บทที่ 127 ฟังเพลินเลยล่ะสิ? เดี๋ยวพรุ่งนี้เล่าเรื่องไซอิ๋วให้ฟัง!
ในใจของสือเฟิงเหงื่อตก ซ้ำยังรู้สึกละอายใจยิ่ง
มนุษย์ที่เขาคิดว่าเป็นปุถุชน แท้จริงแล้วกลับเหนือจินตนาการได้ถึงเพียงนี้!
‘ข้าควรเรียกท่านผู้นี้…ว่าอย่างไร!?’
จิตใจของเขาขมขื่นยิ่ง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าควรเรียกขานคนผู้นี้ว่าอย่างไร…
‘เซียน’ คือขอบเขตสูงสุดที่เขารู้ และเป็นขอบเขตสูงสุดที่ผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างเห็นพ้องต้องกัน
ทว่าคนตรงหน้าผู้นี้ เก่งกาจยิ่งกว่าเซียนอย่างเห็นได้ชัด!
ขอบเขตเหนือเซียนขึ้นไปคืออะไร?
เขาไม่รู้…
‘เรียกท่านเซียนแล้วกัน!’
เขาพูดในใจอย่างระอาตนเอง
‘ข้าช่างไม่ประมาณตนเอาเสียเลย บังอาจเอ่ยวาจาใหญ่โตได้อย่างหน้าไม่อาย!’
เขานึกถึงคำพูดที่คนผู้นี้ได้กล่าวไว้ก่อนหน้า พลันใบหน้าแดงก่ำเหลือแสน ก่อนจะเอ่ยกับตัวเองในใจ
‘วางใจเถิด มีข้าอยู่ ไม่เป็นไร…ข้าจะปกป้องพวกท่านเอง!’
อะไรกันล่ะนั่น!
ท่านเซียนต้องการให้เขาปกป้องหรือ?
เหตุใดเขาจึงกล้าพูดเช่นนั้นออกไปได้!
ตัวของเด็กหนุ่มสั่นระรัว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ชีวิตนี้กลับได้พบการดำรงอยู่ของผู้อยู่เหนือขอบเขตเซียน อยู่เหนือจินตนาการ นี่เขา…โชคดีปานนี้ได้อย่างไร!
หลี่จิ่วเต้าไม่รับรู้ถึงสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของสือเฟิง เพราะเขากำลังมีสมาธิกับการเล่านิทานสถาปนาเทวดาให้เด็ก ๆ ฟัง
เดิมทีเด็ก ๆ ที่ไม่ได้ฟังเรื่องไซอิ๋วก็ไม่พอใจนิดหน่อย
ทว่าหลังจากหลี่จิ่วเต้าเริ่มเล่าตำนานสถาปนาเทวดา ความไม่สบอารมณ์ในใจพวกเขาก็สลายหายไปจนสิ้น แต่ละคนฟังอย่างตั้งใจและเพลิดเพลินไปกับเนื้อเรื่อง
ทุกคนยังเป็นเด็กกันหมด ย่อมชื่นชอบเรื่องราวการปะทะฝีมือกันของเหล่าเทพเซียน และแก่นสำคัญในเรื่องเล่าของหลี่จิ่วเต้าก็กล่าวถึงศึกระหว่างฝ่ายฉ่านเจี้ยวและฝ่ายเจี๋ยเจี้ยว
“ว่ากันว่า เจ้าสำนักฝ่ายฉ่านเจี้ยวผู้ปกครองบนเขาคุนหลุน ปิดวังเทศนาเพราะสิบสองลูกศิษย์ใต้สำนักกระทำความผิดทางโลกีย์ ต้องถูกลงทัณฑ์ และเพราะเฮ่าเทียนซ่างตี้สถาปนาสิบสองเซียน จึงเทศนาทั้งสามฝ่ายพร้อมกัน ได้แก่ฝ่ายฉ่านเจี้ยว ฝ่ายเจี๋ยเจี้ยว และฝ่ายมนุษย์ รวมแล้วบรรลุเทพเซียนทั้งหมดสามร้อยหกสิบห้าองค์ แบ่งเป็นแปดภาค ตอนบนสี่ภาค ได้แก่ อัสนีบาต อัคคี โรคร้าย สงคราม ตอนล่างสี่ภาค ได้แก่ กลุ่มพิทักษ์ดารา กลุ่มภูเขาทั้งห้า กลุ่มควบคุมลมฟ้าอากาศ กลุ่มธรรมมะอธรรม”
“เจียงจื่อหยาได้รับการสถาปนาเป็นอัครมหาเสนาบดี นับว่าเป็นคราวของเขาพอดี…”
หลี่จิ่วเต้าเล่าอย่างตั้งใจและเด็ก ๆ ที่ฟังอยู่ล้วนจมดิ่งไปกับเรื่องราว
ศึกปะทะกันระหว่างฝ่ายฉ่านเจี้ยวและฝ่ายเจี๋ยเจี้ยวสุดยอดชวนติดตาม สิบสองเซียนฝ่ายฉ่านเจี้ยวแห่งวังอวี้ซวี หยางเจี่ยน นาจา เหลยเจิ้นจื่อ และคนอื่น ๆ ฝ่ายเจี๋ยเจี้ยวอย่างนักพรตตัวเป่า พระแม่จินหลิง พระแม่อู๋ตัง พระแม่กุยหลิง จ้าวกงหมิง พระแม่ซานเซียว และคนอื่นๆ…
ยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายพากันออกโรงประลองฝีมือกัน ตั้งค่ายกลพันธนาการศัตรู นับว่าเก่งกล้าสามารถยิ่ง!
สือเฟิงฟังแล้วเลือดลมพลุ่งพล่าน สะท้านใจเหลือแสน
นี่เป็นการประชันฝีมือระหว่างเทพเซียนชัด ๆ!
อภินิหารแต่ละอย่างที่ว่ามา ล้วนคือวิชาเซียน มหาค่ายกลทั้งหลายที่ปรากฏในเรื่องราว ต่างคือค่ายกลเซียน!
ท่านเซียนกำลังเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในภพเซียนหรือนี่!
เขาเต็มตื้นสุด ๆ หัวใจเต้นระรัวเร็วยิ่ง
ชนใต้หล้านี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภพเซียนแม้แต่น้อย ไม่อาจแม้กระทั่งแน่ใจได้ว่ามีภพเซียนอยู่จริง ๆ!
ทว่าบัดนี้ นอกจากเขาจะแน่ใจได้แล้วว่ามีภพเซียนอยู่ ยังได้รู้เรื่องของภพเซียนในระดับหนึ่งด้วย!
ในภพเซียนมีวังอวี้ซวีแห่งฝ่ายฉ่านเจี้ยว มีวังปี้โหยวแห่งฝ่ายเจี๋ยเจี้ยว…
เดี๋ยวก่อน!
วังอวี้ซวี!
คิดมาถึงนี่ ตาของเบิกกว้างถึงขีดสุด หัวใจเต้นรัวขึ้นไปอีก!
วังอวี้ซวี…นิกายอวี้ซวี เกี่ยวข้องกันหรือไม่?
กลุ่มอำนาจฝึกตนที่เขาอยู่ก็คือนิกายอวี้ซวี!
‘รู้แล้ว เข้าใจแล้ว! นิกายอวี้ซวีเกี่ยวข้องกับวังอวี้ซวีแห่งภพเซียน! ท่านเซียนช่วยให้ข้าตื่นรู้ด้วยวิธีเล่านิทาน!’
เขาไตร่ตรองดูอย่างละเอียด แล้วในที่สุดก็เข้าใจทุกอย่าง
ท่านเซียนมีระดับขั้นสูงส่ง พริบตาเดียวก็ล่วงรู้ทุกสิ่ง
ยามเขาได้พบท่านเซียน ท่านเซียนก็ล่วงรู้ตัวตนของเขาแล้ว และรู้ว่าเขามาจากนิกายอวี้ซวี
ด้วยเหตุนี้ ท่านเซียนจึงเล่าตำนานสถาปนาเทวดา เพื่อเป็นการบอกกล่าวถึงความเกี่ยวข้องระหว่างนิกายอวี้ซวีและวังอวี้ซวีแก่เขา!
‘คิดแล้วท่านเซียนคงมีความสัมพันธ์กับวังอวี้ซวีแห่งภพเซียนไม่เลว ไม่อย่างนั้น ในเมื่อนิกายอวี้ซวีเกี่ยวข้องกับวังอวี้ซวี เหตุใดท่านเซียนต้องช่วยให้ข้าตื่นรู้ด้วย!’ สือเฟิงคิดในใจ ตื้นตันขึ้นไปอีก
หากท่านเซียนไม่เกี่ยวข้องกับวังอวี้ซวี ต่อให้เขามาจากนิกายอวี้ซวีแล้วอย่างไร?
ท่านเซียนไม่จำเป็นต้องสนใจเขา และยิ่งไม่มีทางช่วยให้เขาตื่นรู้ด้วยการเล่านิทาน
ถึงอย่างไรเขาก็ต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าฝุ่นผง…
ทว่าผู้ที่ต่ำต้อยยิ่งกว่าฝุ่นผงเช่นเขา ท่านเซียนยังอุตส่าห์ช่วยให้เขาได้ตื่นรู้ บ่งบอกว่าท่านเซียนมีสัมพันธ์อันดีกับวังอวี้ซวี เขาจึงได้เปรียบจากการนี้!
หลังจากคิดตกแล้ว เขาก็ดีใจจนแทบเป็นลม!
นิกายอวี้ซวีเกี่ยวข้องกับวังอวี้ซวี ท่านเซียนมีสัมพันธ์อันดีกับวังอวี้ซวี…
สวรรค์! นี่เขาโดนวาสนาการเปลี่ยนแปลงหล่นทับหัวหรือนี่!
เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อย ๆ หลี่จิ่วเต้าก็เล่าตำนานสถาปนาเทวดาจนจบ
เด็ก ๆ ที่ได้ฟังล้วนเสียใจ เพราะไม่อยากให้เรื่องราวจบลง
“เอาล่ะ พวกเรากลับกันเถิด สายมากแล้ว”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พรุ่งนี้พวกเจ้าทุกคนมาหาข้า แล้วข้าจะเล่าตำนานไซอิ๋วให้ฟัง”
“ได้เลยคุณชาย!”
“พรุ่งนี้พวกเราจะไปหาคุณชายแต่เช้าเลย!”
เด็ก ๆ ตะโกนบอกด้วยความกระตือรือร้น
แม้ตำนานสถาปนาเทวดาจะจบลงแล้ว แต่กระนั้นยังมีตำนานไซอิ๋วอยู่ และพวกเขาแต่ละคนต่างก็เฝ้ารออย่างมาก โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่เคยฟังเรื่องราวไซอิ๋วมาบ้างยิ่งเฝ้ารอไปใหญ่ หวังให้เวลาผ่านไปไว ๆ รีบถึงพรุ่งนี้เช้าเสียที
สือเฟิงยืนอยู่ด้านหนึ่ง จิตใจเต็มตื้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ อ้าปากทำท่าจะพูดบางอย่าง กระนั้นเมื่อวาจาใกล้จะเปล่งออกมากลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
สิ่งที่เขาอยากบอกมีมากมายเหลือเกิน จนชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ควรพูดอย่างไร!
ทว่าตำนานสถาปนาเทวดาสนุกมากจริง ๆ ศึกปะทะกันด้วยศาสตราทั้งหลายในเรื่องราวดุเดือดออกปานนั้น!
คิดมาถึงนี่แล้ว เขาพลันนับถือท่านผู้โบราณจากดาวเคราะห์สีฟ้ามากยิ่งขึ้นไปอีก
ท่านผู้โบราณปรีชายิ่ง ไซอิ๋วและสถาปนาเทวดาที่เขาแต่งเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดผลงาน แม้แต่ผู้ฝึกตนในโลกแห่งการฝึกตนทางนี้ยังหลงใหลไปกับมัน!
เขาอมยิ้ม ก่อนจะหันไปถามสือเฟิงว่า “ตำนานสถาปนาเทวดาสนุกหรือไม่?”
“สนุกมากขอรับ!”
สือเฟิงเห็นท่านเซียนกล่าวถามจึงรีบตอบไป
ศึกระหว่างเทพเซียน ทั้งการตั้งค่ายกลใช้ศาสตรา แค่คำว่าสนุกย่อมไม่อาจอธิบายความรู้สึกได้ทั้งหมด!
เขาสะท้านใจยิ่งนัก!
หลี่จิ่วเต้าได้ยินคำตอบของสือเฟิง ก็คิดไปว่าเขาเดาไม่ผิดจริง ๆ ว่าสือเฟิงเพลินกับตำนานสถาปนาเทวดามาก
ซ้ำยังคิดไปอีกว่าสือเฟิงถือเป็นผู้ฝึกตนที่นิสัยดีไม่น้อย ด้วยกลัวว่าพวกเขาจะโดนสัตว์ป่าทำร้าย อุตส่าห์ติดตามพวกเขามาเพื่อคุ้มกัน ทั้งยังกำจัดสัตว์ป่าในภูเขานี้ออกไปอีก
หลี่จิ่วเต้ารู้สึกว่าเขาควรบรรเทาความอึดอัดของสือเฟิงให้หายไป ช่วยขจัดความเขินอายของสือเฟิง ให้สือเฟิงได้ฟังตำนานไซอิ๋ว
“ตำนานไซอิ๋วสนุกพอ ๆ กัน ไม่ทราบว่าสนใจฟังหรือไม่?”
หลี่จิ่วเต้าถาม
“สนใจแน่นอนขอรับ!”
สือเฟิงตอบโดยไม่ต้องคิด
ยังต้องคิดอีกหรือ
ท่านเซียนพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะพิรี้พิไรไปเพื่ออันใด หากบอกว่าไม่สนใจฟัง ท่านเซียนไม่ตบเขาตายในฝ่ามือเดียวสิแปลก!
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ข้ามีลานเล็กแห่งหนึ่งในเมืองชิงซาน หากไม่รังเกียจก็ไปพักที่นั่นก่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มเล่าตำนานไซอิ๋วให้ฟัง”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยอย่างใจดี
เขาคิดในใจว่าตัวเองเดาแม่นจริง ๆ สือเฟิงแค่อายเกินจะเอ่ยปากว่าอยากฟังตำนานไซอิ๋ว
ส่วนเรื่องที่เหตุใดสือเฟิงถึงอายที่จะเอ่ยปาก เขาพอเข้าใจได้
ถึงอย่างไรสือเฟิงก็เป็นผู้ฝึกตน ส่วนเขาเป็นปุถุชน เรื่องมันก็เช่นนี้แหละ