รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 86 ยันต์ติดต่อส่งเข้ามาสองแผ่น เจ้าสำนักมาแล้ว!

บทที่ 86 ยันต์ติดต่อส่งเข้ามาสองแผ่น เจ้าสำนักมาแล้ว!

บทที่ 86 ยันต์ติดต่อส่งเข้ามาสองแผ่น เจ้านิกายมาแล้ว!

ท่ามกลางหมู่เมฆบางเบา ยอดเขาสูงแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางขุนเขา

“ท่านอาจารย์ เมิ่งจีส่งข่าวมาแล้ว!”

เจ้านิกายลับสวรรค์เอ่ยยิ้ม ๆ หลังได้รับยันต์ติดต่อจากผู้เฒ่าเมิ่งจี

“เขาว่าอย่างไรบ้าง”

เจ้านิกายรุ่นก่อนรู้สึกสะเทือนอารมณ์ยิ่ง เขารอคอยข่าวคราวจากผู้เฒ่าเมิ่งจีมาโดยตลอด

“อาจารย์พูดไม่ผิด ท่านเซียนรู้เห็นทุกอย่าง ตอนที่เมิ่งจียังไม่รู้ ท่านเซียนได้รู้ก่อนแล้วว่าเราบรรลุภารกิจ และประทานของรางวัลมาให้!”

เจ้านิกายลับสวรรค์ยิ้มปากไม่หุบ “ท่านอาจารย์ไม่เป็นไรแล้ว! ท่านเซียนรู้ว่าเป็นฝีมือของท่านอาจารย์ จึงตั้งใจถ่ายทอดวิถีความลับสวรรค์ให้กับเมิ่งจี สั่งให้เมิ่งจีถ่ายทอดวิถีนี้กลับมาเพื่อคลี่คลายปัญหาใกล้สิ้นอายุขัยของท่านอาจารย์!”

“อะไรนะ!”

เจ้านิกายรุ่นก่อนตื่นเต้นจนกระโดดขึ้นมา

จะมิให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร

เดิมเขาคิดว่าตัวเองใกล้ตาย บัดนี้ได้ยินว่าเขาไม่ต้องตายแล้ว ไม่ตื่นเต้นสิแปลก!

เจ้านิกายลับสวรรค์บอกเล่าเนื้อหาวิถีความลับสวรรค์ที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีบันทึกไว้ในยันต์ส่งเสียงอย่างละเอียด โดยไม่ขาดตกสักคำเดียว

เจ้านิกายรุ่นก่อนถึงกับนิ่งอึ้งไป

ท่านเซียนก็คือท่านเซียน ขอบเขตสูงส่งถึงขนาดไม่อาจจินตนาการได้!

วิถีความลับสวรรค์ที่ได้ท่านเซียนชี้แนะ เป็นเหมือนวิถีที่แตกต่างจากวิถีความลับสวรรค์ที่พวกเขาบำเพ็ญแต่เดิมนั้นอย่างสิ้นเชิง!

“พวกเรารึอาจหาญกล่าวอ้างว่าตนนั้นสามารถล่วงรู้ความลับสวรรค์… พวกเราในอดีตช่างน่าขำจริง ๆ!”

เจ้านิกายรุ่นก่อนเอ่ยอย่างอดไม่ได้ และนึกละอายใจขึ้นมา

วิถีความลับสวรรค์ที่พวกเขาบำเพ็ญช่างเหลือทนยิ่ง ความลับสวรรค์ที่กล่าวอ้างว่าล่วงรู้ได้นั้น ไม่ถือเป็นความลับสวรรค์เลยสักนิด มันเป็นได้แค่ผิวเผินเท่านั้น…

วิถีความลับสวรรค์ที่ท่านเซียนชี้แนะ เน้นตรงไปถึงแก่นสารสำคัญของความลับสวรรค์ ช่วยให้พวกเขาล่วงรู้ความลับสวรรค์ได้อย่างแท้จริง และได้ยินบัญชาอันแท้จริงจากสรวงสวรรค์!

“ข้าจะไปฝึกฝน!”

เขาไปจากที่แห่งนี้ทันที เข้าไปในห้องลับเพื่อเริ่มฝึกฝน

“พวกเราเหมือนมีโชคหล่นทับเลย!”

เจ้านิกายลับสวรรค์แย้มยิ้มเหมือนคนโง่ ได้ท่านเซียนมาชี้แนะวิถีความลับสวรรค์ นิกายลับสวรรค์ของพวกเขาย่อมต้องเหนือขึ้นไปได้อีกขั้นแน่

เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องข่มขวัญกลุ่มอำนาจอื่นด้วยสัมพันธ์ไมตรีอันดีงามมากมายที่นิกายของตนได้สานต่อ ลำพังพลังที่พวกเขาครอบครองก็เพียงพอจะข่มขวัญกลุ่มอำนาจทั้งหลายได้โดยทั่วกันแล้ว!

ฟึ่บ!

เวลานั้นเอง ลำแสงลำหนึ่งพลันถลาเข้ามาอีกครั้ง เป็นยันต์ติดต่อของผู้เฒ่าเมิ่งจีตามเคย

“เหตุใดถึงยังมีอีก”

เจ้านิกายลับสวรรค์ฉงนใจ เหตุใดผู้เฒ่าเมิ่งจีถึงส่งยันต์ติดต่อเข้ามาสองยันต์ติด!”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

หลังอ่านที่บันทึกในยันต์ติดต่อแล้ว เจ้านิกายลับสวรรค์ก็เข้าใจทุกสิ่งอย่าง

ท่านเซียนเห็นว่าพวกเขาทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม จึงมอบหมายหน้าที่ให้พวกเขาอีกครั้ง!

ท่านเซียนต้องการให้พวกเขาช่วยนำยอดศาสตราในซากโบราณกลับมา!

“เมิ่งจีนี่ใช้ได้ ทำได้ถูกต้องแล้ว ท่านเซียนเอ็นดูเมิ่งจี ถ่ายทอดประสบการณ์ฝึกฝนแก่เมิ่งจี เมิ่งจีมิได้เกิดแรงต่อต้านเพราะเหตุนี้ น่าชื่นชม ๆ!”

เขายิ้ม เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการกระทำของเมิ่งจี

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

เขาหยิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกจากคลังสมบัติ และเดินทางออกจากภาคกลางพร้อมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มุ่งหน้าไปยังแดนบูรพาทิศ

แดนบูรพาทิศห่างไกลจากภาคกลางมาก

ทว่าสำหรับเขาแล้ว มิใช่ปัญหาแต่อย่างใด

เขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันก็มาถึงแดนบูรพาทิศ

นิกายลับสวรรค์ของพวกเขามีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เชื่อมต่อกับแดนบูรพาทิศโดยตรง

การเคลื่อนย้ายระยะไกลขนาดนี้ ใช่ว่าทำได้โดยง่าย ค่ายกลนี้เป็นสิ่งที่บรรพชนนิกายลับสวรรค์ของพวกเขาตระเตรียมไว้ก่อนแล้ว

ถ้าเป็นพลังของนิกายลับสวรรค์ของพวกเขาในยามนี้ ไม่อาจสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกลขนาดนี้ได้เลย

ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เชื่อมต่อจากภาคสู่ภาคมีอยู่เพียงน้อยนิด แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์บางแห่งยังไม่มี ทำได้เพียงตรากตรำเดินทางไปยังแดนบูรพาทิศเต็มระยะทาง

หลังมาถึงแดนบูรพาทิศ เขารุดหน้าด้วยความเร็วสูงสุด ไม่นานนักก็มาอยู่ที่เขาลูกหนึ่งนอกเมืองชิงซาน

เป็นสถานที่ที่ผู้เฒ่าเมิ่งจีนัดกับเขาไว้

หลังเขาเดินทางมาถึงที่นี่ ก็เห็นเมิ่งจีทันที อีกฝ่ายกำลังถือกระดานพลางวาดภาพไปด้วย

“เจ้านิกาย!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีสัมผัสถึงการมาของเจ้านิกายได้ เขาเก็บกระดานวาดภาพ ทำความเคารพเจ้านิกาย

“อืม!”

เจ้านิกายพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “จะว่าไปข้ายังต้องอิจฉาเจ้า ที่ได้รับความเอ็นดูจากท่านเซียนถึงเพียงนี้!”

“โชคดีแท้ ๆ!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีหวนนึกถึงครานั้น เขาทำท่าจะรับท่านเซียนเป็นลูกศิษย์ด้วยซ้ำ!

ชายชราหดหัวลงนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ยังดีที่ท่านเซียนไม่ถือสาข้า มิเช่นนั้นข้าคงหัวหลุดออกจากบ่าไปนานแล้ว!”

“รู้ก็ดีแล้ว จากนี้ไปจงจำไว้ อย่าได้ผลีผลามกระทำการใดอีก!”

“โทษข้าไม่ได้หรอก ใครใช้ให้ท่านเซียนมีขอบเขตสูงปานนั้น จนข้าไม่ทันรู้สึกเลยสักนิด!”

“ไม่โทษเจ้าแล้วจะให้โทษท่านเซียนหรือไร” เจ้านิกายถลึงตาใส่ผู้เฒ่าเมิ่งจี

“มิกล้า มิกล้า!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีตอบเสียงเจื่อน

“เอาล่ะ ไปทำเรื่องสำคัญได้แล้ว”

เจ้านิกายพูดไป ก็เดินทางไปยังเมืองชิงซานพร้อมผู้เฒ่าเมิ่งจี

เมื่อมาถึงหน้าร้านของท่านเซียน เจ้านิกายมองคำว่า ‘เต๋า’ บนป้ายร้าน รู้สึกคล้ายมีเกลียวคลื่นสูงซัดสาดจิตใจ

จังหวะวิถีแห่งเต๋าเหนือชั้นทั้งปวงไหลเวียน เพียงคำว่า ‘เต๋า’ ตัวเดียวราวกับครอบคลุมมหาวิถีเต๋าทั้งหมดในโลกหล้า ความหมายแห่งเต๋าบนนั้นชวนตกตะลึง เกรงว่าต่อให้เป็นวิญญาณนักบุญ จอมปราชญ์ หรือแม้กระทั่งจักรพรรดิมาเยือนด้วยตนเอง ยังต้องเกิดความรู้สึกต่ำต้อยขึ้นมา!

เขาสะท้อนใจยิ่ง ในโลกนี้มีท่านเซียนอยู่จริง ๆ หรือนี่!

ผู้เฒ่าเมิ่งจีพาเขาเข้าไปในร้าน จึงได้เห็นภาพอักษรบนกำแพง ของแกะสลักหยกบนโต๊ะ แล้วก็ยิ่งแต่สะท้านใจเข้าไปใหญ่

ภาพอักษรแต่ละภาพนั้น ประหนึ่งภาพวาดแห่งเทพเซียน มีรัศมีเซียนไหลหลาก แกะสลักหยกแต่ละชิ้นนั้น ประหนึ่งเซียนหยก หอบหุ้มไว้ด้วยพลังที่สามารถทำลายผืนนภาได้!

คิดไม่ถึงจริง ๆ ชีวิตนี้เขาจะมีโอกาสได้มาเยือนสถานที่เช่นนี้ ได้พบเห็นภาพอักษรและแกะสลักหยกเช่นนี้!

ท่านเซียนมิได้อยู่ที่ร้าน ผู้เฒ่าเมิ่งจีจึงพาเจ้านิกายเข้ามาถึงลานเล็ก

ลานเล็กนั้นเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม สะอาดเรียบง่าย มีดอกไม้ต้นหญ้าปลูกอยู่ริมสองฝั่ง ตรงกลางมีโอ่งน้ำอยู่หนึ่งโอ่ง

“โอสถ…ศักดิ์สิทธิ์!”

เจ้านิกายเห็นดอกไม้ต้นหญ้าที่ปลูกอยู่ริมสองฝั่งแล้วพลันตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้น

ดอกไม้ต้นหญ้าเจริญงอกงาม กลีบดอกบานสะพรั่งงดงาม ใบไม้เขียวขจี มีขั้นศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอยู่อย่างหนาแน่น!

โอสถศักดิ์สิทธิ์หายไปจากโลกนี้นานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ต้นใด หากปรากฏออกมาในยุคปัจจุบันย่อมต้องเป็นที่ฮือฮา และดึงดูดยอดฝีมือทั้งหลายแหล่แน่!

มิหนำซ้ำที่นี่ยังมีมากกว่าสิบต้น ซ้ำยังถูกปลูกไว้ในลานอย่างไม่ใส่ใจ เขาตกใจจริง ๆ!

“กระถางด้านในสิสุดยอด ล้วนแต่เป็นโอสถจักรพรรดิขึ้นชื่อในยุคโบราณ แม้กระทั่งข้าเองยังรู้สึกว่าโอสถจักรพรรดิเหล่านั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นโอสถเซียนแล้ว!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีกระซิบข้างกายเจ้านิกาย

เจ้านิกายสูดปาก ก่อนมาเขาได้เตรียมตัวไว้แล้ว แต่หลังมาถึงที่นี่ก็ยังตื่นตะลึงไม่น้อย เปี่ยมไปด้วยความสะท้านใจ

โอ่งน้ำตรงกลางมีมัจฉากระโจนขึ้นลงเป็นครั้งคราว

“หนึ่งในเผ่ามัจฉาแห่งอาณาจักรอวี้ซวี เผ่ามัจฉาสัตมายาหรือ? หนึ่งในเผ่ามัจฉาแห่งอาณาจักรกู่อี มัจฉาครีบเงิน?”

เมื่อเจ้านิกายเห็นปลาที่กระโจนขึ้นจากโอ่งน้ำก็ต้องตาค้าง ทั้งหมดนี้คือเผ่ามัจฉาจอมโหดแห่งอาณาจักรเก้าตอนบนหมดเลยหรือนี่!

“ด้วยระดับขั้นของท่านเซียน เลี้ยงเผ่ามัจฉาจอมโหดจากอาณาจักรเก้าตอนบนไม่ถือว่าพิศวงเท่าไหร่”

เขากล่าว พยายามข่มใจตัวเองให้สงบ

“มิได้เลี้ยงเพื่อดูชม แต่เลี้ยงเพื่อเป็นอาหารแมว”

“หา?”

เจ้านิกายตาโตอ้าปากค้าง เผ่ามัจฉาจอมโหดแห่งอาณาจักรเก้าตอนบนไร้ค่าปานนี้เชียวหรือ?

ท่านเซียนเลี้ยงไว้เป็นอาหารแมว…!

ถ้าเล่าให้ผู้อื่นฟังแล้วผู้ใดจะเชื่อได้ลง เผ่ามัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบน แค่กระทืบเท้าก็สามารถทำลายอาณาจักรของพวกเขาจนย่อยยับได้แล้ว!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท