รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 95 บ้านเมืองไม่สงบ ไม่เห็นค่าชีวิต

บทที่ 95 บ้านเมืองไม่สงบ ไม่เห็นค่าชีวิต

บทที่ 95 บ้านเมืองไม่สงบ ไม่เห็นค่าชีวิต

ผู้เฒ่าเมิ่งจีจะกล้าตัดสินใจแทนนายท่านได้อย่างไร? หากท่านเซียนไม่อยากพบประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วงขึ้นมา นี่ไม่เท่ากับว่าโชคร้ายเลยหรือ?

“ช่วยไม่ได้เลยหรือ?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถามอย่างไม่ยอมแพ้

ให้ผู้เฒ่าเมิ่งจีเอ่ยปากแทน จะเป็นการดีกว่ามาขอคารวะท่านเซียนอย่างกะทันหัน

ถึงอย่างไร ความจริงที่ว่าผู้เฒ่าเมิ่งจีสามารถปรากฏตัวในที่แห่งนี้ได้ นั่นหมายความว่าผู้เฒ่าเมิ่งจีได้รับการยอมรับจากท่านเซียน และมีความสัมพันธ์อันดีกับท่านเซียนแล้ว

“เจ้ามองข้าสูงข้าเกินไปแล้ว!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีส่ายหัวกล่าวว่า “ตั้งแต่พวกเจ้ามาหานายท่าน…ก็น่าจะเข้าใจว่าไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วย แต่ข้าไม่อาจช่วยได้”

“เข้าใจแล้ว ข้าต้องขออภัยที่ทำให้ผู้อาวุโสเมิ่งจีลำบากใจแล้ว”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถอนหายใจ ก่อนจะพาหูช่วงกล่าวลาผู้เฒ่าเมิ่งจี แล้วออกจากที่แห่งนี้ไป

แน่นอนว่าเขาเข้าใจสถานการณ์ของผู้เฒ่าเมิ่งจี ต่อหน้าท่านเซียนแล้ว เขาไม่สามารถตัดสินใจโดยพลการได้จริง ๆ

หากเป็นเขา เขาย่อมไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าตนเองโชคดีเล็กน้อย คิดว่าจะขอให้ผู้เฒ่าเมิ่งจีช่วยแนะนำเขาได้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีโชคดีเช่นนั้นจริง ๆ

“ท่านประมุข ควรทำอย่างไรต่อดีขอรับ”

หูช่วงถาม

ผู้เฒ่าเมิ่งจีไม่ช่วยแนะนำพวกเขา หรือว่าพวกเขาควรจะเข้าไปคารวะท่านเซียนโดยตรง?

ทว่าเช่นนั้นออกจะดูกะทันหันไปสักหน่อย อีกอย่างเข้าไปคารวะโดยตรงออกจะโจ่งแจ้งเกินไป มันดูไม่ค่อยดีนัก

ที่สำคัญคือท่านเซียนยังมิได้เปิดเผยตัวตน ซ้ำเวลานี้กำลังท่องโลกมนุษย์อยู่ หากพวกเขาเข้าไปคารวะท่านเซียนโดยตรง ย่อมทำให้ท่านเซียนไม่ประทับใจเป็นแน่!

“จะทำอย่างไรน่ะหรือ? รอดูก่อน! ท่านเซียนย่อมรู้ทุกอย่าง หากอยากเจอ พวกเราย่อมได้เจอด้วยตัวเอง หากไม่อยากเจอ พวกเราดึงดันไปก็ไร้ประโยน์!”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวอย่างช่วยไม่ได้

เขาไม่มีความกล้าจะเข้าไปคารวะท่านเซียนโดยตรง!

หากท่านเซียนเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่เปิดเผยตัวตนพวกเขาดันไปคารวะ ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าท่านเซียนจะชอบใจหรือไม่ อย่าฝากชีวิตของพวกเขาไว้กับผู้อื่นจะดีกว่า…

ในห้องโถง หลี่จิ่วเต้ากำลังนอนหลับอย่างสบายกายสบายใจ

ชายหนุ่มไม่ได้นอนหลับสนิทมาเป็นเวลานานแล้ว

อากาศร้อนมักจะทำให้หลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่เสมอ…

เขายืดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้โยก สายตาจับจ้องลูกแก้วบนถาดอย่างชอบใจ

มีลูกแก้วหินนี่ เขาก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าจะถูกปลุกด้วยความร้อนหรือความเย็นในอนาคต

หลี่จิ่วเต้าเดินมาถึงลานบ้าน เห็นว่าในลานบ้านเย็นสบายกำลังดีและไม่ร้อนเลยแม้แต่น้อย

‘เป็นผู้ฝึกตนช่างดีจริง ๆ!’

เขาเอ่ยขึ้นในใจ

เครื่องปรับอากาศสามารถใช้ได้ภายในอาคารเท่านั้น แต่ลูกแก้วนี้สามารถทำให้ลานบ้านเย็นได้ นี่หมายความว่าลูกแก้วนี้มีพลังมากกว่าเครื่องปรับอากาศเสียอีก

ผู้ฝึกตนช่างดีจริง ๆ ที่มีของวิเศษมากมาย

“นายท่านตื่นแล้ว”

ในลานบ้านนั้น ผู้เฒ่าเมิ่งจีกำลังกวาดลานบ้านและเห็นท่านเซียนเดินเข้ามาพอดี

“ใช่แล้วนายท่าน ก่อนหน้าครู่หนึ่งมีคนมาหานายท่าน พวกเขามาจากสำนักไท่หัวกับสำนักเมฆาลับฟ้า ชื่อว่าเวิงอู๋โยว โจวตงและลวี่เหลียง”

เขากล่าวต่อว่า “พวกเขาเห็นนายท่านนอนอยู่จึงไม่ได้มารบกวน เพียงบอกว่าวันหลังจะมาหาใหม่”

“โอ้ ผู้เฒ่าเวิงกับคนอื่นมาที่นี่ด้วยหรือ?”

หลี่จิ่วเต้ากล่าว

เขาคิดกับตัวเองว่า เวิงอู๋โยว โจวตงและลวี่เหลียงเกรงอกเกรงใจกันเกินไปแล้ว อุตส่าห์มาหาเขาตอนนอนอยู่ ยังจะกลัวรบกวนเขาอีก มากมารยาทเกินไปจริง ๆ

สมกับเป็นผู้ฝึกตนที่ถูกสั่งสอนมาอย่างดี!

ชายหนุ่มหวนนึกถึงอวิ๋นกู่ อวิ๋นกู่เองก็มากมารยาท ขี้เกรงอกเกรงใจเช่นกัน

‘เฮ้อ ใช้ภาพวาดแลกเปลี่ยนกับลูกแก้วล้ำค่าเช่นนี้ ที่จริงต้องขอโทษผู้เฒ่าอวิ๋นกู่แล้ว ไม่สิ คราวหน้าหากอวิ๋นกู่มาอีก ข้าจะต้องปฏิบัติต่อเขาให้ดี’

หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ

เขาไม่รู้มาก่อนว่าลูกแก้วจะมีพลังมากเช่นนี้ ดังนั้นจึงได้ให้ภาพวาดธรรมดากับอวิ๋นกู่ไป แต่มาตอนนี้เขารู้แล้วว่าลูกแก้วมีพลังมาก เขารู้สึกเกรงอกเกรงใจยิ่งนัก…

ทว่าสำหรับปุถุชนเช่นเขาซึ่งไม่มีวิธีดี ๆ จะไปขอบคุณเหล่าผู้ฝึกตน หลี่จิ่วเต้าทำได้เพียงรอให้อวิ๋นกู่กลับมาหาใหม่ จากนั้นเขาจะปฏิบัติต่ออวิ๋นกู่อย่างดีแน่นอน

‘ดูเหมือนว่าท่านเซียนกับเวิงอู๋โยวจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน’

ผู้เฒ่าเมิ่งจีครุ่นคิดกับตัวเอง

“คุณชายหลี่อยู่บ้านหรือไม่?”

ในเวลานี้เอง พลันมีคนวิ่งเข้ามาหาอย่างเร่งรีบ

“โชคดีนัก คุณชายหลี่อยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย!”

หลังจากที่ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาในลานบ้านและเห็นหลี่จิ่วเต้า เขาก็รีบกล่าวทันที “คุณชายหลี่ช่วยลูกชายของข้าด้วย!”

“ลุงจ้าวอย่าเพิ่งรีบร้อน ค่อย ๆ บอกข้า ลูกชายของท่านเป็นอะไร?”

หลี่จิ่วเต้ารู้จักชายผู้นี้ ชายผู้นี้เป็นช่างตีเหล็กในเมืองชิงซาน

“เถ้าแก่หวังแห่งเมืองลั่วเยว่สั่งทำชุดเครื่องมือเหล็กจากข้า พอข้าทำเสร็จแล้วก็ให้ลูกชายเป็นคนไปส่ง ใครจะไปรู้ จู่ ๆ ก็มีผู้ฝึกตนมากมายปรากฏตัวในเมืองลั่วเยว่ ผู้ฝึกตนเหล่านี้อารมณ์ร้ายยิ่งนัก พวกเขาฆ่าคนไม่เลือกหน้า ลูกชายของข้าหนีตายออกมาได้อย่างหวุดหวิด แต่พอมาถึงบ้านเขาก็แทบไม่เหลือลมหายใจแล้ว…”

ช่างตีเหล็กร้องไห้ขณะพูด หลังจากนั้นเขาก็คุกเข่าขอร้องหลี่จิ่วเต้า “คุณชายหลี่มีวิชาแพทย์สูงส่ง ข้าขอร้อง คุณชายหลี่โปรดช่วยชีวิตลูกชายข้าด้วยเถิด”

“ลุงจ้าวอย่าทำเช่นนี้!”

หลี่จิ่วเต้ารีบพยุงช่างตีเหล็ก ชายหนุ่มกลัวว่าช่างตีเหล็กจะคุกเข่าลงอีก “ลุงจ้าวรอข้าก่อน ข้าจะไปเตรียมหยูกยา แล้วเราค่อยไปพร้อมกัน”

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในห้องหนึ่งก่อนจะหยิบสมุนไพรใส่ลงในกล่องยา แบกกล่องยาขึ้นบนหลังแล้วเดินตามลุงจ้าวไป

ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงบ้านของลุงจ้าว

แน่นอนว่าสถานการณ์เป็นไปตามคำพูดของลุงจ้าว ลูกชายของลุงจ้าวได้รับบาดเจ็บสาหัสทั่วร่างกาย เขาเหลือลมหายใจสุดท้ายและใกล้สิ้นใจแล้ว

หลี่จิ่วเต้าลงมือรักษาลูกชายของลุงจ้าวทันที

ขั้นแรกเขาห้ามเลือด จากนั้นใช้ยาภายนอกรักษาบาดแผลลูกชายของลุงจ้าว ตามด้วยบดสมุนไพรบางส่วนให้ลูกชายของลุงจ้าวกินเพื่อรักษาภายใน

หลังจากกินเข้าไป อาการบาดเจ็บของลูกชายลุงจ้าวก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ลุงจ้าว ตอนนี้อาการบาดเจ็บทรงตัวแล้ว ตราบใดที่ลูกชายของลุงยังคงกินยา เขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอน!”

หลังจากสังเกตอย่างระมัดระวัง หลี่จิ่วเต้าก็กล่าวยืนยันว่าลูกชายของลุงจ้าวไม่เป็นอะไรแล้ว

เขาเตรียมสมุนไพรจำนวนมากสำหรับลูกชายของลุงจ้าว

หลังจากกินสมุนไพรเหล่านี้แล้ว อาการบาดเจ็บของลูกชายของลุงจ้าวก็น่าจะหายดี

อาการบาดเจ็บสาหัสที่เกือบคร่าชีวิตอีกฝ่าย ยังดีที่เป็นเขารักษาได้ หากเป็นหมอคนอื่นคงยากจะรักษาได้แล้ว

“ขอบคุณคุณชายหลี่!”

ลุงจ้าวร้องไห้ออกมา และขอบคุณหลี่จิ่วเต้าไม่หยุด

ขอบคุณคุณชายหลี่ หากไม่มีคุณชายหลี่ ชีวิตของลูกชายเขาคงจบสิ้นไปแล้ว!

“เกิดอะไรขึ้นในเมืองลั่วเยว่ ลุงจ้าวเล่ารายละเอียดให้ข้าฟังได้หรือไม่”

หลี่จิ่วเต้าเอ่ยถาม

เมืองลั่วเยว่อยู่ห่างจากเมืองชิงซานเล็กน้อย เทียบกับเมืองชิงซานแล้วไม่นับว่าเล็กเลย เพราะเมืองนั้นก็มีปุถุชนอาศัยอยู่มากมาย

“เฮ้อ คุณชายหลี่ไม่รู้อะไรเสียแล้ว ตอนนี้เมืองชิงซานสงบกว่าเมืองอื่นนัก ข้าได้ยินมาว่านอกจากเมืองชิงซานของเรา เมืองอื่น ๆ ล้วนแต่วุ่นวายกันไปหมด!”

ลุงจ้าวถอนหายใจเอ่ย “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลายเมืองมีผู้ฝึกตนปรากฏตัวล้วนแล้วแต่อารมณ์ร้าย หากไม่ลงรอยก็จะลงมือฆ่าคนในเมือง ไม่เห็นชีวิตปุถุชนเช่นพวกเราอยู่ในสายตา!”

เขากล่าวต่อ “เมืองลั่วเยว่ยังนับว่าค่อนข้างดี ข้าได้ยินมาว่ามีหลายเมืองที่คนถูกฆ่าตายเป็นเบือ!”

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท