บทที่ 84 แท้จริงแล้วผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่กำลังพูดถึงไป๋หยู!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวถาโถมพุ่งเข้าใส่ ราชสีห์ใต้ร่างของไป๋หยูระเบิดเศษเนื้อเลือดสีแดงฉานสาดกระจาย ไม่ทันจะได้กรีดร้องก็ตายตกทันที
แค่ก แค่ก แค่ก!
ไป๋หยูไอเป็นเลือด ร่างของเขาปริแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย การเผชิญกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ราวกับตัวเขาเล็กกระจ้อยร่อยไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง ไร้ซึ่งสิ่งใดต้านทานได้!
เสียงดังโครม! เขาตกลงมาจากกลางอากาศ พลังชีวิตที่เหลืออยู่ไม่มากพาให้ลมหายใจอ่อนแรงเหลือเพียงเฮือกสุดท้าย!
“เป็นผู้สูงส่งท่านใดอยู่ในที่แห่งนี้กัน!?”
เขาตกใจจนหวาดผวา คาดไม่ถึงจะมีตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้อยู่ในสำนักไท่หัว!
น่ากลัวเกินไปแล้ว! ยังไม่ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ตนเองก็บาดเจ็บสาหัสใกล้ตายเสียแล้ว เหลือเพียงลมหายเฮือกสุดท้าย เขาไม่อยากจะเชื่อเลย!
แม้แต่ประมุขแดนแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังไม่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ผู้สูงส่งที่อยู่ด้านในกลับอยู่เหนือยิ่งกว่าท่านประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ตั้งไม่รู้กี่เท่า!
“ข้ามันเป็นกบก้นบ่อ*[1]จริง ๆ…”
เขาหัวเราะเสียงเย็น
ในอดีตเขามักยกย่องตนเองสูงส่ง ดูถูกเวิงอู๋โยว คิดว่าอีกฝ่ายเป็นกบก้นบ่อ มีความรู้น้อยนิด เรียกคนพละกำลังต่ำต้อยว่าผู้สูงส่ง
หารู้ไม่… เป็นเขาเองที่เป็นกบก้นบ่อ ขาดความรู้ มองข้ามผู้อาวุโสที่อยู่ด้านในซึ่งมีพลังยากจะจินตนาการได้!
“ผู้สูงส่งผู้นั้น… ทรงพลังเพียงใด!?”
ท่าทีขณะนี้ของเขาดูเหมือนคนบ้า หัวเราะเสียงดัง ส่วนในใจก็นึกสมเพชตนเอง ที่ก่อนหน้าได้กล่าววาจาดูถูกผู้อาวุโสสูงส่งไว้เสียมากมาย เขานี้มันโง่เขลาเบาปัญหาจริง ๆ!
เสียงดังโครม พร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่อ่อนล้าเต็มที ก่อนที่ร่างจะล้มลงกับพื้นสิ้นใจด้วยความละอาย
“คิดจะบินเหนือศีรษะท่านผู้อาวุโสหรือ? เช่นนั้นก็ต้องตกลงมาแบบนี้นี่แหละ ช่างหาเรื่องใส่ตัวเสียจริง ๆ เลย!”
เวิงอู๋โยวเหลือบมองศพของไป๋หยู ก่อนโบกฝ่ามือ ส่งให้ศพของไป๋หยูพร้อมเลือดทั้งหมดบนพื้นหายไป
ผู้อาวุโสทรงพลังเพียงใด ใครจะกล้าบินเหนือศีรษะเขากัน?
เกรงว่าแม้แต่มหาจักรพรรดิก็ยังไม่กล้า!
ไป๋หยูผู้นี้ช่างไม่รู้จักความตายแล้วจริง ๆ!
หลังจากทำความสะอาดเสร็จ เขาก็รีบกลับไปห้องโถง เนื่องด้วยนายท่านยังคงนั่งรออยู่ด้านใน
ขณะนั้น ผู้อาวุโสกำลังพูดคุยกับโจวตงและลวี่เหลี่ยงอย่างสนุกสนาน ผู้อาวุโสกล่าวว่าทำนองกู่ฉินของโจวตงไพเราะนัก แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นทำนองเพลงชวนให้คนมีความสุข
“นายท่านชอบก็ดีแล้วขอรับ!”
ได้ยินคำชมของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ โจวตงก็มีความสุขจนหัวใจพองโต
ส่วนลวี่เหลียงลอบชื่นชม ในใจรู้สึกเลื่อมใสไม่น้อย
ผู้อาวุโสก็คือผู้อาวุโส ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
ตอนมอบแผ่นทำนองกู่ฉินให้ เขายังรู้สึกว่ามันดูโอ้อวดความรู้อยู่เล็กน้อย
ถึงแม้จะมิอาจหยั่งรู้ขอบเขตของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ และไม่ว่าทำนองกู่ฉินจะวิเศษเพียงใด มันก็ไม่น่าเข้าตาผู้อาวุโสได้
แต่ท่านบรรพชนเคยสอนสั่งเขาเอาไว้ และการมอบทำนองกู่ฉินให้นี้ก็เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่
ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ย่อมเข้าใจความเคารพความจริงใจของพวกเขา! จริงหรือไม่?
มาตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านบรรพชนจะกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เอ่ยชมเชยทำนองเพลงกู่ฉิน สิ่งนี้ย่อมยืนยันความตั้งใจของพวกเขา
“หากมีทำนองกู่ฉินเช่นนี้อีก ก็ส่งให้ข้าได้ วางใจเถอะ ข้าไม่เอาเปรียบเจ้าแน่ ข้าจะใช้ภาพวาดแลกเปลี่ยนกับทำนองกู่ฉินของเจ้า”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ของโบราณทั้งหลาย คือสิ่งที่เขาสนใจ เพราะภูมิปัญญาของคนโบราณนั้นไม่อาจดูเบาได้เลย และเขาก็อยากรู้ข้อมูลของผู้คนในสมัยก่อนมากกว่านี้
“นายท่านวางใจเถิด หากมีอีกข้าจะรีบส่งให้ท่านอย่างรวดเร็วเลยขอรับ!”
โจวตงตกลงทันที
ขอบเขตของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่สูงส่งเพียงใด จะมาใส่ใจทำนองเพลงกู่ฉินที่เขามอบได้อย่างไร? เพราะผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เห็นถึงความจริงใจของเขาต่างหาก อีกฝ่ายจึงเอ่ยเป็นกำลังใจให้เขาเสียมากกว่า!
ถือว่าไม่ได้ยินผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่กล่าวว่าใช้ภาพวาดแลกเปลี่ยนอะไรนั่นไป เพราะทำนองกู่ฉินไหนเลยจะเทียบได้กับภาพวาดผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่วาดขึ้นได้?
เป็นผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่อยากให้กำลังใจเขา!!
เวิงอู๋โยวคล้ายอิจฉาริษยาไม่น้อย ตาเฒ่าโจวตงช่างหัวหมอนัก เป็นที่โปรดปราดของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ ยังจะได้รับคำชมเชยจากผู้อาวุโสอีก!!
“อนิจจา อากาศร้อนยิ่ง แมลงวันก็เริ่มเยอะ…”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เขาคาดไม่ถึงสถานที่บ่มเพาะอย่างสำนักไท่หัว แท้จริงแล้วก็มีแมลงวันด้วย เขาเพิ่งเห็นแมลงวันตัวหนึ่งบินผ่านไป…
‘แมลงวันตัวนี้ช่างน่ากลัวนัก คงเป็นเพราะมันรู้ว่าในสำนักไท่หัวมีพลังปราณอยู่ทุกหนทุกแห่ง มันเลยอยากบ่มเพาะ’
หลี่จิ่วเต้าครุ่นคิดกับตัวเอง
เมื่อคำพูดของเขาเข้าหูเวิงอู๋โยว โจวตงและลวี่เหลียง ความหมายนี้กลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
แมลงวัน…
ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่กำลังพูดถึงไป๋หยูหรือ?
ใช่แล้ว!
ไป๋หยูกับพวกเราช่างห่างไกลกันนัก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ ไป๋หยูก็เป็นเพียงแมลงวันตัวหนึ่งเท่านั้น…
ทุกคนพลันสั่นสะท้านไปทั่วร่าง การได้เจอกับผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่นี้เหมือนดั่งเมื่อชาติที่แล้ว พวกเขาได้สร้างบุญกุศลมาสามชาติสามภพ ทำให้ชาตินี้พวกเขามีโชคได้พบประสบกับผู้อาวุโส!
“อ้าว ผู้เฒ่าเวิงกลับมาแล้วหรือ”
ประจวบเหมาะหลี่จิ่วเต้าเห็นเวิงอู๋โยวเข้ามา
เขามัวแต่จดจ่ออยู่กับการพูดคุยกับโจวตง จึงไม่ได้สังเกตว่าเวิงอู๋โยวกลับมาแล้ว
“หึ ตายไปแล้วสินะ ที่แห่งนี้เป็นสถานใด เจ้านั้นถึงกล้าบินมั่วซั่ว…”
หลี่จิ่วเต้าอดเอ่ยอย่างเสียมิได้
เขาเห็นแมลงวันตัวนั้นบินไปหาเวิงอู๋โยว มันช่างไม่รู้จักกลัวความตายเสียเหลือเกิน จากนั้นเขาก็เห็นแมลงวันร่วงหล่นตกมาตาย
เวิงอู๋โยวเป็นผู้ฝึกตนมิใช่ปุถุชนธรรมดา เขาเคยได้ยินมาว่าร่างกายผู้ฝึกตนมีพลังคุ้มครองกาย ดังนั้นแมลงวันตัวเดียวย่อมต้องถูกเวิงอู๋โยวฆ่าตายอยู่แล้ว
‘เจ้าแมลงวันโง่เขลา ดูแล้วยังไม่ทันได้บ่มเพาะพลังปราณ บินมาตามสัญชาตญาณ แต่ดันบินไปใกล้ผู้ฝึกตนเข้า…’
เฮ้อ เขาถอนถอดหายใจ คิดว่าแท้จริงแล้วเขาก็ไม่ต่างจากแมลงวันตัวนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ฝึกตนช่างต่ำต้อยนัก
ผู้ฝึกตนก็คือผู้ฝึกตน ย่อมมีข้อแตกต่างจากปุถุชนธรรมดาทั่วไป ถึงแม้ผู้เฒ่าเวิงกับพวกพ้องจะให้เกียรติเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่อาจได้ใจมากนัก เพราะการต้อนรับแขกถือเป็นมารยาทเท่านั้น…
ก่อนเวิงอู๋โยวจะทันตอบ เขาก็ได้ยินประโยคนี้จากผู้อาวุโส
แท้จริงแล้วผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่กำลังพูดถึงไป๋หยูหรือนี่!
ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่ ไป๋หยูกลับกล้าบินเข้ามาวุ่นวาย ช่างไม่รู้จักกลัวตายเสียจริง!
“นายท่านมีธุระอะไรถึงมาถึงที่นี่ขอรับ?”
เขาถาม
“ไม่มีอะไร ข้าไม่ได้เจอเซี่ยเหยียนมาหลายวันแล้ว อยู่บ้านข้าก็ไม่ได้ทำอะไร จึงคิดจะมาหาเซี่ยเหยียนเสียหน่อย”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เขาไม่มีอะไรทำ…
หลิงอินกำลังฝึกฝนทักษะดีดกู่ฉินอย่างหนัก ส่วนผู้เฒ่าเมิ่งจีก็ฝึกฝนทักษะการวาดภาพ ดังนั้นเขาที่ไม่มีอะไรทำ จึงนึกถึงเซี่ยเหยียนขึ้นมา
อันที่จริงแล้ว การมาหาเซี่ยเหยียนเป็นเรื่องรอง เขาต้องการเยี่ยมชมสำนักไท่หัวต่างหาก
สำนักไท่หัวเป็นสถานที่บ่มเพาะที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในบูรพาทิศ เป็นสถานที่ที่เขาเคยฝันที่จะเข้ามา…
แต่เขาจะไปบอกว่าอยากมาชมสำนักไท่หัวตามตรงก็ไม่ได้
ช่างน่าละอายนัก… มันทำให้เขาดูเหมือนคนขี้ขลาด
แม้ว่าต่อหน้าผู้ฝึกตน เขาก็เป็นคนโง่เขลาไม่มีความรู้ …ทว่าหลี่จิ่วเต้าไม่อยากเป็นคนไร้ยางอาย
ดังนั้นเมื่อเขานึกถึงเซี่ยเหยียนขึ้นมา จึงคิดใช้ข้ออ้างนี้เข้ามาเยี่ยมชม ปากบอกมาหาเซี่ยเหยียน แต่แท้จริงแล้วมาเยี่ยมชมสำนักไท่หัว
“อ๋อ เซี่ยเหยียนกลับไปอาณาจักรเซี่ย และยังไม่กลับมาเลย…”
เวิงอู๋โยวคาดไม่ถึงผู้อาวุโสจะมาหาเซี่ยหยาน
แต่เขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ ไปอยู่บ้าง…
ด้วยขอบเขตของผู้อาวุโสแล้ว จะไม่รู้เลยหรือว่าเซี่ยเหยียนไม่ได้อยู่ในสำนักไท่หัว?
[1] กบก้นบ่อ ตรงกับสำนวนไทยกบในกะลา หมายถึง คนโลกแคบ