บทที่ 102 รักษาคนบาดเจ็บ บูรณะเมืองปุถุชนในชั่วข้ามคืน!
แดนศักดิ์สิทธิ์เป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานและมันยังคงดำรงอยู่มาถึงกาลปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่อาจกระทำการบุ่มบ่าม และสร้างศัตรูไปทั่วทุกหนแห่งได้…
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอาจมีจิตใจเมตตาอย่างแท้จริง และทนมองเหล่าผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจสร้างความโกลาหลให้กับเมืองปุถุชน เข่นฆ่าปุถุชนอย่างไร้เหตุผลไม่ได้
แต่ถึงกระนั้นเขายังเป็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ จำต้องนึกถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย การเข่นฆ่าผู้คนจำนวนมากโดยไม่คำนึงถึงภูมิหลัง ไม่คำนึงถึงตัวตน…ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยังจะมีทางรอดหลงเหลืออยู่อีกหรือ?
แต่เมื่อครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว…มันก็ยังเป็นไปไม่ได้! ต่อให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะสติฟั่นเฟือนเพียงใด เขาก็ไม่มีวันกระทำเรื่องเช่นนี้!
“หากไม่มีคนหนุนหลัง แม้แต่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็ไม่กล้าเข่นฆ่าผู้คนมากมายเช่นนี้อย่างแน่นอน …” ลวี่เหลียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
ผู้ใดจะสามารถสนับสนุนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้บ้างกัน?
ผู้ใดกันที่สามารถทำให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข่นฆ่าผู้คนมากมาย โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังได้?
คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว…
จะต้องเป็นผู้อาวุโส…ผู้อาศัยอยู่ในเมืองชิงซานเป็นแน่!
ผู้อาวุโสออกท่องโลกปุถุชนในฐานะปุถุชนทั่วไป เขาย่อมมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับปุถุชนเป็นธรรมดา
แต่ผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจพวกนั้น กลับสร้างความโกลาหลให้กับเมืองปุถุชนเช่นนี้ เข่นฆ่าปุถุชนตามอำเภอใจย่อมสร้างความไม่พอใจให้ผู้อาวุโสมากเป็นแน่…
“ขอบเขตของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่สูงส่งปานนั้น จะไม่สามารถจัดการกับผู้ฝึกตนปละเผ่าปีศาจได้อย่างไร? ต้องเป็นเพราะผู้อาวุโสไม่อยากออกหน้าจึงให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเป็นผู้ลงมือแทน ผู้อาวุโสเห็นอกเห็นใจปุถุชน ย่อมมอบหมายคำสั่งให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธ์เหิงเทียน สังหารเหล่าผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจที่สร้างความโกลาหลในเมืองปุถุชน!” ลวี่เหลียงคาดเดา
“เป็นพวกเราเองที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้!”
เวิงอู๋โยวถอนหายใจออกมาอย่างหนักอึ้ง ลวี่เหลียงพูดถูกแล้ว
ผู้อาวุโสร้ายกาจปานนั้น จะนอนกลางวันไปได้อย่างไร… นี่เพราะผู้อาวุโสต้องรู้เป็นแน่ว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแอบตามพวกเขามา
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเป็นถึงประมุขแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาจะปล่อยให้แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของตัวเองเกิดหายนะขึ้นได้อย่างไร?
นี่…เป็นไปไม่ได้!
สถานการณ์น่าจะดั่งที่ลวี่เหลียงกล่าว
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่!
“พวกเราทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว!”
โจวตงเพิ่งรู้สึกตัวเช่นกัน ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและได้แต่โทษตัวเอง
ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ เผลอเปิดเผยตำแหน่งของผู้อาวุโสออกไป ช่างเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงยิ่งนัก!
“ผู้อาวุโสจะโกรธพวกเราหรือไม่?” เวิงอู๋โยวกล่าวถามเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจ
ผู้อาวุโสออกท่องโลกปุถุชนในฐานะปุถุชนธรรมดา แฝงกายเป็นปุถุชนที่ไม่ได้สนใจโลกของผู้ฝึกตนมากนัก
ทว่าพวกเขากลับเปิดเผยตำแหน่งของผู้อาวุโส ถูกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ลอบติดตามมาโดยไม่รู้ตัว พวกเขากลัวจริง ๆ ว่าจะทำให้ผู้อาวุโสขุ่นเคืองเข้า!
โจวตงกับลวี่เหลียงมองหน้ากัน ในใจพลันรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก
ถึงแม้ตอนนี้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะลงมือแทนผู้อาวุโส แต่พวกเขาก็ทำผิดพลาด เผลอเปิดเผยตำแหน่งของผู้อาวุโส…
“น่าจะ…ไม่กระมัง”
ลวี่เหลียงครุ่นคิดอย่างระมัดระวังกล่าว “หากผู้อาวุโสโกรธเกรี้ยวจริง เห็นทีสำนักไท่หัวกับสำนักเมฆาลับฟ้าคงอยู่ไม่สงบเป็นแน่…”
หากผู้อาวุโสโกรธจริง ๆ เหตุใดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงยังเอาใจใส่สำนักไท่หัวกับสำนักเมฆาลับฟ้าอยู่อีก? มิหนำซ้ำ เขายังไม่เลือกยอดฝีมือจากสำนักไท่หัวกับสำนักเมฆาลับฟ้าด้วย?
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสไม่ได้โกรธพวกเขา ดังนั้นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจึงยังกริ่งเกรงพวกเขาอยู่
“ผู้อาวุโสย่อมรู้ว่าพวกเราไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราหรอก! ”
เวิงอู๋โยวพลันรู้สึกตื้นตันยิ่ง เขาเอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ต่อไปพวกเราจะไม่ทำผิดพลาดเช่นนี้อีก แม้ว่านี่จะเป็นความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม!”
“จงจำไว้! หากรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องแม้แต่นิดเดียว พวกเราจะต้องระมัดระวังตัวให้มากยิ่งขึ้น!” โจวตงกล่าว
ท้ายที่สุดก็เป็นเพราะพวกเขาไม่ระมัดระวังพอ
ตอนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมาหาพวกเขา พวกเขาควรระมัดระวังมากกว่านี้ อยู่ให้ห่างจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหน่อยก็คงจะดี ทว่าน่าเสียดายยิ่งนักที่พวกเขาประมาทเกินไป
ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องเตือนใจว่าต่อไปในภาคหน้า พวกเขาจะต้องระมัดระวังมากกว่านี้!
“พวกเราตระเตรียมของไปขอขมาผู้อาวุโสกันเถิด…”
“อีกสองวันค่อยไป…เซี่ยเหยียนกลับมาแล้ว นางเอ่ยปากว่าอยากพักผ่อนสักวันแล้วจึงค่อยไปหาผู้อาวุโส ผู้อาวุโสเอ็นดูเซี่ยเหยียนยิ่งนัก พวกเราอย่าได้ไปรบกวนนางเลย”
“เช่นนั้นก็ตามนั้นเถิด”
…
ณ เมืองชิงซาน
หลี่จิ่วเต้าวิ่งวุ่นอยู่ทั้งวัน กระทั่งค่อนคืนกว่าจะได้กลับถึงลานบ้าน
เขาเหนื่อยทั้งกายและใจ เพราะมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากเกินไปและส่วนใหญ่ล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่ทักษะทางการแพทย์ของเขารักษาอาการบาดเจ็บของคนเหล่านี้ไว้ได้ ช่วยให้พวกเขาพ้นขีดอันตรายไปอย่างหายห่วง
“นายท่านกลับมาแล้ว!”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีรีบออกมาต้อนรับเขา หลี่จิ่วเต้าพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน
เขาเหนื่อยมาก อยากจะนอนหลับให้เต็มอิ่ม
“ท่านเซียนมีสายสัมพันธ์อันดีกับปุถุชน…เจ้าพวกนั้นสมควรตายยิ่งนัก! ”
นัยน์ตาของผู้เฒ่าเมิ่งจีแฝงความดุร้ายไว้ เผยความในใจของเขาออกมา
เขาเห็นสีหน้าของท่านเซียนดูไม่ปกติยิ่ง ท่านเซียนต้องเศร้าใจที่เห็นปุถุชนเหล่านั้นตายเป็นแน่…
ยามค่ำคืน แสงจันทร์ส่องประกายสะท้อนผิวน้ำ
ผู้ฝึกตนแดนบูรพาทิศต่างวิ่งวุ่นรักษาปุถุชนที่ได้รับบาดเจ็บ และฟื้นฟูเมืองปุถุชนขึ้นมาใหม่
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่ได้อยู่นิ่ง เขาเองก็วุ่นอยู่กับการรักษาปุถุชนด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะบาดเจ็บเพียงใด ผู้ฝึกตนก็รักษาให้ได้อย่างง่ายดาย และเมื่อผู้ฝึกตนลงมือช่วยกันรักษาอาการบาดเจ็บของปุถุชน ในเวลาไม่นานนักทุกอย่างก็คลี่คลายลง
ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกตนอีกส่วนก็ลงมือฟื้นฟูเมืองปุถุชนอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปไม่นานเมืองปุถุชนที่ถูกทำลายก็ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว
ผ่านไปชั่วข้ามคืน เหล่าผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหลายคนก็กลับมาจากการตรวจสอบ ตามที่ตรวจสอบมา พวกเขาทราบแน่ชัดแล้วว่ามีผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจใดบ้างที่ก่อความวุ่นวายแล้วหลบหนีออกไป
“ไปเถิด สักคนก็อย่าให้หนีรอดไปได้ สังหารพวกมันให้หมด!”
สีหน้าของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยังคงเย็นชา ผู้อาวุโสออกคำสั่งสังหารให้สิ้น
“รับคำสั่งท่านประมุข!” ผู้อาวุโสรับคำสั่งแล้วจากไปทีละคน
“ภาคกลางยังจัดการไม่ได้…”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนขมวดคิ้ว มีปลาเล็ดลอดออกจากตาข่าย ยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์กับเผ่าปีศาจจากภาคกลางบางกลุ่ม ก็กำลังหนีกลับภาคกลางในตอนนี้
คิดขัดขวางคงไม่ทันแล้ว
อีกทั้งเขายังไม่รู้ตำแหน่งพวกปลาลอดตาข่ายเหล่านี้ด้วย จะตามไปไล่ล่าก็คงไม่ได้ ทำได้เพียงกลับภาคกลางและค่อยกำจัดพวกปลาที่เล็ดลอดออกไปด้วยตนเอง
ทว่าตอนนี้เขากลับไม่ได้…
ตอนนี้หากเขากลับไป อย่าว่าแต่กำจัดพวกปลาที่เล็ดลอดออกจากตาข่าย แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะรอดชีวิตหรือไม่
เขาเข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี เพราะผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เขาส่งไปยังแดนประจิมทิศ แดนทักษิณทิศ แดนอุดรทิศ หรือภาคกลาง ล้วนไม่ได้กลับมาสักคน
“ไปกันเถอะ ไปรายงานท่านเซียน”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวพร้อมจากไปกับหูช่วง
งานที่ได้รับมอบหมายยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ถึงอย่างนั้นก็เกือบเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว ส่วนที่เหลือไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ เขาต้องกลับไปหาท่านเซียน รอคำสั่งต่อไปของท่านเซียนก่อน
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงนอกกำแพงเมืองชิงซาน
จากนั้นพวกเขาเดินเท้าเข้าเมืองชิงซาน ด้วยไม่กล้าเหาะเข้าเมืองชิงซานโดยตรง หากทำเช่นนั้นจะเป็นการไม่เคารพท่านเซียนเอา
“ประเดี๋ยวก่อน…”
พวกเขารออยู่นอกร้านของท่านเซียน และไม่กล้าเข้าพบท่านเซียนโดยตรง
ท่านเซียนไม่ใช่ผู้มอบหมายคำสั่งให้พวกเขาโดยตรง แต่เป็นผู้เฒ่าเมิ่งจีที่มอบหมายให้ทำในนามของท่านเซียน พวกเขาจะกล้ารายงานท่านเซียนโดยตรงได้อย่างไร?
พวกเขาไม่กล้า… และได้แต่ยืนรอผู้เฒ่าเมิ่งจีออกมาหาพวกเขา
…
ณ สำนักไท่หัว
“การนอนหลับสนิทได้นี่ดีจริง ๆ! “
เซี่ยเหยียนบิดกายอย่างเกียจคร้าน ทั้งร่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง อีกทั้งอารมณ์ในตอนนี้ก็ดียิ่งนัก
ทุกวันที่อยู่ในอาณาจักรเซี่ย นางทั้งเครียดทั้งกดดันเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อคืนนี้นางจึงหลับสนิทเป็นพิเศษ
เด็กสาวแต่งกายอย่างระมัดระวัง ประทินโฉมในกระจกอย่างพอเหมาะพอควร แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไปกันเถอะ ไปหาผู้อาวุโสกัน…”
…
ณ เมืองชิงซาน
“หลายวันมานี้ ฝึกบรรเลงกู่ฉินคนเดียวก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว! ฮี่ฮี่ ไปให้ผู้อาวุโสได้ชมฝีมือของข้าดีกว่า!”
หลิงอินเอ่ยพลางยิ้มออกมา แล้วนางก็ถือกู่ฉินเดินไปที่ร้านของผู้อาวุโสอย่างมีความสุข