บทที่ 80 ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเปี่ยมคุณธรรมยิ่ง!
“แค่คำว่าผิดไปแล้ว คิดว่าจะชดใช้ทุกอย่างได้อย่างนั้นหรือ”
ไป๋หยูนั่งอยู่บนหลังสิงห์ยักษ์ หน้าตาดูแคลนอย่างถึงที่สุด “เช่นนั้นข้าฆ่าเจ้าแล้วบอกว่าผิดไปแล้ว เรื่องนี้ถือว่าจบได้หรือไม่เล่า”
ลวี่เหลียงเรียกเขาว่าสหายต่อหน้าธารกำนัล ซ้ำยังโต้เถียงกับเขา ทำให้ศักดิ์ศรีของเขาต้องแปดเปื้อน มีหรือเขาจะยอมปล่อยลวี่เหลียงไปง่าย ๆ
เป็นไปไม่ได้!
ลวี่เหลียงสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ไป๋หยูไม่คิดปล่อยเขาไปหรือนี่!
ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ยังไม่โอหังผยองเท่าเจ้าเลย!
เขาคิดอยู่ในใจ อย่างคนเขาว่า คนเก่งจริงย่อมไม่เอิกเกริก แต่คนเก่งครึ่ง ๆ กลาง ๆ มักคุยโว!
ถุย! ถุย! ถุย!
จะเอาคนประเภทนี้ไปเทียบกับผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร!
แบบนี้เหมือนเป็นการหยามเหยียดผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ชัด ๆ!
“ผู้อาวุโสต้องการลงโทษข้า ข้าไม่คิดโอดครวญใด ๆ ขอเพียงผู้อาวุโสดับโทสะลงได้ก็พอ!”
เขาข่มความโกรธเกรี้ยวในใจ พูดกับไป๋หยูด้วยท่าทีนอบน้อม
อยู่ใต้อำนาจผู้อื่นจำต้องก้มหัว…
ระดับขั้นพลังของไป๋หยูสูงส่ง พลิกมือเดียวก็ฆ่าเขาได้ เขามิกล้าล่วงเกินไป๋หยูอีก
“เจ้าหัวไวใช้ได้ เอาเถิด ข้าจะไว้ชีวิตต่ำต้อยของเจ้าแล้วกัน ทว่าเจ้าล่วงเกินข้าเช่นนี้ ก็ไม่อาจจบเรื่องง่าย ๆ แบบนี้…”
ไป๋หยูสีหน้าเรียบเฉย “ข้าไม่อยากเอาเรื่องเอาราวเจ้าเท่าใด เจ้าโขกศีรษะกับพื้นหนึ่งร้อยที แล้วไสหัวไปซะ…”
อะไรนะ!?
โขกศีรษะหนึ่งร้อยที?
ลวี่เหลียงอยากจะกระโดดเข้าไปตบหน้าไป๋หยูสักฉาด ไอ้บ้านี่ แบบนี้เรียกว่าไม่อยากเอาเรื่องหรือ!
ขืนโขกศีรษะหนึ่งร้อยทีจริง ๆ ชีวิตทั้งชีวิตของเขาคงจบเห่ ความศรัทธาในใจพังทลาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดสูงสุดแห่งการฝึกตนในอนาคต
“อย่างไร? ไม่เต็มใจหรือ!?”
ไป๋หยูแค่นเสียงเย็น จิตสังหารแผ่กระจายออกมารอบตัว “ไว้ชีวิตเจ้าก็นับว่าเจ้าโชคดีเท่าไหร่แล้ว หากไม่เต็มใจ ข้าส่งเจ้าไปที่ชอบ ๆ ได้เดี๋ยวนี้!”
“ผู้อาวุโส เขาเพียงแต่สติเลอะเลือนไปชั่ววูบเท่านั้น ลงโทษนิดหน่อยเป็นพอ ผู้อาวุโสลงโทษเช่นนี้นับว่ารุนแรงเกินไปมาก!”
โจวตงแข็งใจเอ่ยออกไป
ลวี่เหลียงเป็นคนของสำนักเมฆาลับฟ้าของเขา เขาย่อมไม่อาจนิ่งดูดายเรื่องของลวี่เหลียงได้
“เจ้ากำลังสั่งสอนวิธีการของข้าหรือ”
ไป๋หยูเลิกคิ้ว สายตาทอดมองโจวตง “ที่จริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้ากลับแส่ไม่เข้าเรื่อง เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร เหอะ จงทำเหมือนกับเขา โขกศีรษะหนึ่งร้อยที แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า! มิฉะนั้น ข้าจักปลิดชีพทั้งเจ้าและเขา ณ ที่นี้!”
ยอดฝีมือจากแดนศักดิ์สิทธิ์มีนิสัยเช่นนี้หรือ?
โจวตงโกรธจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทั้งนี้ก็เพราะพลังของเขาไม่ถึง หากเขามีพลังมากพอ เขาต้องจัดการไป๋หยูให้หลาบจำจงได้ เจ้าไป๋หยูผู้นี้น่าชิงชังยิ่งนัก!
“ตาแก่ ถ้าเจ้ายอมคุกเข่า ข้าขอดูถูกเจ้าไปตลอดชีวิต!”
เวิงอู๋โยวมองโจวตง พร้อมกล่าวว่า “ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ แม้ชีวิตนั้นสำคัญ ทว่าบางสิ่งบางอย่างสำคัญยิ่งกว่าชีวี! หากยอมละทิ้งสิ่งเหล่านี้ ต่อให้มีชีวิตอยู่ก็เป็นเพียงซากศพเดินได้!”
“ไปไหนก็ไป! คนอย่างข้าต้องให้เจ้ามาสั่งสอนด้วยหรือ ข้าบอกเมื่อใดว่าข้ายอมคุกเข่า อย่างเขามีค่าพอด้วยหรือ!”
โจวตงตอบด้วยท่าทีโผงผาง ไม่สนสิ่งใดแล้ว
“รนหาที่ตายนัก!”
ไป๋หยูบันดาลโทสะ จิตสังหารแผ่พุ่งออกจากตัว ก่อนจะฟาดฝ่ามือออกไปข้างหน้า
เจ้าพวกหน้าไม่อาย บังอาจว่าร้ายเขาถึงเพียงนี้ คิดว่าเขาไม่กล้าลงมือฆ่าจริง ๆ หรือไร
ฟึ่บ!
ตอนนั้นเอง ร่างหนึ่งมาถึงในพริบตา หยุดยั้งฝ่ามือของไป๋หยูไว้ได้
“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!”
ม่านตาไป๋หยูไหวระริก เขาจดจำเจ้าของร่างนี้ได้
“ไป๋หยู ความมุ่งร้ายของเจ้ารุนแรงเกินไปแล้ว เรื่องเล็กแค่นี้ไยต้องโมโหใหญ่โต”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยเสียงเรียบ
“หืม ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้จักพวกเขาด้วยหรือ”
ไป๋หยูถาม
“ทำไมหรือ ไม่รู้จักแล้วเข้ามายุ่งไม่ได้หรือ การกระทำของเจ้าจักเกินไปแล้ว!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมองไป๋หยูพลางกล่าว
‘ช่างกล้า ไม่รู้จักแล้วเจ้าจะยุ่งหรือ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างเจ้าโอบอ้อมอารีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด ไยข้าถึงไม่รู้เล่า’
‘แสร้งทำเป็นคนดีอยู่ได้!’
ไป๋หยูคิดอยู่ในใจ หากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่รู้จักพวกโจวตง เขายอมปลิดชีพตัวเองตรงนี้!
“ในเมื่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยปากแล้ว ถือเสียว่าเรื่องนี้จบไปแล้วกัน”
ไป๋หยูขี่สิงห์ยักษ์จากไป
“ทุกท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหันกลับมา ไถ่ถามพวกโจวตงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เป็นถึงประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ใจดีปานนี้เลยหรือ?
พวกโจวตงสบสายตา ทั้งเหลือเชื่อและตกใจกับความเมตตานี้ในเวลาเดียวกัน
คนเขาเป็นถึงประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ ยอดฝีมือผู้มีสิทธิ์มีเสียงแห่งเหยียนโจวอย่างแท้จริง สำนักเมฆาลับฟ้ารวมถึงสำนักไท่หัวของพวกเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาผู้นี้ ช่างไม่มีค่าพอให้พูดถึงเสียจริง…
“ไม่…เป็นไร! ขอบคุณประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเหลือ!”
โจวตงตอบด้วยท่าทีประหม่า
“เรื่องเล็กแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องเก็บไปคิดหรอก พฤติกรรมของไป๋หยูเกินไปจริง ๆ ผู้ใดที่พอมีจิตสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีย่อมไม่อาจเพิกเฉยได้”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยยิ้ม ๆ
“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เปี่ยมคุณธรรมยิ่ง ผู้ที่เปี่ยมคุณธรรมอย่างประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์มีไม่เยอะแล้วในโลกนี้!”
โจวตงเอ่ยอย่างสะท้อนใจ
ผู้ที่เป็นถึงประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แต่กลับเข้าถึงง่ายเช่นนี้ เหนือความคาดหมายของเขาจริง ๆ เขาคิดไม่ถึงเลย
“สหายชมกันเกินไปแล้ว!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างถ่อมตน และไม่วางมาดแม้แต่น้อย กระทั่งเรียกขานโจวตงด้วยสรรพนามอย่างเท่าเทียม ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้โจวตงจนเขาทำตัวไม่ถูก
“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เมตตาเกินไปแล้ว!”
โจวตงประหม่าสุด ๆ
“สหายเต๋าไม่จำเป็นต้องกล่าวเช่นนี้!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว “เทียบกับภาคกลาง พลังปราณในแดนบูรพาทิศเบาบางยิ่ง ซ้ำยังขาดแคลนทรัพยากรฝึกตน กระนั้นสหายสามารถก้าวสู่ขอบเขตลิขิตชะตา ภายใต้สิ่งแวดล้อมเช่นนี้ของแดนบูรพาทิศ นับว่าเก่งกาจอย่างแท้จริง ควรค่าให้ข้าเรียกขานว่าสหาย”
“ข้าหาได้เก่งกาจดังที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ว่าไม่ ข้าเพียงแต่โชคดีก็เท่านั้น!”
“ถ่อมตน ถ่อมตนนัก! ข้าได้ยินว่าเมื่อครั้งสหายใกล้ถึงฆาต กลับบรรลุขีดจำกัดชีวิต ซ้ำยังไต่ระดับขั้นขึ้นไปอีกหลายระดับ บรรลุหลายขอบเขตติดต่อกัน สหายเก่งกาจยิ่ง ข้าขอนับถือ หากเป็นข้า ข้ารู้ตัวว่าทำไม่ได้อย่างสหายแน่นอน!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยยิ้ม ๆ
“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์กล่าวเกินไป ข้าบังเอิญรู้แจ้งขึ้นมา ไตร่ตรองปัญหาฝึกตนจำนวนหนึ่งตก ถึงได้มีการบรรลุเช่นนี้”
โจวตงยิ้มและไม่กล่าวถึงผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่แม้แต่คำเดียว
ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ท่องโลกมนุษย์ในนามปุถุชน และไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องฝึกตน ไฉนเลยเขาจะกล้ากล่าวถึงผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่สุ่มสี่สุ่มห้า
แม้กระทั่งเมื่อครู่ตอนที่ไป๋หยูจะฆ่าเขา เขายังไม่กล้ากล่าวถึงผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เลย
บังเอิญรู้แจ้งเลยบรรลุขึ้นไปหลายขอบเขตอย่างนั้นหรือ…
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหัวเราะในใจ การฝึกตนหาได้ง่ายเช่นนั้นไม่
เขานึกถึงตอนที่หูช่วงบอกเขาว่า คล้ายว่าท่านเซียนท่องโลกมนุษย์ในนามปุถุชนอยู่
ดูท่าคนผู้นี้เคยมีปฏิสัมพันธ์กับท่านเซียน รู้ว่าท่านเซียนท่องโลกมนุษย์ในนามปุถุชน ถึงปิดปากเงียบเกี่ยวกับท่านเซียน
แต่เขามิได้ร้อนใจไป
ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม โดยเฉพาะในเรื่องของท่านเซียนผู้นั้น!
เขาไม่อาจผลีผลามกระทำการ จำต้องวางแผนให้รัดกุม!
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ แน่ใจให้ได้ว่าพวกโจวตงเคยปฏิสัมพันธ์กับท่านเซียนจริงหรือไม่
แม้เขารู้สึกว่าพวกโจวตงน่าจะเคยมีปฏิสัมพันธ์ ทว่าก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัด
“ยอดฝีมือจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ และสัตว์อสูรทั้งหลายยังมากันไม่ครบ การบุกซากโบราณจำต้องใช้เวลาอีกสักพัก พวกเราไม่จำเป็นต้องรออยู่ที่นี่ มิสู้หาสถานที่พักผ่อนเสียหน่อยดีกว่า”
เขายิ้ม แล้วหันมองเวิงอู๋โยว “ได้ยินว่าสำนักของสหายค่อนข้างใกล้กับที่นี่ ไม่ทราบว่าข้ามีเกียรติพอจะไปเป็นแขกที่สำนักของสหายหรือไม่”
พื้นที่ซึ่งมีท่านเซียนปรากฏอยู่ในเขตแดนของสำนักไท่หัว เขาอยากไปตรวจสอบที่สำนักไท่หัวดู เผื่อจะได้อะไรบ้าง