถียงเรื่องอะไรกัน ประเดี๋ยวพอขุมพลังอีกสี่แห่งมา เราจะยังมีที่อยู่ที่นี่หรือไร ใช้สมองเสียบ้าง!”

โจวตงกล่าวอย่างโกรธเคือง

นี่กี่โมงกี่ยามแล้วยังมายืนเถียงกันอยู่อีก เมื่อขุมพลังอีกสี่แห่งมาถึง คงทำได้เพียงดื่มน้ำแกงที่เหลือเท่านั้นแล้ว

“โจวตง เจ้าพูดว่าอันใดนะ”

บรรพชนสำนักหยวนอีเป่าเคราของตนและจ้องโจวตงเขม็ง หมายถึงอะไรที่บอกให้ใช้สมองด้วย?

โจวตงกำลังถากถางว่าพวกเขาไม่มีสมองหรือไร?

หยวนอี นี่คือพลังที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับสำนักไท่หัวและสำนักเมฆาลับฟ้า

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท