รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 94 ผู้อาวุโสช่วยแนะนำได้หรือไม่?

บทที่ 94 ผู้อาวุโสช่วยแนะนำได้หรือไม่?

บทที่ 94 ผู้อาวุโสช่วยแนะนำได้หรือไม่?

ณ ซากปรักหักพังโบราณ เหล่ายอดฝีมือจากแดนศักดิ์สิทธิ์กับราชาปีศาจต่างพากันโมโห

พวกเขาออกแรงโดยเปล่าประโยชน์ หาได้สิ่งใดกลับมาสักชิ้น ในใจของคนทุกผู้จวนเจียนจะระเบิดออกมา!

พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้เลย

ผู้ใดเป็นคนทำ พวกเขายังไม่มีแม้แต่เบาะแส

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงออกจากที่นี่อย่างไม่เต็มใจ นำพาความขุ่นเคืองตรงกลับไปยังภาคกลาง

ฝั่งหนึ่งเป็นประมุข อีกฝั่งหนึ่งเป็นราชาของเผ่า ทั้งสองฝ่ายมิอาจอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานได้ เพราะยังมีหลายสิ่งหลายอย่างรอให้พวกเขากลับไปจัดการ

“ขอบคุณท่านประมุขที่ดูแล”

พวกเวิงอู๋โยวทั้งสามคนกล่าวลากับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

“มิเป็นไร…”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหัวเราะเสียงเบา และกล่าวลากับพวกเวิงอู๋โยวทั้งสามคน

“จับตาดูพวกเขาไว้…”

เขาสั่งผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ก็แอบติดตามพวกเวิงอู๋โยวทั้งสามคนกลับไป

พวกเวิงอู๋โยวไม่ได้กลับสำนักไท่หัวในทันที แต่ตรงไปเมืองชิงซานแทน

นี่เพราะทั้งสามเกิดความสงสัยว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่หรือไม่ จึงต้องการไปหาอีกฝ่ายเพื่อตรวจสอบ

“ไม่ได้กลับสำนักไท่หัว แต่ตรงไปเมืองมนุษย์แทน?”

ไม่นานนัก ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็ได้รับข่าว

พฤติกรรมของพวกเวิงอู๋โยวทั้งสามคนนั้นผิดปกติเล็กน้อย ผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ลอบติดตามไม่กล้าประมาทรีบส่งข่าวกลับมาทันที

“ท่านเซียนท่องโลกมนุษย์…”

หูช่วงซึ่งอยู่ข้างกายประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมองประมุขของตนเอง

นัยน์ตาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเปล่งประกายพลางกล่าวว่า “ไป พวกเราตามไปดูกันเสียหน่อย!”

จากนั้นเขากับหูช่วงก็รีบออกเดินทางไปเมืองชิงซาน

“นายท่านอยู่หรือไม่?”

ณ หน้าร้านของหลี่จิ่วเต้า พวกเวิงอู๋โยวทั้งสามคนไม่กล้าเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเคาะประตูไถ่ถามอย่างเกรงอกเกรงใจ

“ผู้ใด?”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีออกมาก่อนจะเห็นทั้งสามคน

นี่มัน…ผู้เฒ่าเมิ่งจี!

การแสดงออกของพวกเวิงอู๋โยวเปลี่ยนไปทันที พวกเขาย่อมคิดไม่ถึงว่าผู้ที่ออกมาต้อนรับจะเป็นผู้เฒ่าเมิ่งจี!

ทั้งสามคนเคยเห็นผู้เฒ่าเมิ่งจีที่ซากปรักหักพังโบราณ รู้ว่าผู้เฒ่าเมิ่งจีเป็นยอดฝีมือมีชื่อเสียงในภาคกลาง!

ผู้เฒ่าเมิ่งจีขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดจึงมีผู้ฝึกตนสามคนถึงมาหาท่านเซียนกัน?

“พวกเจ้าคือ?” เขาถามอย่างสงสัย

“ข้าคือเวิงอู๋โยวจากสำนักไท่หัว!”

“ข้าคือโจวตงจากสำนักเมฆาลับฟ้า!”

“ข้าคือลวี่เหลียงจากสำนักเมฆาลับฟ้า!”

พวกเวิงอู๋โยวทั้งสามไม่กล้าละเลย รีบเอ่ยแนะนำตัวกับผู้เฒ่าเมิ่งจีทันที

“สำนักไท่หัว…สำนักไท่หัวที่อยู่ใกล้เมืองชิงซานน่ะหรือ?”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีอยู่ในเมืองชิงซานมาสักพัก รู้ว่าสำนักไท่หัวอยู่ไม่ไกลจากเมืองชิงซาน และรู้ว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในกองกำลังผู้ฝึกตนที่ทรงพลังมากที่สุดในแดนบูรพาทิศ

หากมิใช่ว่าใช้เวลาในเมืองชิงซานมาพักใหญ่ เขาคงไม่รู้เกี่ยวกับสำนักไท่หัวอย่างแน่นอน

ถึงแม้สำนักไท่หัวจะรุ่งเรืองทรงอำนาจทางบูรพาทิศ แต่เมื่อเทียบกับทั้งเหยียนโจวก็ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย และหากอยู่ต่อหน้านิกายลับสวรรค์ก็ไม่มีค่าพอจะเอ่ยถึง เขาไม่คิดใส่ใจกับสำนักเล็ก ๆ เช่นนี้หรอก…

“ใช่แล้วขอรับ!”

เวิงอู๋โยวตอบด้วยความเคารพ

บรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดล้วนเคารพยำเกรงนิกายลับสวรรค์ แล้วเขาจะกล้าเสียมารยาทต่อผู้เฒ่าใหญ่แห่งนิกายลับสวรรค์ได้อย่างไร?

เขาไม่กล้าหรอก!

“ดูเหมือนพวกเจ้าจะรู้จักตัวตนของนายท่านแล้ว?”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าวอย่างครุ่นคิด

เพียงแค่เห็นคำว่า ‘เต๋า’ บนแผ่นป้ายร้าน ผู้ฝึกตนย่อมสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดา

ยิ่งขอบเขตสูงเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกพิเศษมากขึ้นเท่านั้น

พวกเวิงอู๋โยวทั้งสามคนมาที่นี่ได้ ก็แน่นอนแล้วว่าพวกเขาน่าจะรู้จักตัวตนของท่านเซียนแล้ว

“พวกข้าเคยเจอนายท่านมาก่อนแล้ว…”

เวิงอู๋โยวตอบกลับ

“อืม”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีพยักหน้าถาม “นายท่านหลับอยู่ พวกเจ้าจะรอที่นี่หรือจะเอาอย่างไร?”

“นายท่านหลับแล้ว พวกข้าไม่รบกวนดีกว่า ไว้วันหน้าพวกข้าจะมาใหม่!”

ทั้งสามคนกล่าวลาผู้เฒ่าเมิ่งจี ก่อนจะออกจากเมืองชิงซาน

“สำนักไท่หัวช่างน่าอิจฉานัก…”

เขาเอ่ยอย่างปลงอนิจจา

สามารถสนิทสนมกับท่านเซียน หากไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย อนาคตของสำนักไท่หัวช่างยากจินตนาการได้แล้ว

“เหตุใดผู้เฒ่าเมิ่งจีจึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหรี่ตามองผู้เฒ่าเมิ่งจีจากระยะไกล

หลังจากเขาได้ข่าวก็รีบเร่งมาที่นี่พร้อมกับหูช่วง

“ท่านประมุขดูอักษร ‘เต๋า’ บนแผ่นป้ายสิขอรับ!”

หูช่วงกล่าวกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนด้วยความตกใจ

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนให้ความสนใจกับผู้เฒ่าเมิ่งจี จนละเลยอักษรบนแผ่นป้ายร้านไป ทว่าหลังจากได้ยินหูช่วงเตือน เขาจึงเหลือบมองแผ่นป้ายร้านค้าอีกครั้ง

เพียงแต่มองแวบเดียว เขาก็ตกตะลึงกับสัมผัสที่ไหลเวียนอยู่บนอักษร ‘เต๋า’ บนป้ายร้านซึ่งแฝงสัมผัสแห่งเต๋าสูงสุดไว้ นี่สามารถพูดได้ว่าตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา เขาไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อน!

“ท่านเซียนอยู่ที่นี่!”

เขากับหูช่วงมองหน้ากัน ในใจของคนทั้งคู่ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบท่านเซียน!

สัมผัสแห่งเต๋าสูงสุดนี้ เกรงว่าแม้แต่มหาจักรพรรดิก็มิอาจเขียนอักษร ‘เต๋า’ เช่นนี้ออกมาได้ ทำให้พวกเขานึกถึงท่านเซียนผู้นั้นที่พวกตนกำลังมองหาทันที!

“ไป!”

ทั้งคู่ระงับความตื่นเต้น และเตรียมมาคาราวะท่านเซียน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

เมื่อมาถึงร้านพวกเขาก็ไม่กล้ากระทำการล่วงเกิน ได้แต่ยืนเคาะประตูร้านก่อน

ช่างน่าขำนัก

ท่านเซียนอยู่ที่นี่ พวกเขาจะกล้าล่วงเกินได้อย่างไร? ต่อให้มีร้อยชีวิตให้หยิบยืมพวกเขาก็ไม่กล้าทำ!

“ผู้ใด?”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีเพิ่งกลับเข้าไปในลานบ้านก็ต้องเดินกลับออกมาอีกครั้ง

“เหตุใดพวกท่านถึงได้มาที่นี่?”

เมื่อเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วง สีหน้าของผู้เฒ่าเมิ่งจีก็เปลี่ยนไปทันที เขาไม่คาดคิดว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วงจะมาที่นี่!

“พวกข้ามาคาราวะท่านผู้อยู่ด้านใน!”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว เขามิกล้าเรียกท่านเซียนว่าท่านเซียนโดยตรง

นี่เพราะเคยได้ยินหูช่วงบอกว่าท่านเซียนกำลังท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน เขาย่อมไม่กล้าละเมิดข้อห้ามของท่านเซียน และทิ้งความประทับใจไม่ดีให้ท่านเซียน

สีหน้าของผู้เฒ่าเมิ่งจีในเวลานี้พิกลยิ่ง ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้เรื่องท่านเซียนได้อย่างไร?

“นายท่านไม่ชอบให้ใครมารบกวน…”

เขาบอกพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่กล้าให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้ามาด้านใน

“นายท่าน…?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยขึ้น ”เรื่องนี้พวกข้ารู้แล้ว พวกข้าเพียงต้องการเข้าไปคาราวะนายท่านครู่เดียว หาได้มีเจตนาอื่นไม่!”

ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าจะเรียกท่านเซียนว่าอย่างไร แต่หลังจากได้ยินผู้เฒ่าเมิ่งจีเรียกขานท่านเซียนว่านายท่าน เขาก็รู้แล้วว่าตนเองควรเรียกท่านเซียนว่าอะไร

“พวกเจ้ารู้จักนายท่านมาก่อนแล้ว?”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีถาม

“ไม่ใช่ข้า แต่เป็นหูช่วงที่เคยเจอมาก่อน”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนส่ายหัวและชี้ไปที่หูช่วง

“ใช่แล้ว ข้าเคยเห็นนายท่านตัดต้นไม้ที่นอกเมือง…”

หูช่วงกล่าว

“อย่างนี้นี่เอง”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีจำได้ว่าท่านเซียนเคยไปตัดต้นไม้นอกเมืองเพื่อช่วยหลิงอินทำกู่ฉิน เขาคิดว่าหูช่วงน่าจะเจอท่านเซียนตอนนั้น

แต่มันก็ผ่านมาได้สักระยะแล้ว

เหตุใดหูช่วงกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงมาเอาตอนนี้เล่า?

เข้าใจแล้ว…ทั้งสองคนน่าจะแอบตามพวกเวิงอู๋โยวมา

พวกเวิงอู๋โยวจากไป ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วงก็เข้ามาทันที จะมีความบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร?

“รบกวนผู้อาวุโสเมิ่งจีช่วยแนะนำสักหน่อยได้หรือไม่”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวอย่างสุภาพ

มาคาราวะท่านเซียนกะทันหันไปหน่อย ประจวบเหมาะกับเจอผู้เฒ่าเมิ่งจี พวกเขาน่าจะเข้าไปได้

เขาอยากให้ผู้เฒ่าเมิ่งจีช่วยแนะนำเขา

“อย่าเรียกข้าว่าผู้อาวุโส ตอนนี้ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา เรียกข้าว่าเมิ่งจีก็พอ”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าว

“เรื่องคำแนะนำ…ข้าไม่กล้าตัดสินใจสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่รู้ว่านายท่านอยากจะเจอพวกเจ้าหรือไม่”

ว่าแล้วเขาก็ส่ายหัว

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท