รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 83 สูงส่งหรือ? สูงเท่าเพียงใดเล่า?

บทที่ 83 สูงส่งหรือ? สูงเท่าเพียงใดเล่า?

บทที่ 83 สูงส่งหรือ? สูงเท่าเพียงใดเล่า?

“นายท่าน เหตุใดถึงมาที่นี่ขอรับ!”

เวิงอู๋โยวรีบไปประตูต้อนรับผู้อาวุโสอย่างรวดเร็ว

ด้านหลังมีโจวตงกับลวี่เหลียงตามด้านหลังรีบเข้ามาคาราวะผู้อาวุโส

พวกคนที่อยู่ด้านหลังเห็นบรรพชนสำนักไท่หัวและเหล่าอาวุโส คารวะหลี่จิ่วเต้าอย่างนอบน้อมต่างก็สงสัยขึ้นมา

เกิดอะไรขึ้น?

เหตุใดเขาถึงได้รับความนอบน้อมยิ่งกว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เล่า!

ชายผู้นี้เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดามิใช่หรือ?

บรรดาเหล่าศิษย์น้อยใหญ่ต่างไม่เข้าใจ ไฉนบรรพชนกับเจ้าสำนัก แล้วไหนจะกลุ่มผู้อาวุโสถึงพากันเคารพยำเกรงต่อหลี่จิ่วเต้า ทว่าถึงกระนั้นก็ไม่กล้าล่วงเกินจึงรีบเดินตามไปคารวะกันอย่างนอบน้อบ

ไม่ใช่แค่ศิษย์เหล่าเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แม้แต่ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเช่นกัน…

สำหรับตัวตนของหลี่จิ่วเต้า ในฐานะผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ มีเพียงเวิงอู๋โยวกับเจ้าสำนักไท่หัวเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนอื่น ๆ ในสำนักก็มิมีผู้ใดทราบ

…จำเป็นต้องเล่นใหญ่เช่นนี้ด้วยหรือ!

มีผู้คนมากมายออกมาคารวะ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกตนทั้งหมด หลี่จิ่วเต้าคาดไม่ถึงและรู้สึกว่าคล้ายถูกขู่ขวัญให้กลัวอย่างไรอย่างนั้น

‘ดูเหมือนว่าสถานะของเวิงอู๋โยวในสำนักไท่หัวจะสูงส่งมาก!’

หลี่จิ่วเต้าครุ่นคิดกับตัวเอง

เขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ฉากต้อนรับอันยิ่งใหญ่นี้ แสดงให้เห็นว่าผู้ฝึกตนสำนักไท่หัวต้องคิดว่า เขาแข็งแกร่งหรือไม่ก็เป็นผู้ฝึกตนไร้เทียมทานเป็นแน่!

ช่างน่าเสียดาย เขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนไร้เทียมทานหรือมีพลังบ่มเพาะสูงส่ง แต่เป็นเพียงมนุษย์ที่ไม่มีคุณสมบัติบ่มเพาะใด ๆ…

เวิงอู๋โยวเคารพนบน้อมเขามากเพียงเพราะประทับใจในทักษะดีดกู่ฉิน ทักษะเขียนพู่กันกับทักษะวาดภาพของเขาก็เท่านั้น

‘ไม่นึกเลยว่าข้า หลี่จิ่วเต้าจะมีวันนี้กับเขาด้วย!’

เมื่อได้รับการต้อนรับจากกลุ่มผู้ฝึกตนก็รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย

ฉากเช่นนี้คงกล้าคิดเพียงแค่ในฝันเท่านั้น…

“ผู้เฒ่าเวิงเกรงใจกันไปแล้ว”

ชายหนุ่มยิ้มกล่าว “ต้อนรับข้าเสียยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำเอาตกใจจริง ๆ…”

“หาใช่เรื่องใหญ่โตอันใดขอรับ อย่าได้เกรงใจไปเลย พวกเขาล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ลูกหาของข้าก็ควรเคารพนายท่านเช่นกัน”

เวิงอู๋โยวกล่าว

ลูกศิษย์ลูกหา?

สวรรค์ ที่แท้เวิงอู๋โยวก็ไม่ธรรมดาจริง ๆ!

ไม่น่าแปลกใจเซี่ยเหยียนอยากจะประจบสอพลอเวิงอู๋โยว อีกไม่นานนางคงกลายเป็นลูกศิษย์สายตรงของเจ้าสำนัก

หลี่จิ่วเต้าครุ่นคิดกับตัวเอง

“นายท่านมาถึงที่นี่เป็นเกียรติของข้าจริง ๆ ที่ได้ออกมาต้อนรับ เชิญเข้ามาก่อนขอรับ!”

เวิงอู๋โยวกล่าว

“เอาเถอะ” ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยและสาวเท้าตามเข้าไป

หลังจากเข้ามาแล้วก็กวาดตามองสำรวจรอบ ๆ เวลาเดียวกันความรู้สึกหลากหลายได้ปะดังประเดเข้ามา

ครั้งหนึ่งสำนักไท่หัวเคยเป็นสถานที่ใฝ่ฝันที่อยากจะเข้ามา…

ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้รับการต้อนรับเช่นนี้!

“เดิมทีใกล้สิ้นอายุขัยแล้ว ทว่าในระยะเวลาสั้น ๆ กลับทะลวงคอขวดได้เสียอย่างนั้นหรือ?”

ไป๋หยูเอ่ยเสียงเบา นี่เป็นข้อมูลจากคนที่เขาส่งไปสืบเสาะสถานการณ์ของฝ่ายเวิงอู๋โยว

“เข้าใจแล้ว!”

เขาหัวเราะเย้ยหยัน เมื่อเข้าใจว่า… เหตุใดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงออกตัวแทนฝ่ายเวิงอู๋โยว และเหตุใดถึงปฏิบัติกับฝ่ายเวิงอู๋โยวดียิ่ง

ผู้ฝึกตนที่บรรลุขอบเขตได้ก้าวกระโดดอย่างกะทันหันคงไม่พ้นสมบัติสวรรค์ หรือไม่ก็บังเอิญเจอโชคครั้งใหญ่!

คนฝ่ายเวิงอู๋โยวก็คงจะเป็นเช่นนั้นแล ดังนั้นจึงใช้เวลาสั้น ๆ ทะลวงฝ่าด่านมาได้!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนต้องสังเกตเห็นจุดนี้เป็นแน่!

“ไม่รู้ว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนทำสำเร็จหรือไม่… ทว่าลองไปดูหน่อยก็ไม่เสียหาย!”

เขาหรี่ตาพลางขบคิดต่าง ๆ นานา และตัดสินใจควบราชสีห์ยักษ์ออกไปจากซากปรักหักพังโบราณ มุ่งตรงไปยังสำนักไท่หัว

สมบัติสวรรค์ที่พวกเวิงอู๋โยวได้รับจะต้องน่าทึ่งมากเป็นแน่ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงได้ลงมือด้วยตนเอง!

เขารู้ว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนออกมาจากสำนักไท่หัวแล้ว ยามนี้คงมีแต่เวิงอู๋โยวกับคนอื่น ๆ เท่านั้นที่ยังไม่ไปไหน

ความเร็วของราชสีห์ยักษ์กล่าวได้ว่าเร็วยิ่งยวด เพียงพริบตาก็มาถึงสำนักไท่หัวแล้ว!

“ขะ… ข้าขอถามว่าท่านคือผู้ใด?” ศิษย์เฝ้าประตูถามเสียงสั่นเครือ

พลังปราณรอบกายจากร่างของไป๋หยูน่าเกรงขามยิ่ง มันทำให้เขาตื่นตระหนกจนตัวสั่น!

“ไปเรียนว่า ไป๋หยูผู้นี้มาเยี่ยมเยือน!”

ผู้พูดเปรยตามองอย่างเฉยเมยครู่หนึ่ง จากนั้นควบขี่ราชสีห์ยักษ์ขึ้นยอดเขาเหนือเมฆา

ศิษย์เฝ้าประตูไม่กล้ารีรอรีบเข้าสำนักไปรายงานทันที!

แท้จริงแล้วต่อให้ไม่ต้องไปรายงาย เวิงอู๋โยวก็รู้ว่าไป๋หยูมาที่นี่แล้ว…

ไป๋หยูไม่ได้ปิดบังกลิ่นอายใด ๆ ซ้ำพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวของเขายังปกคลุมสำนักไท่หัว เวิงอู๋โยวกับผู้อื่นย่อมรู้ถึงความกดดันนี้!

“ผู้อาวุโสมีคนด้านนอกมาขอพบ เขามีนามว่าไป๋หยูขอรับ”

เวิงอู๋โยวมองลูกศิษย์เฝ้าประตูที่กระหืดหอบวิ่งเข้ามารายงานแรงอย่างร้อนใจ

ให้ตายเถอะ เจ้าไป๋หยู!! ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ถึงกับมาหาพวกเขาถึงสำนักไท่หัว ไยเจ้าต้องมาสร้างปัญหาเอาในเวลานี้ด้วย!

เวิงอู๋โยวก่นสาปแช่งในใจ

“หือ… ท่านมีแขกมาหาหรือ? โอ้ ข้าไม่มีสิ่งใดต้องทำอยู่แล้ว เชิญท่านออกไปรับแขกก่อนเถิด” หลี่จิ่วเต๋ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นายท่านโปรดรอสักครู่!” เวิงอู๋โยวกุลีกุจอออกจากห้องโถง ตรงไปที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นอีกฝ่าย เขาจึงระงับความโกรธในใจ และเอ่ยถามด้วยท่าทีสุขุม “ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือ?”

“ข้าเพียงอยากรู้ว่าเหตุใดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงต้องตามพวกเจ้ามาที่นี่…” ไป๋หยูมองเวิงอู๋โยวด้วยสีหน้าเฉยเมย

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเพิ่งจะออกไปเมื่อครู่ เหตุใดไป๋หยูถึงมาที่นี่!

เวิงอู๋โยวทอดถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน

ก่อนหน้านี้พวกเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่อย่างแท้จริง!

“ไม่มีอะไรขอรับ ท่านประมุขเพียงมาเยี่ยมสำนักไท่หัวแล้วก็จากไป” เวิงอู๋โยวตอบกลับ

“มาเยี่ยมชมหรือ?” ไป๋หยูหัวเราะ “ท่านประมุขมาเยี่ยมชมที่ใด ข้าเองก็อยากเยี่ยมชมที่นั้นด้วย”

เอ่ยจบ เขาก็เตรียมควบขี่ราชสีห์ยักษ์เข้าไปด้านในสำนักไท่หัว

“ไม่ได้!” สีหน้าของเวิงอู๋โยวแปรเปลี่ยนฉับพลันรีบหยุดผู้บุกรุก

ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ยังอยู่ในสำนัก เขาจะปล่อยให้ไป๋หยูพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสได้อย่างไร?

“เจ้ากล้าหยุดข้าหรือ? สามหาวเกินไปแล้ว!”

ไป๋หยูเย้ยหยันพร้อมกับส่งกลิ่นอายดุดันออกมากดข่ม “อย่าคิดว่ามีประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคุ้มกะลาหัวแล้วข้าจะหวั่นเกรงเจ้า ข้าไม่กลัวดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!”

เขาขี่ราชสีห์ยักษ์บินตรงไปยังสำนักไท่หัวโดยไม่สนใจเวิงอู๋โยวอีกต่อไป

“มีผู้สูงส่งอยู่ในสำนักไท่หัวของข้า ไป๋หยู เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือ!”

เวิงอู๋โยวตะโกนด้วยโทสะที่พลุ่งพล่าน ขณะพยายามหยุดอีกฝ่ายอีกครั้ง!

“สูงส่งหรือ? สูงส่งเพียงใดเล่า?”

ไป๋หยูเอ่ยวาจาเย้ยหยัน “ข้าอยากเห็นเสียแล้วสิ คนที่เจ้าบอกว่าสูงส่งนักสูงส่งหนามันจะสักเท่าไรกันเชียว!”

คนต้อยต่ำในแดนบูรพาจะสูงส่งแค่ไหนกัน?

เขาหัวเราะลั่น

“จะ… เจ้า!” เวิงอู๋โยวไหนเลยจะกล้าปล่อยให้ไป๋หยูเข้าไปเช่นนี้ จึงรีบไปหยุดเขาอีกครั้ง

“ออกไปให้พ้น” ไป๋หยูตวาดอย่างเย็นชา พลังปราณอันแข็งแกร่งพวยพุ่งออกมาจากร่าง ในพริบตาเวิงอู๋โยวก็ถูกผลักออกไปด้านข้าง!

ความแข็งแกร่งของทั้งสองแตกต่างกันเกินไปมากจริง ๆ เวิงอู๋โยวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไป๋หยูแม้แต่น้อย!

สีหน้าไป๋หยูเผยความโอ้อวด ไม่เห็นหัวผู้อาวุโสของสำนักไท่หัวกับเวิงอู๋โยวอยู่ในสายตา เขาควบราชสีห์ยักษ์โฉบบินเข้าไปด้านในอย่างถือดี

ผู้ฝึกตนต่ำต้อยแดนบูรพาทิศจะไปมีความรู้อะไร? ส่วนผู้ฝึกตนที่มีพละกำลังขึ้นมาหน่อยก็เรียกผู้สูงส่งไปเสียหมด!

ไป๋หยูเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม …เจ้าคนผู้นั้นจะสูงส่งกว่าเขาได้หรือ?

ขณะที่กำลังควบขี่ราชสีห์ยักษ์ทะยานเข้าสู่สำนักไท่หัว สีหน้าของเขาพลันวูบไหวเปลี่ยนไป ราวกับมีพลังน่าสะพรึงกลัวจากสวรรค์ร่วงหล่นกดทับหน้าอกเอาไว้!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท