รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 115 อย่าเพิ่งรีบไป เรื่องนี้ยังไม่จบ!

บทที่ 115 อย่าเพิ่งรีบไป เรื่องนี้ยังไม่จบ!

บทที่ 115 อย่าเพิ่งรีบไป เรื่องนี้ยังไม่จบ!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดดังสนั่นไม่ขาดหู เป็นยอดฝีมือจากกลุ่มอำนาจมากมายที่บุกถล่มมหาค่ายกลคุ้มกันของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างไม่หยุดยั้ง

มหาค่ายกลคุ้มกันของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีรอยร้าวปรากฏมากมาย เห็นได้ชัดเลยว่ามันทนต่อไปได้อีกไม่นาน และเมื่อถึงเวลาย่อมต้องทลายลงในที่สุด

“บังอาจสังหารบุตรชายข้า! ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน เจ้ากล้าดีอย่างไร!? วันนี้ข้าขอล้างบางแดนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก่อน วันหน้าข้าจะจับเจ้ามาทรมานทนทุกข์จนอยู่มิสู้ตาย!”

สีหน้าของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดเย็นชาไร้อารมณ์ยิ่ง บุตรชายเพียงคนเดียวของเขา กู้เฟยถูกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสังหาร ด้วยเหตุนี้เขาจึงบันดาลโทสะถึงขีดสุด สาบานว่าจักต้องแก้แค้นให้บุตรชายให้จงได้!

เขาฟาดฝ่ามือออกไป พลันปรากฏประกายแสงเจิดจ้าทิ่มแทงออกมา คลื่นพลังมากมายถล่มใส่มหาค่ายกลคุ้มกันแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ทันใดนั้นก็บังเกิดรอยร้าวบนมหาค่ายกลคุ้มกันแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเพิ่มขึ้นอีก

“บุตรสาวของข้าจักต้องไม่ตายเปล่า!”

เช่นเดียวกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิด ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาเผยจิตอาฆาตท่วมท้น บุปผชาติเบิกบานก่อนจะระเบิดออกดอกแล้วดอกเล่า กลายเป็นพลังอันน่าสยดสยองปะทุออกมา ถล่มใส่มหาค่ายกลคุ้มกันแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างหนักหน่วง!

ชั่วพริบตาก็ปรากฏรอยร้าวคืบคลานไปทั่วมหาค่ายกลคุ้มกันแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!

“ท่านประมุข ท่านอยู่ที่แห่งหนใด ฮืออ… ท่านรีบกลับมาเถิด! ขืนท่านยังไม่กลับ ท่านคงไม่ได้เห็นแดนศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้ว!”

“เหตุใดจึงได้เป็นเช่นนี้!”

เสียงร้องไห้ดังระงมอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน บรรยากาศสิ้นหวังแผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ ตั้งแต่ผู้อาวุโสที่อยู่พิทักษ์แดนจนถึงลูกศิษย์ชั้นผู้น้อย ต่างสิ้นประกายในดวงตาและไม่หลงเหลือความหวังใด ๆ อีก

พวกเขารู้ดีว่าทันทีที่มหาค่ายกลคุ้มกันพังทลาย นั่นคือพริบตาที่พวกเขาต้องจบชีวิตลง…

กลุ่มอำนาจด้านนอกนั้นไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน

ทว่าในตอนนั้นเอง…

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและหูช่วง รวมถึงผู้อาวุโสยอดฝีมืออีกจำนวนหนึ่งพลันเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว!

“ทุกท่านช่างมีอารมณ์สุนทรีย์ยิ่ง นี่มาเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของข้ากันหมดเลยหรือ?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหัวเราะน้อย ๆ สีหน้าราบเรียบ ดูไม่วิตกเลยสักนิด

“กลับมาแล้วหรือ!?”

ผู้ฝึกตนและสัตว์ร้ายทั้งหลายต่างมองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างไม่เชื่อสายตา

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยังจะกล้ากลับมาอีกหรือ?

นับเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่คาดคิด!

ทว่าไม่นาน สายตาพวกเขาก็วาวโรจน์ขึ้นมา ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกลับมาถูกเวลาพอดี พวกเขาจะได้ถอนรากถอนโคน กำจัดแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้อย่างสมบูรณ์เสียที!

“เจ้าจงไปตายซะ!”

หลังประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา พุ่งจู่โจมใส่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนทันที

“สหายกระตือรือร้นไปหรือไม่?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยิ้มบาง ทั้งไม่หลบหลีกและไม่ขยับเขยื้อน แต่ปล่อยให้การโจมตีของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดกระแทกใส่ตัวเขา

“นี่รู้ตัวว่าไม่มีทางรอด จึงยอมแพ้ไม่ออกแรงต้านทานหรือ?”

ผู้ฝึกตนและสัตว์ร้ายทั้งหลายเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่แสดงปฏิกิริยา จึงพูดกันอย่างนึกขำ

แต่พอวินาทีต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าพวกเขาก็ต้องแข็งทื่อไป ก่อนจะกลายเป็นสีหน้าตกตะลึงกันทั้งหมด!

การโจมตีที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดซัดเข้าใส่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนั้น กลับไม่อาจทำร้ายประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนให้มีแม้แต่รอยขีดข่วนได้เลย!

นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน!?

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอยู่ในขอบเขตเดียวกัน ซ้ำประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดยังลงมือด้วยความเคียดแค้น พลังโจมตีย่อมน่าสยดสยองอย่างยิ่งยวด แต่เหตุไฉนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงปราศจากรอยขีดข่วน

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนบรรลุขอบเขตแล้วหรือ?

บรรดาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบเปิดประสาทสัมผัสญาณ เพื่อตรวจสอบระดับพลังของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

ก็ไม่นี่…

ระดับพลังของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยังมิได้บรรลุขอบเขตเสียหน่อย

“เจ้า!”

นัยน์ตาของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดสั่นไหว ฝีเท้าถอยกรูดออกไปอย่างรวดเร็ว ยืดระยะห่างออกจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนด้วยความว่องไว!

การโจมตีของเขาไม่สร้างรอยแผลให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสักนิดเลยหรือนี่ เขาสะท้านใจเป็นอย่างยิ่ง และมุมมองของเขาต่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน

“ข้าช่วยสหายเอง! วันนี้เขาจักต้องตาย!”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาตวาดเสียงเย็น ก่อนจะใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ออกมา กลีบดอกไม้ร่วงหล่นลงมาจากทั่วท้องฟ้า แต่ละกลีบล้วนแฝงไว้ด้วยพลังแกร่งกล้า!

“ฝนกลีบดอกไม้นี่ ไม่เลว ไม่เลว งดงามใช้ได้…”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหัวเราะเบา ๆ ยังไม่มีทีท่าจะเคลื่อนไหวตัว และปล่อยให้กลีบดอกไม้โปรยปรายใส่ตัวเขา

เสียงระเบิดดังสนั่นไม่ขาดสาย กระทั่งมิติยังเริ่มบิดเบี้ยว

กลีบดอกไม้ปะทุออก พลังอันน่าพรั่นพรึงถล่มใส่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างไม่มีหยุด

พลังงานนั้นน่ากลัวขนาดที่ว่า กระทั่งเทือกเขาที่เชื่อมต่อกันเป็นทอด ๆ ยังราบเป็นหน้ากลองในเวลาไม่นาน

ทว่าเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน มันกลับไม่ได้ผลเลยสักนิด แม้แต่ผมสักเส้นของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยังไม่ร่วง

“อะไรกัน!”

“นี่มัน…!”

ผู้ฝึกตนและสัตว์ร้ายมากมายอุทานเสียงแตกตื่น ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเกินไปหรือไม่ กระทั่งวิชาศักดิ์สิทธิ์ยังทำอะไรประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่ได้เลยหรือ?

ดูเหมือนสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแล้ว…

บรรดาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์และราชาปีศาจต่างขมวดคิ้ว เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา

“ไปเถิด”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์หลายคนที่มีนิสัยรอบคอบเลือกถอยกลับไปไม่น้อย

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมิได้เข่นฆ่าคนของพวกเขาที่แดนบูรพาทิศ พวกเขามาที่นี่ก็เพราะต้องการส่วนแบ่งจากรากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเท่านั้น

ทว่าบัดนี้ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเกินคาดถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องเอา!

แม้แต่วิชาศักดิ์สิทธิ์ยังมิอาจทำร้ายประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้แม้สักเศษเสี้ยว ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนในยามนี้มิใช่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ในอดีตแล้ว…

หากกลับช้ากว่านี้ อาจได้เกิดเรื่องกับพวกเขาจริง ๆ

“ทุกท่านไยต้องรีบร้อนจากไปขนาดนี้”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหัวเราะเบา ๆ “ไม่ต้องรีบ ๆ เรื่องราวยังไม่จบ ไว้สะสางเรื่องนี้จบเมื่อใด ทุกท่านค่อยกลับก็ยังไม่สาย”

เขาโบกมือคราเดียว เหล่าผู้อาวุโสและยอดฝีมือด้านล่างก็เหินเข้าไปเพื่อหยุดเหล่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ที่คิดจะกลับทันที

บรรดาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งท่าจะกลับมีสีหน้าอึมครึมลงทันควัน

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคิดจะทำอะไร?

“เจ้าจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเราทั้งหมดเลยหรือ?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งหันกลับมามองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน สายตาของเขาทอประกายโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก

“เป็นศัตรู?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแหงนหน้าหัวเราะร่วน ก่อนจะทอดสายตามองเหล่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น “หาใช่ข้าที่ต้องการเป็นศัตรูกับพวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเราต่างหาก! รุมโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของข้า แล้วคิดจะจากไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ ทุกท่านคิดตื้นเขินเกินไปหรือไม่?”

“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน เจ้าตั้งใจจะไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้กันจริงหรือ?”

“เจ้าคิดว่าสามารถพอหรือ!?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายหัวเราะเสียงเย็น

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนในตอนนี้แปลกไปก็จริง จนพวกเขามองไม่ออก ทว่าพวกเขาไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นหมูในอวยของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!

ถึงอย่างไร ฝ่ายพวกเขาก็มีประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์มารวมกันตั้งมาก!

“ความสามารถหรือ ข้าเองก็ไม่รู้ พวกเจ้าช่วยดูได้หรือไม่ว่าข้ามีมันหรือเปล่า?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหัวเราะ บอกกับเหล่าผู้อาวุโสและยอดฝีมือที่ขวางทางประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย “มาเถิด ให้เหล่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ดูความสามารถของพวกเจ้าหน่อย”

“ขอรับ!”

บรรดาผู้อาวุโสและเหล่ายอดฝีมือต่างยิ้มกว้างพลางเอ่ยตอบ ก่อนที่กายเนื้อจะเปล่งประกายสีเงินออกมา ซ้ำยังมีปราณทิพย์ไหลเวียนผ่านร่างกายไม่หยุด

“ร่างทิพย์กระดูกหิรัญ!”

“ทั้งหมด…เลยหรือ!?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตะลึงงันไปในบัดดล

เนื้อกายเปล่งประกายสีเงิน ซ้ำยังมีปราณทิพย์ไหลผ่านทั่วร่าง เป็นหลักฐานแสดงถึงขอบเขตกายา ร่างทิพย์กระดูกหิรัญ!

เป็นไปได้อย่างไร!

มิรู้ว่าผ่านมานานเท่าใดแล้วที่เหยียนโจวไม่มีผู้ฝึกตน ซึ่งสามารถสำเร็จขอบเขตกายา ร่างทิพย์กระดูกหิรัญได้ ทว่าบัดนี้กลับโผล่มากันมากมายปานฉะนี้ จะให้พวกเขาทำใจเชื่อลงได้อย่างไร?

ชั่วพริบตา ในใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจ แทบอยากย้อนเวลากลับไปให้ได้

หากตอนนั้นรู้อย่างนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่จะมาที่นี่ และไม่คิดลงมือกับแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเป็นอันขาด!

ร่างทิพย์กระดูกหิรัญเชียวนะ ขอบเขตกายานี้นับว่าแข็งแกร่งยิ่ง สามารถเพิ่มพูนพลังรบได้มหาศาล ผู้อาวุโสและยอดฝีมือที่ขวางทางอยู่ข้างหน้า ย่อมมีพลังพอจะสู้รบปรบมือกับพวกเขาแน่นอน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท