รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 93 ปรมัตถ์แห่งการฝึกตน ไม่ฝึกฝนก็คือฝนฝน

บทที่ 93 ปรมัตถ์แห่งการฝึกตน ไม่ฝึกฝนก็คือฝนฝน

บทที่ 93 ปรมัตถ์แห่งการฝึกตน ไม่ฝึกฝนก็คือฝนฝน

เซียน

เป็นตัวตนที่เลือนรางไม่อาจพบเห็นได้

ที่มาที่ไปของเซียนไม่มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงชัดเจน เนื่องจากเป็นยุคสมัยอันไกลโพ้น

ในยุคโบราณที่สุด ยังไม่มีแนวคิดคำว่า ‘เซียน’ ต่อมาไม่รู้ว่าในยุคสมัยไหน กลับเกิดตำนานเล่าขานเกี่ยวกับ ‘เซียน’ ขึ้นมา

หลังจากนั้น สิ่งมีชีวิตที่มุ่งฝึกฝนทุกตนล้วนมีเป้าหมายคือบรรลุเป็นเซียน

และในยุคโบราณเป็นยุคที่ตำนานของ ‘เซียน’ รุ่งเรืองที่สุด เรื่องเล่าขานของ ‘เซียน’ กระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?

เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดทราบได้

ตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ ร่องรอยของเซียนปรากฏในยุคโบราณมากที่สุด!

มีทั้งภพเซียนเลือนรางปรากฏเหนือเวหา มีทั้งเส้นทางบรรลุเซียนที่ช่วยให้เลื่อนระดับเป็นเซียนปรากฏ มีทั้งโอสถเซียนที่ส่องประกายเซียนเจิดจ้าเผยให้โลกได้เห็น…

ตำนานแล้วตำนานเล่าที่เกี่ยวกับ ‘เซียน’ โผล่มาในช่วงยุคโบราณและมีการบันทึกไว้ อารยธรรมแห่ง ‘เซียน’ ก็ทะยานสู่ยุครุ่งเรืองสูงสุดในยุคนั้น!

ในบันทึกเหล่านี้ มีบันทึกเกี่ยวกับลูกแก้วเซียนลูกหนึ่ง นามว่าลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์!

เป็นลูกแก้วที่ปรากฏในภพเซียนเลือนรางเหนือเวหา ผสานพลังของเหมันต์และอัคคีเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ราวกับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ห้อยอยู่บนภพเซียน ถูกเรียกขานว่าคือลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์!

แน่นอนว่าความจริงเท็จของข่าวลือนี้ไม่สามารถประเมินได้ เช่นเดียวกับที่มาของข่าวลือนี้ไม่พบแหล่งอ้างอิงแน่ชัด

แม้แต่สิ่งมีชีวิตในยุคโบราณยังไม่รู้ว่าข่าวลือนี้แพร่มาจากหนแห่งใด…

‘ข่าวลือนี้มีมูล!’

ลั่วสุ่ยสะท้อนใจ

เมื่อก่อนนางคิดว่าข่าวลือทั้งหลายล้วนหาความจริงไม่ได้ ส่วนใหญ่เป็นนิทานที่ผู้อื่นแต่งขึ้นมั่ว ๆ

แต่หลังจากได้ติดตามผู้ทรงพลัง ได้พบเห็นสิ่งของในตำนานจำนวนหนึ่งแล้ว ข่าวลือที่นางคิดว่าปั้นน้ำเป็นตัว แท้จริงแล้วมีมูลความจริง!

‘เกิดอะไรขึ้นในยุคโบราณกันแน่ หรือว่าจะมีภพเซียน เส้นทางบรรลุเซียน โอสถเซียน…ปรากฏให้เห็นจริง ๆ หรือ?’

นางสะท้านใจอย่างยิ่งยวด นึกถึงข่าวลือต่าง ๆ จากยุคโบราณ บางทียุคโบราณอาจมิได้เป็นเพียงยุคสมัยธรรมดา…

‘ท่านเซียน ข้าคือแมวน้อยที่ท่านเซียนเลี้ยงไว้…เหมียว!’

นางร้องในใจอย่างเปรมปรีดิ์ ตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ ผู้อาวุโสคือท่านเซียนจากภพเซียนจริง ๆ หรือนี่!

นอกเมืองชิงซาน

ผู้เฒ่าเมิ่งจีบอกลาเจ้านิกาย

“เจ้าอย่าสติฟั่นเฟือนเหมือนข้าล่ะ ทำสิ่งใดจงทบทวนให้ถี่ถ้วน คิดให้ตกเสียก่อน!”

เจ้านิกายลับสวรรค์บอกกับผู้เฒ่าเมิ่งจีอย่างจริงจัง

เขาเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นยามเข้าไปในซากโบราณให้ผู้เฒ่าเมิ่งจีฟัง

ครานั้น เนื่องจากเขาไตร่ตรองไม่ถี่ถ้วน มิได้ตระหนักให้รู้ก่อนว่าตำแหน่งของสมบัติอยู่ที่ไหนบนแผนที่ซากโบราณของท่านเซียน ส่งผลให้เขาเกือบปฏิบัติหน้าที่ที่ท่านเซียนมอบหมายให้ไม่สำเร็จ

ยังดีที่เขาจำภาพแผนที่ซากโบราณได้อย่างละเอียด จนตระหนักรู้ถึงตำแหน่งแล้วถึงหาสมบัติพบ สำเร็จภารกิจที่ท่านเซียนมอบให้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ย่อมเป็นบทเรียนอันหนักหน่วง ให้เขาต้องจดจำขึ้นใจ และขณะเดียวกันก็เป็นเหตุผลที่เขาต้องเตือนผู้เฒ่าเมิ่งจีเช่นนี้

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีพยักหน้าหนักแน่น ไม่ต้องรอให้เจ้านิกายสอนสั่ง เขาเองก็รู้ดีว่าเมื่อติดตามข้างกายท่านเซียน ไม่ว่าเรื่องใดล้วนต้องคิดวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนเสียก่อนแล้วค่อยลงมือทำ

“นี่คือโอกาสวาสนาสูงสุดของเจ้า และเป็นโอกาสวาสนาสูงสุดของนิกายลับสวรรค์เช่นกัน จงจำไว้ว่าอย่าทำพลาดเด็ดขาด!”

อวิ๋นกู่กำชับอีกครั้ง ก่อนจะบอกลาผู้เฒ่าเมิ่งจีและกลับไปที่ภาคกลาง

ในฐานะเจ้านิกายลับสวรรค์ เขาไม่อาจอยู่นอกสำนักเป็นเวลานานได้ ที่นิกายมีเรื่องสำคัญมากมายรอให้เขาไปจัดการ

ส่วนผู้เฒ่าเมิ่งจีนั้นกลับไปที่เมืองชิงซานและกลับไปที่ร้านค้า

“สวัสดีผู้เฒ่าเมิ่ง!”

“ฮ่าฮ่า วันนี้ผู้เฒ่าเมิ่งไม่ได้ไปวาดภาพหรอกหรือ!”

ในเมืองมีคนไม่น้อยเอ่ยทักทายผู้เฒ่าเมิ่งจีอย่างสนิทสนม

ช่วงที่ผ่านมาผู้เฒ่าเมิ่งจีได้ละจากฐานะผู้ฝึกตนอย่างสมบูรณ์ ใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชน จนกลายมาสนิทสนมกับชาวบ้านมากมายในเมืองชิงซาน

“เสี่ยวชีสูงขึ้นอีกแล้วหรือ!”

“เถ้าแก่เก๋อวันนี้ขายดีใช้ได้นี่ เนื้อในร้านขายจะหมดอยู่แล้ว…”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีเอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์เบิกบานเป็นพิเศษ

ชีวิตที่ไม่ต้องฝึกฝน…ยอดเยี่ยมจริง ๆ!

เขาไม่เคยผ่อนคลายเท่านี้มาก่อนเลย

เขาในอดีต แต่ละวันวนเวียนอยู่กับการฝึกฝน ตระหนักรู้ถึงความลับสวรรค์ ตามหาโอกาสบรรลุ อยากไต่ระดับขึ้นไปยังขอบเขตที่สูงขึ้น

และเขาที่เป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าสูญเสียอะไรต่ออะไรไปตั้งมากมายเท่าไหร่

อย่างเช่น…การผ่อนคลาย!

เขาเคยผ่อนคลายที่ไหนกัน? ทุก ๆ วันมีชีวิตอย่างตึงเครียด แรงกดดันมหาศาลเกินจะหยั่ง…

และอย่างเช่น…สายใยครอบครัว!

ในความทรงจำ ดูเหมือนเขาไม่เคยมีช่วงเวลาอบอุ่นกับบุตรชายและบุตรสาวของเขาเลย ตั้งแต่บุตรชายและบุตรสาวของเขาถือกำเนิด เขาก็คิดแต่เพียงว่าต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยให้บุตรชายและบุตรสาวแข็งแกร่งขึ้น

หลังจากบุตรชายและบุตรสาวสามารถฝึกฝนได้แล้ว ผู้เฒ่าเมิ่งจีก็สั่งสอนการฝึกฝนให้แก่บุตรชายและบุตรสาวด้วยความเข้มงวดไม่หยุดหย่อน…

สายใยครอบครัวราวกับเป็นเพียงความเกี่ยวข้องทางสายเลือด หากปราศจากสายเลือดที่เกี่ยวข้อง…บุตรชายและบุตรสาวกับเขาเหมือนเป็นอาจารย์กับศิษย์เสียมากกว่า ซ้ำยังเป็นอาจารย์กับศิษย์ที่สื่อสารกันน้อยมาก มีแต่ช่วงเวลาแห่งการฝึกฝน…

“ข้าในอดีตช่างน่าเศร้าเหลือเกิน!”

เมิ่งจีพรูลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง รู้สึกว่าตัวเขาติดค้างบุตรของตนมากมายเหลือเกิน

บุตรของตนมิใช่เครื่องมือการฝึกฝน เขาไม่ควรคิดแต่เพียงช่วยให้บุตรชายและบุตรสาวแข็งแกร่งขึ้น สิ่งที่บุตรของตนต้องการมากกว่านั้นคือความห่วงใยจากเขา…

“ขอบคุณท่านเซียนที่ช่วยให้ข้าได้เข้าใจทุกอย่าง!”

เขาซาบซึ้งเหลือคณานับ หากมิได้ท่านเซียน เขาคงไม่อาจตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ ไม่รู้ว่าเขาได้สูญเสียสิ่งล้ำค่าใดไปบ้าง!

การฝึกฝนย่อมสำคัญ แต่กระนั้นในโลกนี้ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าการฝึกฝนอยู่!

หากไม่เหลืออะไร ต่อให้ได้เป็นเซียนแล้วอย่างไร?

การฝึกฝนไม่ควรเป็นชีวิตทั้งหมดของเขา!

ฟึ่บ!

เวลานั้นเอง ปรากฏลำแสงเลือนรางลำหนึ่งสว่างวาบในตัวเขา สีหน้าเขาประหลาดไปเล็กน้อย… ระดับขั้นของเขาสูงขึ้นหรือนี่!

เมิ่งจีไม่อยากจะเชื่อ

ช่วงนี้เขาไม่ได้ฝึกฝนเลยนะ!

“กลับสู่ความเรียบง่ายอย่างที่เคยเป็น ไม่ฝึกฝนนี่แลคือการฝึกฝน ระดับจิตใจของท่านเซียนสูงส่งเหลือเกิน!”

ชายชราพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ นับถือท่านเซียนมากขึ้นไปอีก

รู้แจ้งถึงโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน ไม่ฝึกฝนนี่แลคือการฝึกฝน ทุกสิ่งทุกอย่างมิได้อาศัยความจงใจ ระดับขั้นสูงขึ้นเองตามธรรมชาติ!

นี่หรือคือปรมัตถ์แห่งการฝึกตน!

“ท่านเซียนกล่าวไว้ ใช่ว่าปุถุชนด้อยกว่าผู้ฝึกตน…มิใช่พูดไปอย่างนั้น!”

เขาสะท้อนใจ นึกถึงประโยคที่ท่านเซียนเคยว่าไว้ เขาในตอนนี้นับว่าซาบซึ้งถึงที่สุด

ด้วยความซาบซึ้งสะท้อนใจนี้ ผู้เฒ่าเมิ่งจีกลับไปยังร้านค้า เข้าไปลานเล็ก ๆ ของบ้านท่านเซียน

“นี่คือ!”

ทันทีที่เข้ามาก็ถูกลูกแก้วบนถาดดึงดูดสายตาไป ในใจพลันสะท้านเป็นอย่างมาก

“วัตถุจากภพเซียน ลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์!”

แน่นอนว่าเขารู้จักลูกแก้วลูกนี้ เมิ่งจีถึงกับซูดปากทันที

นี่หรือคือของเล็ก ๆ จากบ้านเกิด…ที่ท่านเซียนเอ่ยถึง?

เจ้านี่…เล็กหรือ?

สวรรค์!

นี่คือลูกแก้วเซียนสูงส่งที่ผสานพลังเหมันต์และพลังอัคคีเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบเชียวนะ ผู้ครอบครองไร้เทียมทานในใต้หล้า กระทั่งระดับจักรพรรดิก็โดนปลิดชีพได้ง่าย ๆ!

พอออกจากปากของท่านเซียน…มันกลับกลายเป็นของเล็ก ๆ!

เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรพูดอย่างไร…

“ที่ราชวงศ์อวี่ฮว่าเกรียงไกรถึงเพียงนั้น สามารถปกครองโลกทั้งใบและมีอำนาจเหนือทุกเผ่า ซ้ำยังประกาศกร้าวว่าจะบรรลุเป็นเซียนทั้งแดนดิน สาเหตุก็เพราะอย่างนี้นี่เอง!”

เจ้านิกายบอกเขาแล้วว่าที่ซากโบราณมีสิ่งใดบ้าง เขาจึงได้รู้ว่าซากโบราณก็คือที่ตั้งเก่าของราชวงศ์อวี่ฮว่า

เหตุไฉนราชวงศ์อวี่ฮว่าถึงแข็งแกร่งน่ากลัวปานนั้น เป็นปริศนามาโดยตลอด บัดนี้ ในที่สุดเขาก็ล่วงรู้เหตุผลข้อนั้นแล้ว…

ราชวงศ์อวี่ฮว่าได้รับลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท