รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 113 ท่านประมุขหยุดคิดเรื่องเพ้อเจ้อก่อนได้หรือไม่?

บทที่ 113 ท่านประมุขหยุดคิดเรื่องเพ้อเจ้อก่อนได้หรือไม่?

บทที่ 113 ท่านประมุขหยุดคิดเรื่องเพ้อเจ้อก่อนได้หรือไม่?

“เครื่องปรับอากาศ ของใช้ทั่วไป ลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์…”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีมองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ย “เจ้าควรเข้าใจ ตู้เย็นเองก็คล้ายลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์ไม่น้อย…”

“เช่นนั้นก็ไม่เลว”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยิ้มอย่างขมขื่นกล่าว “แต่ข้าจะไปหาได้จากที่ใดเล่า…”

สมบัติล้ำค่าคล้ายกับลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์ต้องเป็นสมบัติเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย ทันใดเขาพลันรู้สึกกังวลใจอย่างยิ่ง สมบัติเซียนจะหาได้ง่ายดายปานนั้นได้อย่างไร

หากมันง่ายดังที่กล่าว สิ่งนี้คงไม่ตกมาถึงเขา แต่ผู้อื่นย่อมต้องหามันเจอก่อนหน้านี้ไปนานแล้ว

“ท่านเซียนมอบหมายภารกิจนี้ให้พวกเจ้า เจตนาของท่านเซียนย่อมเป็นไปได้”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อ “ให้ข้าเดา ตู้เย็นน่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าประเภทกาลเวลา ควบคุมเวลา หยุดการไหลของเวลาในนั้น เพื่อให้ของที่ใส่ลงไปมีความสดใหม่อยู่ตลอดไม่เน่าเปื่อย…”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้ฟังแล้ว ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที “สมบัติประเภทกาลเวลา…ใช่ สอดคล้องกับลักษณะตู้เย็นทุกประการ!”

ของวิเศษทั่วไปประเภทน้ำแข็งธรรมสามารถทำให้ไม่เน่าเปื่อยเล็กน้อย

ยังมีแหวนมิติที่สามารถทำได้ด้วยเหมือนกัน

ถึงกระนั้นของวิเศษประเภทน้ำแข็งหรือแหวนมิติ สามารถป้องกันไม่ให้ของสดเน่าเสียได้แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น

ท่านเซียนกล่าวว่าไม่เน่าเสีย!

ไม่เน่าเสียเลย…ย่อมหมายความว่าจะไม่เน่าเสียตลอดกาล

ด้วยขอบเขตของคนเป็นเซียน ท่านเซียนย่อมไม่พูดถึงของวิเศษทั่วไปอย่างไม่เน่าเสียได้แค่ระยะหนึ่ง…

ไม่เน่าเสียตลอดกาลย่อมต้องเกี่ยวกับเขตแดนเวลา!

หยุดการไหลของเวลา แล้วสิ่งของภายในจะไม่เน่าเสียไม่เน่าเปื่อยตลอดกาล!

แต่ไม่นานนัก เขาก็กังวลมากขึ้นอีกครั้ง

เขตแดนเวลาถือได้ว่าเป็นเขตแดนที่ลึกลับอย่างไม่ต้องสงสัย ตั้งแต่สมัยโบราณ มีเพียงไม่กี่คนสามารถสัมผัสถึงมันได้ เพราะความลึกลับของเขตแดนเวลานั้นยากเกินกว่าเข้าใจจริง ๆ…

ไม่ต้องพูดถึงสมบัติล้ำค่าประเภทเขตแดนเวลา อาวุธวิเศษทั่วไปทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนเวลาย่อมมีราคาสูงอย่างไม่ต้องสงสัย และตั้งแต่สมัยโบราณมาก็มีไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

ให้เขาหาสมบัติประเภทเขตแดนเวลา…นี่ทำให้เขารู้สึกอับจนหนทางอย่างยิ่ง!

เมื่อเห็นท่าทีของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ผู้เฒ่าเมิ่งจีก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นกังวลมาก

อันที่จริง ชายชรารู้ดีว่าอาวุธประเภทเขตแดนเวลาเป็นของล้ำค่าหายากเพียงใด มันนับว่าเป็นของหายากอย่างแท้จริงและแทบไม่มีความหวังที่จะหาเจอ

“อย่าเพิ่งกังวลไป ตอนนี้พวกเจ้าอาจยังไม่รู้ แต่ในอนาคตย่อมรู้เป็นแน่ อย่าได้ลืม ทุกอย่างที่นายท่านทำนั้นมีความหมายลึกซึ้งยิ่ง ไม่มีทางให้พวกเจ้าทำเรื่องเป็นไปไม่ได้หรอก”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าว

ในตอนนั้น ท่านเซียนมอบภารกิจปรับอากาศให้เขา เขาเองก็รู้สึกเป็นกังวลจนคิดมากเช่นกัน

ทว่าลั่วสุ่ยบอกเขาว่าไม่ต้องกังวลไป ท่านเซียนย่อมคาดการณ์ทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว

แล้วผลก็ออกมาเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

เมื่อเขาขอให้เจ้านิกายมา ท่านเซียนก็บอกข้อห้ามในซากปรักหักพังกับเจ้านิกายทันที รวมถึงบอกใบ้สถานที่ด้วย

การที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร นั่นเพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะรู้

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพยักหน้า หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นด้วยกับคำพูดของผู้เฒ่าเมิ่งจี แล้วในใจของเขาก็สงบขึ้นเล็กน้อย

“ขอบคุณท่านผู้เฒ่า!”

เขากล่าวขอบคุณผู้เฒ่าเมิ่งจีอีกครั้ง จากนั้นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วงก็เอ่ยขอตัวจากไป

ภาคกลาง ณ สถานที่แห่งหนึ่ง

“ท่านประมุขยังไม่มา…”

ผู้อาวุโสกับเหล่ายอดฝีมือกำลังรอประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมา

พวกเขาทำตามคำสั่งของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเสร็จสิ้นแล้ว สังหารปลาเล็ดรอดตาข่ายพวกนั้นที่หนีไปทางแดนอุดรทิศ ประจิมทิศ และทักษิณทิศ

ในตอนนั้นท่านประมุขกล่าวว่า หลังคำสั่งเสร็จสิ้นแล้ว ให้กลับไปรอเขาที่ภาคกลาง

และที่แห่งนี้คือสถานที่รวมพล

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงไม่ให้ผู้อาวุโสกับเหล่ายอดฝีมือตรงกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ในทันที แต่ให้ไปรวมพลในอีกที่หนึ่งแทน

“ท่านประมุขกล่าวว่าเรื่องที่พวกเราทำในครั้งนี้ จะทำให้พวกเราแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรุ่งโรจน์และยิ่งใหญ่ เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ตามชื่ออย่างแท้จริง…นี่เป็นไปได้จริงหรือ? ”

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวขึ้น แม้ว่าเขาจะไว้วางใจในตัวท่านประมุข แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เขาสงสัยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

หลังจากกลับมาถึงภาคกลาง พวกเขาก็รู้ถึงสถานการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนในทันที

สถานการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนในตอนนี้เลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง…

กองกำลังมากมายพากันโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของพวกเขา ซ้ำยังมีคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์กับเผ่าปีศาจชั้นยอดจำนวนมากเข้าร่วมด้วย ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ กองกำลังพิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของพวกเขาย่อมถูกทำลายได้ทุกเมื่อ!

และหากกองกำลังพิทักษ์ถูกทำลาย แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของพวกเขาจักต้องถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นเป็นแน่…

กองกำลังจำนวนมากเข้าร่วมปานนี้ ซ้ำยังมีแดนศักดิ์สิทธิ์กับเผ่าปีศาจชั้นยอดเป็นผู้นำ แล้วพวกเขาจะเอาสิ่งใดไปสู้?

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวว่า แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของพวกเขาจะรุ่งโรจน์และยิ่งใหญ่…ดูท่าท่านประมุขจะกล่าวผิดเสียแล้ว แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของพวกเขาจะพินาศต่างหาก!

ในตอนนั้นเอง ปรากฏร่างสองร่างทะยานมาจากที่ไกลลิบก่อนจะเหินลงมา

ทั้งสองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วง

“ทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้วใช่หรือไม่?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถามผู้อาวุโสกับเหล่ายอดฝีมือ

ในมือของพวกเขามีค่ายกลเคลื่อนย้าย ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายไปได้ทุกที่ ด้วยเหตุนี้ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวันพวกเขาก็กลับมาถึงภาคกลางแล้ว

แดนบูรพาทิศค่อนข้างล้าหลัง มีเพียงนิกายกับสำนักใหญ่ ๆ บางแห่งเท่านั้นที่มีค่ายกลเคลื่อนย้าย

ทว่าแดนอุดรทิศ แดนทักษิณทิศ แดนประจิมทิศ และภาคกลางไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ทั้งสี่แดนไม่เพียงแต่มียอดฝีมือมากมาย ทว่ายังมีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สร้างไว้ก่อนหน้าแล้ว ทำให้พกพามันติดตัวไปได้

เพียงแค่เปิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย พวกเขาก็สามารถไปไหนมาไหนได้แล้ว

ที่ผู้ฝึกตนกับเผ่าปีศาจเหล่านั้นสามารถหลบหนีไปยังแดนอื่นได้ ก็เพราะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายเช่นนี้

แล้วเมื่อพวกเขาใช้มัน ก็ทำให้ฝั่งผู้อาวุโสและยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตามไล่สังหารได้ไม่ง่ายนัก

“เรียนท่านประมุข แดนประจิมทิศถูกจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ มิพลาดแม้แต่สักคนเดียว”

“แดนทักษิณทิศเช่นกันขอรับ! “

“แดนอุดรทิศก็เช่นกันขอรับ! ”

ผู้อาวุโสกับเหล่ายอดฝีมือตอบด้วยความเคารพ

“ดี”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะกล่าวต่อ “ตอนนี้เหลือเพียงพวกปลาที่เล็ดลอดตาข่ายมาภาคกลางเท่านั้นแล้ว…”

นี่ท่านประมุขยังคิดจะสังหารปลาเล็ดลอดตาข่ายในภาคกลางอีกหรือ?

ผู้อาวุโสกับเหล่ายอดฝีมือต่างตกตะลึงนิ่งอึ้งไป

พวกเขาอยากจะพูดว่า ท่านประมุขขอรับ แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเรากำลังจะถูกกวาดล้างแล้ว พวกเราหยุดเรื่องปลาเล็ดลอดตาข่ายนี้ก่อนเถิด…

แค่เห็นการแสดงออกของผู้อาวุโสกับเหล่ายอดฝีมือ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็รู้แล้วว่าผู้อาวุโสกับเหล่ายอดฝีมือกำลังคิดสิ่งใดกันอยู่

“วางใจเถิด แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของพวกเราจะไม่เป็นไร ตรงกันข้าม แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของพวกจะรุ่งโรจน์มากยิ่งขึ้น และยิ่งใหญ่กว่าสมัยที่แดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราเคยรุ่งเรืองมากที่สุดด้วยซ้ำ!”

ดวงตาของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเปล่งประกาย และเขาก็เอ่ยอย่างฮึกเหิม

ยิ่งใหญ่กว่ายุคสมัยที่รุ่งเรืองมากที่สุดอีกหรือ?

ท่านประมุขของพวกเขากลายเป็นคนโง่งมไปแล้ว!

ผู้อาวุโสกับเหล่ายอดฝีมือต่างพูดไม่ออก…

เมื่อครั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรุ่งเรืองที่สุด นักบุญ ราชันศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างมีพลังอำนาจมากมาย และบางคนถึงกับอยู่เหนือกว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ

ทว่าปัจจุบันฟ้าดินเลวร้ายยิ่ง กระทั่งนักบุญยังยากจะฝึกเต๋า แล้วพวกเขาจะเอาสิ่งใดมาบรรลุกัน!

อย่าเพิ่งกล่าวถึงเรื่องนั้นเลย กลับมากล่าวตรงนี้เสียก่อน…พวกเขาจักต้องปกปักรักษาอย่างไรไม่ให้แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถูกกวาดล้างได้!

สวรรค์ ท่านประมุขหยุดคิดเรื่องเพ้อเจ้อก่อนได้หรือไม่!

พวกเขาจะร้องไห้ในใจแล้วนะ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท