รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 116 ร่างทิพย์กระดูกหิรัญไม่ไหว แล้วร่างวัชระเล่า?

บทที่ 116 ร่างทิพย์กระดูกหิรัญไม่ไหว แล้วร่างวัชระเล่า?

บทที่ 116 ร่างทิพย์กระดูกหิรัญไม่ไหว แล้วร่างวัชระเล่า?

สำหรับร่างทิพย์กระดูกหิรัญ ศัสตราซึ่งระดับต่ำกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจทำอันตรายได้

แน่นอนว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่

แต่ประเด็นคือตอนนี้พวกเขาไม่ได้พกมาด้วย!

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่ง พวกเขากลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดจึงเก็บมันไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์

เมื่อต้องมาล้อมโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนครานี้ ก็มีกลุ่มอำนาจฝีมือดีร่วมด้วยมากมาย ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงคิดว่าสามารถล้างบางแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้โดยง่าย

นี่จึงเป็นสาเหตุที่พวกเขามิได้นำอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาด้วย

“อย่าได้ใจเกินไปนัก!”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดยิ้มเย็นชา “ร่างทิพย์กระดูกหิรัญหาได้เกรียงไกรปานนั้นไม่!”

เขาชูมือเรียกอาวุธหนึ่งออกมา มันเผยประกายศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าแยงตา และบารมีศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน นั่นเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่ง!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสังหารบุตรชายของเขา เขาเดือดดาลเกินทน ยามเดินทางมาที่นี่ จึงนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขามาด้วย!

“ถูกต้อง! หาได้เกรียงไกรไม่!”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาเองก็ตวาดเสียงเย็น เรียกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งออกมาเหมือนกัน เมื่อปรากฏออกมาก็เห็นเป็นแส้ยาวเส้นหนึ่ง

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสังหารบุตรสาวของนาง นางบันดาลโทสะเช่นกัน มาคราวนี้จึงนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาด้วย

“ดียิ่ง!”

“เยี่ยมไปเลย!”

หลังประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาเรียกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าทันที

ร่างทิพย์กระดูกหิรัญแข็งแกร่งก็จริง แต่ต้านอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่ไหวหรอก

มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นนี้อยู่ พวกเขายังเป็นฝ่ายได้เปรียบ

“ร่างทิพย์กระดูกหิรัญหาได้เกรียงไกรไม่ แล้วร่างวัชระเล่า?”

ร่างของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนออกเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน ก้าวเดียวก็ประชิดตัวประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผา กายเนื้อเปล่งแสงสีทอง พร้อมปะทะแบบหนึ่งต่อสอง!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนบุกเข้ามา ก็รีบเค้นพลังจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือ แล้วโจมตีออกไปข้างหน้า!

ทว่าร่างกายของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์เสียอีก เมื่อสองกำปั้นปะทะกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!

“เจ้าได้ครอบครองร่างวัชระหรือนี่!”

“เป็นไปได้อย่างไร!?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาอุทานเสียงหลงด้วยความตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะครอบครองร่างวัชระ!

ร่างวัชระ กระทั่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็มิอาจทำอันตรายได้ ขอบเขตกายานี้สูงส่งเกินไป อย่าว่าแต่เหยียนโจวเลย แม้กระทั่งทั่วทั้งพสุธานี้ ผู้ใดมีกายเนื้อขอบเขตร่างวัชระ ก็นับว่าอยู่ระดับขั้นสูงสุดได้แน่นอน!

“ไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนออกท่าจู่โจมอย่างดุดัน ไม่ให้โอกาสประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาแต่อย่างใด แล้วในที่สุดก็ชิงอาวุธศักดิ์สิทธิ์จากสองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์มาได้

มิหนำซ้ำ เขายังโจมตีประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาจนกระเด็นไปอีกด้าน

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทำร้ายร่างกายเขาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ การโจมตีของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาจึงไม่เป็นผลกับเขา เช่นนี้แล้ว ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผายังจะใช้อะไรมาสู้กับเขาอีก?

พวกเขามิใช่คู่ต่อสู้ของตนเลยสักนิด

“นี่มัน…!”

บรรดาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์และเผ่าปีศาจชั้นสูงต่างมีสีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด

นี่เขาครอบครองร่างวัชระจริงหรือนี่!

หลาย ๆ คนก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เวลานี้จึงมีสภาพจิตใจย่ำแย่เป็นที่สุด

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนครอบครองร่างวัชระ ต่อให้พวกเขานำอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาด้วยก็ไร้ประโยชน์!

หนนี้…พวกเขาซวยกันหมดแล้ว จำต้องชดใช้ที่รุมโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!

“บุตรหลานของพวกเจ้า ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ในเมืองปุถุชนอย่างไม่เกรงกลัว ไม่เห็นชีวิตปุถุชนอยู่ในสายตาสักนิด ถึงขั้นใช้การเข่นฆ่าเป็นเบี้ยพนัน สังหารปุถุชนไปกว่าแสนชีวิต!”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาด้วยสีหน้าเย็นชา พลางกล่าวว่า “รู้อย่างนี้แล้วพวกเจ้ายังกล้ามาล้างแค้นกับข้าอีกหรือ แค่ปลิดชีพพวกเขาเฉย ๆ ก็นับว่าเมตตาพวกเขามากแล้ว!”

“เจ้าไม่ตายดีแน่! ชีวิตของปุถุชนพวกนั้น ไฉนเลยจะเทียบกับชีวิตของบุตรชายข้าได้!?”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดคำรามเสียงกราดเกรี้ยว สองตาแดงก่ำยิ่ง

กู้เฟยคือบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา!

“แดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาของเรา ไม่ตายไม่ขอเลิกรากับแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเจ้า!”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาจ้องประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนด้วยความเคียดแค้นสุดขีด ถังอีอีก็เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวเช่นกัน!

“ไร้เหตุผลไร้คุณธรรม รู้แต่เพียงปกป้องคนของตน ที่พวกเจ้าเฝ้าฝึกตนมาช่างไร้ประโยชน์เสียจริง!”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แค่นเสียงเย็น แล้วร่างกายของเขาก็วูบไหว บุกประชิดไปอยู่ตรงหน้าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผา หมายจะปลิดชีพประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองเสียที่นี่

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้กำเนิดและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ร้อยบุปผาเข้าต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ถึงขั้นแผดเผาแก่นพลังชีวิต หมายฆ่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนให้ได้ก่อนตาย

ทว่าร่างวัชระนั้นแกร่งกล้าเกินไป

อีกทั้งประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็ชิงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไปได้

ต่อให้พวกเขาแผดเผาแก่นพลังชีวิตก็ไร้ประโยชน์ ยังไม่อาจต่อกรกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้อยู่ดี สุดท้ายก็สิ้นชีพลงตรงนั้นด้วยน้ำมือของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์สองคนตาย…ง่าย ๆ เช่นนี้เลยหรือ!?

พื้นที่โดยรอบตกอยู่ในความเงียบสงัด ความหนาวเหน็บเกาะกุมจิตใจ ซ้ำยังตกตะลึงกันถ้วนหน้า

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ กำลังรบระดับสูงสุดแห่งภาคกลาง หรือเรียกได้ว่าเป็นกำลังรบสูงสุดแห่งเหยียนโจว กลับตายตกอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งอย่างนี้ จะมิให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร!

“ลัทธิศักดิ์สิทธิ์แก่นบริสุทธิ์ พรรคเสินเหอ เผ่าราชสีห์อุไร…”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ท่องชื่อกลุ่มอำนาจจำนวนหนึ่ง

ในกลุ่มอำนาจเหล่านี้ ล้วนมีผู้ฝึกตนและสัตว์ร้ายที่สร้างหายนะให้กับเมืองปุถุชน แล้วหนีกลับมายังภาคกลาง

“นำตัวพวกเขามา”

เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา

“เข้าใจแล้ว!”

“พวกเขาสมควรตาย!”

กลุ่มอำนาจเหล่านี้ไม่กล้าไม่ทำตาม ต่างตอบรับอย่างรวดเร็ว

“ส่วนพวกเจ้า…”

สายตาของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกวาดสายตาผ่านบรรดายอดฝีมือที่เข้ามารุมโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน “มหาค่ายกลคุ้มกันของพวกเราแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนต้องทลายเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าจำต้องชดใช้ กลับไปเถิด ไปไตร่ตรองดูให้ดีว่าจะชดใช้แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเราอย่างไร…”

“สมควรแล้ว สมควรแล้ว!”

“เป็นความผิดของพวกเราทั้งหมด!”

พวกเขาตอบอย่างรวดเร็ว ไม่มีกลุ่มอำนาจใดกล้าค้านว่าไม่

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะกล้าบอกว่าไม่ ขืนบังอาจพูดว่าไม่จริง ๆ นั่นนับว่าเป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

“เอาล่ะ แยกย้ายกันได้แล้ว”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยเสียงเรียบ

ชั่วพริบตา ยอดฝีมือจากกลุ่มอำนาจเหล่านี้ก็จากที่นี่ไปอย่างว่องไว

สภาพจิตใจของพวกเขาแต่ละคนหลากหลายอารมณ์ยิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายจะจบลงเยี่ยงนี้!

ร่างวัชระ… เฮ้อ ไม่มีผู้ใดในภาคกลางสามารถต่อกรกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้อีกต่อไป!

แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนในวันหน้า ย่อมกลายเป็นกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในเหยียนโจวแน่นอน!

‘ทำได้อย่างไรกัน!?’

นอกจากนี้ ภายในใจพวกเขายังเต็มไปด้วยความคลางแคลง

ไม่ว่าจะเป็นร่างวัชระหรือร่างทิพย์กระดูกหิรัญ ต่างเป็นขอบเขตที่ยากจะบรรลุได้ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่เคยได้ยินข่าวลือเรื่องนี้มาก่อน

ทว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกลับฝึกตนจนสำเร็จขอบเขตร่างวัชระ ส่วนบรรดาผู้อาวุโสและยอดฝีมือแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนฝึกตนจนสำเร็จขอบเขตร่างทิพย์กระดูกหิรัญ!

“บัดซบ! คงมิใช่ว่าผู้ที่เข้าไปในซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่าคือ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหรอกนะ!”

“เป็นไปได้!”

พวกเขาหวนนึกไปถึงซากโบราณของราชวงศ์อวี่ฮว่า ณ แดนบูรพาทิศ และคิดว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้รับโอกาสวาสนาการเปลี่ยนแปลงจากซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่า

มิเช่นนั้น เรื่องทั้งหมดนี้ก็ยากจะอธิบายได้แล้ว!

“ตู้เย็น…อยู่ที่ไหนกันแน่นะ?”

อีกด้าน ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกลับถึงภายในแดน ก็แหงนหน้ามองฟ้าพึมพำกับตัวเอง

เขาเพิ่งสำเร็จภารกิจที่ท่านเซียนมอบให้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตู้เย็นที่ท่านเซียนปรารถนา เขายังไม่มีเบาะแสสักนิด

นี่คือเรื่องสำคัญที่สุดที่เขาต้องทำหลังจากนี้!

ที่เขาประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ล้วนเป็นเพราะท่านเซียนทั้งนั้น เขาไม่อาจลืมบุญคุณนี้ได้ และไม่กล้าลืมด้วย ดังนั้นเขาต้องนำตู้เย็นกลับไปให้ท่านเซียนให้จงได้!

ถ้าไม่ล่ะก็…เขาไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมาแม้แต่น้อย!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท