รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 88 ดื่มชาคือรางวัลล่วงหน้าจากท่านเซียน!

บทที่ 88 ดื่มชาคือรางวัลล่วงหน้าจากท่านเซียน!

บทที่ 88 ดื่มชาคือรางวัลล่วงหน้าจากท่านเซียน!

อวิ๋นกู่หยิบถ้วยชาขึ้นมา สูดกลิ่นใบชาที่หอมกรุ่นยกขึ้นจิบ

‘ชาอะไรกัน กลมกล่อมยิ่งนัก!’

เขาครุ่นคิดในใจ อดไม่ได้ที่จะยกชาขึ้นมาจิบอีกครา

เมื่อน้ำชาอันน้อยนิดลงกระเพาะ ชั่วพริบตานั้นกระแสน้ำอุ่นไหลพลันเอ่อไปทั่วร่างกายของเขา รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายได้รับพละกำลังมาอย่างกะทันหัน และศักยภาพในร่างกายก็พัฒนาขึ้นด้วย!

เขาไม่อยากคิดเชื่อ ความรู้สึกนี้ราวกับว่าได้กลับคืนสู่วัยเยาว์เต็มไปด้วยพละกำลังกระชุ่มกระชวย!

พัฒนาศักยภาพ!

สวรรค์! นี่มันชาอะไรกัน น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ศักยภาพของมนุษย์พัฒนาได้ง่าย แต่ศักยภาพของผู้ฝึกตนนั้นพัฒนาไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะผู้ฝึกตนเช่นเขา ซึ่งผ่านพ้นวัยกลางคนเข้าสู่วัยชราแล้ว หมดเวลาพัฒนาศักยภาพแล้ว และไม่สามารถเลื่อนขั้นได้อีก

ทว่าหลังจากเขาดื่มชาไปสองจิบ ศักยภาพในร่างกายของเขากลับพัฒนาขึ้นทันที แต่ละส่วนของร่างกายซึ่งเข้าสู่วัยชราย้อนคืนกลับมาเป็นชายหนุ่มอีกครั้ง!

นี่เป็นเรื่องดีสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เขาย้อนคืนสู่วัยหนุ่มช่วงกำลังรุ่งโรจน์ของตัวเองแล้ว หากยังคงฝึกตนต่อไป เขาจะแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน ซ้ำยังอาจฝ่าเขตแดนที่เขาคาดไม่ถึงมาก่อนได้ด้วย!

‘ท่านเซียนก็คือท่านเซียน ชาธรรมดาทั่วไปก็ยังสามารถให้ผลน่าทึ่งเช่นนี้ออกมาได้’

อวิ๋นกู่เต็มไปด้วยอารมณ์ปลดปลง

หลังจากดื่มชา เขาก็รู้ว่านั่นเป็นเพียงใบชาธรรมดา ที่น่าทึ่งคงจะเป็นทักษะฝีมือการชงชากับชุดชาของท่านเซียน!

ชาธรรมดาทั่วไปไหนเลยจะมีผลน่าทึ่งถึงเพียงนี้ นี่จะต้องเป็นทักษะเหนือจินตการของท่านเซียนเป็นแน่!

ผู้เฒ่าเมิ่งจีเมื่อดื่มชาเข้าไปก็ได้รับผลครั้งใหญ่เช่นเดียวกัน เขาย้อนคืนสู่ช่วงรุ่งโรจน์ของร่างกายตนเองและพัฒนาศักยภาพของเขา!

‘ท่านเซียนทำถึงเช่นนี้ พวกเราจะต้องไม่ทำให้มันเสียเปล่า นี่เป็นรางวัลล่วงหน้า อย่างเช่นตอนนั้นที่ท่านเซียนมอบประสบการณ์ฝึกตนให้ข้าล่วงหน้า…’

เขาครุ่นคิดในใจ ท่านเซียนช่างใจกว้างยิ่งนัก ไม่แม้แต่จะตระหนี่ อีกทั้งการชงชาครั้งนี้ยังถือเป็นรางวัลล่วงหน้าสำหรับพวกเขาด้วย!

‘เครื่องปรับอากาศใช่หรือไม่? ท่านเซียนวางใจเถิด ข้าจะช่วยท่านเซียนเอาคืนมา!’

อวิ๋นกู่ยังคิดว่านี่คือรางวัลมอบล่วงหน้าของท่านเซียน เขาแอบสาบานในใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะช่วยท่านเซียนเอาเครื่องปรับอากาศคืนมาให้จงได้!

หลังจากดื่มชาเสร็จ เขาก็บอกลาท่านเซียน เพราะต้องไปทำเรื่องที่ท่านเซียนมอบหมายให้

“กลับมาเมื่อมีโอกาสเล่า”

หลี่จิ่วเต้ากล่าวลาอวิ๋นกู่ด้วยรอยยิ้ม

อวิ๋นกู่เมื่อออกจากเมืองชิงซานก็เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที มุ่งหน้าไปยังซากปรักหักพังโบราณ

ขอบเขตการบ่มเพาะของเขาสูงส่ง ไม่กี่อึดใจไปไกลพันลี้ ใช้เวลาไม่นานถึงซากปรักหักพังโบราณ

ในอีกด้านหนึ่งของซากปรักหักพังโบราณ แดนศักดิ์สิทธิ์จากภาคกลางและเผ่าปีศาจที่แข็งแกร่งได้ยึดครองพื้นที่โดยรอบ และปิดกั้นทางเข้าออกที่แห่งนี้อย่างสมบูรณ์

ฝ่ายอ่อนแอย่อมถูกฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าขับไล่ และพวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย

เมื่ออวิ๋นกู่มาที่นี่ ไม่เพียงแต่ไม่มีใครกล้าหยุดเขา กระทั่งยอดฝีมือทุกคนที่พบเห็นอวิ๋นกู่ ไม่ว่าจะเป็นคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือพวกเผ่าปีศาจที่ทรงพลัง ล้วนแล้วแต่เกรงอกเกรงใจอวิ๋นกู่ทั้งสิ้น

นิกายลับสวรรค์เป็นกองกำลังที่ไม่ควรไปยุ่งมากที่สุดในภาคกลาง…

‘ในอดีตทุกอย่างล้วนอาศัยสายสัมพันธ์ส่วนตัว ทว่าต่อไปในภาคหน้ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น นิกายลับสวรรค์ของข้าสามารถยับยั้งกองกำลังแข็งแกร่งมากความความสามารถได้ด้วยตัวเอง!’

อวิ๋นกู่เอ่ยในใจด้วยนัยน์ตาเปล่งประกาย เขามั่นใจในอนาคตของนิกายลับสวรรค์เต็มเปี่ยม

ไม่เพียงท่านเซียนจะทิ้งหลักคำสอนของความลับสวรรค์ไว้ แต่พวกเขายังมีเมิ่งจีที่เป็นที่เอ็นดูของท่านเซียน คอยรับใช้ข้างกายท่านเซียน ต่อไปนิกายลับสวรรค์ย่อมแข็งแกร่งขึ้นเป็นแน่!

เหล่าผู้แข็งแกร่งยังมาไม่ครบ และการโจมตียังไม่เริ่ม

ก่อนหน้านี้พวกเขาลองโจมตีซากปรักหักพังโบราณพร้อมกัน แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายปานนั้น!

พวกเขาไม่กล้าประมาท ขณะเดียวกันพวกเขาก็อยากเปิดซากปรักหักพังโบราณแห่งนี้เสียที

แต่ด้วยยอดฝีมือบางส่วนยังมาไม่ถึง ดังนั้นมันยังไม่ถือว่าสายเกินไป

พวกเขายังคงเตรียมความพร้อม รอโจมตีซากปรักหักพังโบราณแห่งนี้ในคราเดียว

นอกจากนี้ การโจมตีซากโบราณหรือการเข้าไปยังซากปรักหักพังโบราณแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดคือ การต่อสู้หลังจากเปิดซากปรักหักพังโบราณต่างหาก!

แน่นอนว่าซากปรักหักพังโบราณนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็น มันอาจมีมรดกตกทอดหรือสมบัติล้ำค่าอยู่ภายในนั้น

เมื่อซากปรักหักพังโบราณถูกเปิดออก การต่อสู้ภายในซากปรักหักพังโบราณย่อมต้องดุเดือดยิ่ง พวกเขาจำเป็นต้องเตรียมการล่วงหน้า หากพวกเขารีบร้อนจะไม่เป็นการหาสินสอดให้ผู้อื่นหรอกหรือ เช่นนั้นก็นับว่าเสียแรงให้ผู้อื่นโดยใช่เรื่องแล้ว!

ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ พวกเขาคงมาถึงก่อนเวลาและคงไม่มาช้าขนาดนี้

“ท่านประมุข เวิงอู๋โยวไปอาณาจักรเซี่ยเพื่อพาศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักกลับมาขอรับ ตอนนี้กำลังเดินทางกลับมาอยู่ขอรับ”

มีคนรายงานทุกความเคลื่อนไหวของเวิงอู๋โยวให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนทราบ

“ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขาจะพาศิษย์สายตรงกลับมาทำไม?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเวิงอู๋โยวคิดจะทำสิ่งใด?

เขาบอกกับเวิงอู๋โยวว่าเมื่อการโจมตีเริ่มขึ้น เขาจะแจ้งให้เวิงอู๋โยวทราบเอง อีกทั้งจะพาอีกฝ่ายเข้าไปข้างในด้วย

ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เวิงอู๋โยวไม่สมควรทำเรื่องวุ่นวาย

อย่างไรแล้ว การโจมตีก็สามารถเริ่มได้ทุกเมื่อ เวิงอู๋โยวทำเรื่องวุ่นวาย อาจพลาดโอกาสเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณได้

“แปลกนัก พวกเจ้าต้องติดตามเขาให้ดี นอกจากนี้จับตามองคนอื่นในสำนักไท่หัวเอาไว้ด้วย!”

ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่ง

ทว่าเรื่องนี้เป็นเพราะเวลาคลาดกัน…

ทันทีประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจากไป หลี่จิ่วเต้าก็ไปสำนักไท่หัว จากนั้นไป๋หยูก็ตามไป

เมื่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกลับมายังซากปรักหักพังโบราณ เขาก็ส่งคนไปสำนักไท่หัว ทว่าตอนนั้นหลี่จิ่วเต้าจากไปแล้ว ต่อมาไป๋หยูตายตก เวิงอู๋โยวจึงเก็บศพเขาไว้ก่อน

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หลี่จิ่วเต้ากับไป๋หยูไปสำนักไท่หัว

หากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้เรื่องนี้ เขาคงโกรธจนตาย!

ท่านเซียนผู้ที่เขาปรารถนาอยากเจอนักหนาคลาดเวลากันไปนิดเดียว!

“เริ่มเลยแล้วกัน”

อวิ๋นกู่พบสถานที่ที่ไม่มีใครอยู่ และเขาเตรียมพร้อมจะเข้าซากปรักหักพังโบราณแล้ว

ถึงกระนั้นเขาก็ไม่กล้าเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณอย่างโจ่งแจ้ง แม้ว่านิกายลับสวรรค์ของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี…

คนตายเพื่อความมั่งคั่ง นกตายเพื่ออาหาร ผู้ฝึกตนก็ตายเพื่อมรดกล้ำค่าและสมบัติหายากได้เช่นกัน!

ดังนั้นเขาจึงต้องเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ทั้งยังต้องแอบนำสมบัติในซากปรักหักพังโบราณออกมาโดยไม่ให้มีคนรู้

“ท่านเซียนก็คือท่านเซียน ไตร่ตรองทุกอย่างไว้หมดแล้ว”

เขาอดกล่าวออกมาไม่ได้

ภาพวาดเผยให้เห็นข้อห้ามของโบราณสถานทั้งหมดอย่างละเอียด ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น อีกทั้งยังไม่ผิดข้อห้ามของโบราณสถานด้วย ต้องทราบก่อนว่าเมื่อเข้าซากปรักหักพังโบราณ ข้อห้ามทั้งหมดจะถูกทำลายทิ้งและทุกอย่างจะพินาศไปหมดสิ้น

หากเป็นเช่นนั้นจริง เหล่ายอดฝีมือในที่แห่งนี้จะต้องตื่นตระหนกเป็นแน่…

ท่านเซียนย่อมต้องนึกถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงส่งต่อวิธีเข้าซากปรักหักพังโบราณโดยไม่ทำลายข้อห้าม เพื่อที่เขาจะได้เอาสมบัติออกไปอย่างปลอดภัย

อวิ๋นกู่อดชื่นชมท่านเซียนในใจไม่ได้ ท่านเซียนช่างร้ายกายจริง ๆ คิดคำนวณทุกอย่างไว้หมดแล้ว!

“เข้าได้แล้ว!”

หลังจากยืนยันว่าไม่มีใครอยู่โดยรอบ อวิ๋นกู่ก็เข้าไปในซากปรักหักพังโบราณ

เขาจำรายละเอียดข้อห้ามทั้งหมดได้ ดังนั้นเส้นทางที่เขาใช้จึงราบรื่นไม่ถูกพลังโจมตี

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท