รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 120 อดีตถึงปัจจุบันท่านเซียนคำนวณทุกอย่างไว้หมดแล้ว!

บทที่ 120 อดีตถึงปัจจุบันท่านเซียนคำนวณทุกอย่างไว้หมดแล้ว!

บทที่ 120 อดีตถึงปัจจุบันท่านเซียนคำนวณทุกอย่างไว้หมดแล้ว!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ในที่สุดก็มีเบาะแสเรื่องที่ค้างคาใจมานานแล้ว!

“ดูเหมือนท่านประมุขจะรู้ว่าสมบัติประเภทกาลเวลานั้นหายากเพียงใด…”

ยอดฝีมือยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

เขาก็ไม่ได้คิดอะไรให้มากความ…

สุดท้ายผู้ใดได้ยินเรื่องสมบัติประเภทกาลเวลาย่อมต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา

สมบัติประเภทกาลเวลาไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดมักมีราคาสูง มีขอบเขตการค้นคว้ามากมายยิ่งนัก

ผู้ฝึกตนขยันมั่นบำเพ็ญเพียรเพราะเหตุใดกัน?

ก็เพื่อให้คงอยู่เป็นนิรันดร์

ความเป็นนิรันดร์ย่อมเกี่ยวข้องกับวิถีแห่งเวลาอย่างไม่ต้องสงสัย

เข้าใจวิถีแห่งเวลาแล้วก็จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ได้?

เขาแย้มยิ้มบอกสาเหตุว่า เหตุใดจึงต้องมาหาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

“พื้นที่มิติกาลเวลานั้นลึกลับเป็นอย่างยิ่ง กฎแห่งสวรรค์และโลกปั่นป่วนรุนแรงจนใช้พลังเต๋าไม่ได้… ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกตนจึงใช้ได้เพียงพละกำลังจากกายเนื้อในแดนลับเท่านั้น”

เขาเอ่ยปากกล่าว “ท่านประมุขบ่มเพาะร่างกายวัชระกายเนื้อเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง เพราะเหตุนั้นพวกเราจึงมาหาท่านประมุข ขอให้ท่านประมุขช่วยพวกเรา…”

ข้าไป!

ท่านเซียนช่างร้ายกายจริง ๆ!

คำนึงอดีตถึงปัจจุบัน!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอดถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ ท่านเซียนช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ไม่ว่าเรื่องใดจะเกิดขึ้นก็ล้วนแต่ควบคุมอยู่ในฝ่ามือ!

มิแปลกใจเลยว่า เหตุใดผู้เฒ่าเมิ่งจีถึงกล่าวว่าทุกคำพูดและการกระทำของท่านเซียนล้วนแต่มีความหมายลึกซึ้ง นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน!

ท่านเซียนมอบปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้เพื่อให้เขาเปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกาย ได้รับร่างวัชระถือได้ว่าเป็นการปูทางให้เขาล่วงหน้า และยังเป็นการมอบความสามารถให้นำตู้เย็นกลับมาให้เขาด้วย!

ได้ยินคำกล่าวของยอดฝีมือวัยกลางคน พื้นที่มิติกาลเวลาแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง มิหนำซ้ำ กฎแห่งสวรรค์และโลกปั่นป่วนรุนแรงพึ่งพาได้เพียงพละพลังกายเนื้อเท่านั้น!

ทั้งหมดนี้อยู่ในการคำนวณของท่านเซียนแล้ว!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ทำงานให้ท่านเซียน เขาไม่รู้ว่าตนได้รับโชคในการฝึกตนมามากเพียงใด ปัจจุบันถึงได้มีโชคเข้าข้างถึงเพียงนี้!

‘สงบนิ่งไว้ จะทำผิดพลาดไม่ได้ ท่านเซียนปูทางให้ข้าไว้ดิบดีถึงขนาดนี้ ข้าต้องทำตามคำสั่งให้แล้วสิ้น!’

เขาเอ่ยกำชับตัวเองในใจ พยายามทำให้ตัวเองสงบสติอารมณ์แล้วคิดทบทวนเรื่องราวอย่างรอบคอบระมัดระวัง

ลัทธิไท่เสวียนขอความช่วยเหลือจากเขา ให้เขาเข้าสู่แดนลับเพื่อแย่งชิงโชคชะตา

แย่งชิง…

นี่แสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่ลัทธิไท่เสวียนรู้ว่าแดนลับอยู่ที่ใด แต่ยังมีกองกำลังอื่นที่รู้ว่าแดนลับอยู่ที่ใดด้วย

ไม่เช่นนั้น เหตุใดต้องแย่งชิงด้วยเล่า?

อย่าเพิ่งไปคิดถึงกองกำลังอื่น เอาแค่ลัทธิไท่เสวียนเองก็มีกองกำลังแฝงอยู่ แล้วเขาจะกล้าแย่งชิงกับลัทธิไท่เสวียนได้อย่างไร?

แม้ว่าเขาจะมีร่างวัชระที่เปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกาย และไม่กลัวการแย่งชิงในแดนลับ

แต่หลังออกมาจากแดนลับเล่า?

เกี่ยวกับกองกำลังซ่อนเร้นลัทธิไท่เสวียนเขาไม่รู้มากนัก ยิ่งไม่รู้ว่าเดิมทีกองกำลังซ่อนเร้นของลัทธิไท่เสวียนมีกำลังต่อสู้แบบใดอยู่

ออกมาแล้วยังจะต้านทานได้หรือ?

ยอดฝีมือชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นคนเจรจา มีกำลังเทียบเท่าไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ หากเทียบกับกองกำลังซ่อนเร้นลัทธิไท่เสวียนไม่แน่อาจแข็งแกร่งยิ่้งกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์…

ร่างวัชระทำให้เขาไม่เกรงกลัว หากต้องต่อสู้กับบรรดาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ ด้วยมีจุดลับทั้งห้าของร่างกายที่เปิดออกแล้ว มันทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวในภาคกลางได้อย่างไร้ผู้เทียบเคียง!

แต่เมื่อต้องเผชิญกับกองกำลังซ่อนเร้นเฉกเช่นลัทธิไท่เสวียนที่ไม่รู้กำลังแน่ชัด เขาไม่มั่นใจนัก…

หากเขานำตู้เย็นออกมาจากเขตแดนลึกลับ แต่ไร้ความสามารถในการปกป้อง จนถูกกองกำลังซ่อนเร้นเหล่านี้แย่งชิงเอาไป ก็นับได้ว่าโชคร้ายจริง ๆ!

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรู้สึกว่าตนเองเคลื่อนไหวได้ไม่ง่ายนัก!

“เรื่องนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เหตุใดสหายเต๋าจึงไม่พักในแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อน ให้ข้าได้คิดไตร่ตรองดี ๆ แล้ว ค่อยให้คำตอบแก่สหายเต๋า”

เขากล่าวกับยอดฝีมือชายวัยกลางคนเช่นนั้น

“การแย่งชิงแดนลับใกล้เข้ามาแล้ว และเหลือเวลาอีกไม่มาก…”

ยอดฝีมือชายวัยกลางคนขมวดคิ้วพลางกล่าว “กล่าวตามตรงข้าไม่กลัวประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์ในใต้หล้านี้ไม่คู่ควรกับนามแดนศักดิ์สิทธิ์เสียด้วยซ้ำ ล้วนเป็นเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์จอมปลอมเท่านั้น แม้ว่าลัทธิไท่เสวียนของข้าจะแข็งแกร่งน้อยลง และด้อยกว่าสมัยโบราณกาลมาก ทว่าเรียกลัทธิแม้ไม่เข้าที แต่พวกเรายังคงดีกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จอมปลอมนัก เรียกได้ว่าเป็นลัทธิกึ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น!”

หลังจากพูดจบ อีกฝ่ายก็ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งขอบเขตการบ่มเพาะของเขาออกมา

“ขอบเขตพรตเต๋า!”

รูม่านตาของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหดลงทันที ราวกับคาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง

เขาประเมินความแข็งแกร่งของยอดฝีมือชายวัยกลางคนผู้นี้ต่ำไปจริง ๆ ขอบเขตของยอดฝีมือผู้นี้นั้นเหนือกว่ายอดฝีมือในแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดไปแล้ว!

ขอบเขตเอกามายังขอบเขตก่อกำเนิดนภา เหนือกว่าขอบเขตก่อกำเนิดนภาคือขอบเขตพรตเต๋า!

โดยส่วนใหญ่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายล้วนแต่อยู่ขอบเขตก่อกำเนิดนภากัน เขาเองก็อยู่ขอบเขตก่อกำเนิดนภาเช่นกัน

ขอบเขตพรตเต๋าคือ ขอบเขตขนาดใหญ่ที่เป็นจุดของปากแม่น้ำ ก่อนเข้าสู่ขอบเขตของเต๋าที่แท้จริง ซึ่งขอบเขตนี้มีเต๋าทั้งหมดอยู่เก้าขั้น นั่นคือขั้นเต๋าแรกเริ่ม ขั้นรวบรวมเต๋า ขั้นก่อกำเนิดเต๋า ขั้นหลอมรวมเต๋า ขั้นปราณเต๋า ขั้นอุบัติแห่งเต๋า ขั้นรอบรู้เต๋า ขั้นตื่นรู้เต๋า และขั้นเต๋าบรรจบ

ขอบเขตขั้นนี้ยากจะบรรลุเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงในเหยียนโจว แค่ทั่วทั้งดินแดนหยิน ผู้ที่อยู่ในขอบเขตพรตเต๋าสามารถเรียกได้ว่า แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!

เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ยอดฝีมือชายวัยกลางได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าแล้ว!

จำต้องทราบว่า บรรดาผู้คนของแดนศักดิ์สิทธิ์นับตั้งแต่โบราณกาลจวบจนถึงปัจจุบัน มียอดฝีมือขอบเขตพรตเต๋าปรากฏออกมาน้อยนัก และสามารถนับได้ด้วยนิ้วข้างเดียวเท่านั้น…

ทว่านั่นก็เป็นเรื่องเมื่อนานมากแล้ว

ถึงแม้ตอนนี้ขอบเขตผู้คนในแดนศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดนภา แต่การทะลวงขอบเขตก่อกำเนิดนภาเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋านั้นแทบจะไม่มีความหวังอะไรเลย

หนึ่งขอบเขตโลกา หนึ่งขอบเขตสวรรค์ ประโยคนี้ใช้ได้กับขอบเขตพรตเต๋า

บรรดายอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ในอดีตต่างบำเพ็ญจนถึงขอบเขตก่อกำเนิดนภา ทว่าสุดท้ายพวกเขากลับไม่สามารถเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าได้สำเร็จ และสิ้นชีวีในขอบเขตก่อกำเนิดนภา…

ขอบเขตพรตเต๋าชวนให้ผู้ฝึกตนรู้สึกสิ้นหวังอย่างแท้จริง มันควรจะถูกเรียกว่าขอบเขตสู่สวรรค์เสียด้วยซ้ำ เพราะการก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋านั้นแทบไม่มีความหวังเลย!

ขอบเขตพรตเต๋าถือเป็นขอบเขตที่ยอดฝีมือส่วนใหญ่ต่างเกรงกลัว ความแข็งแกร่งของพวกเขาถึงขั้นสามารถโค่นล้างแดนศักดิ์สิทธิ์สักแห่งได้อย่างง่ายดาย

แม้แต่กองกำลังพิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจหยุดผู้ฝึกตนที่อยู่ในขอบเขตพรตเต๋าได้…

ลัทธิไท่เสวียน…แข็งแกร่งกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย!

อีกทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ยังสู้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!

“ข้าเปิดเผยพลังก็เพื่ออยากให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าใจ หากลัทธิไท่เสวียนต้องการกระทำสิ่งใดย่อมสามารถกระทำได้ และนั่นรวมถึงบังคับให้ท่านประมุขเข้าร่วม โดยให้ท่านประมุขทำงานให้พวกเรา”

ยอดฝีมือชายวัยกลางคนกล่าวพลางส่ายหัว “แต่พวกเราไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะนั่นไม่สอดคล้องกับหลักคำสอนของลัทธิไท่เสวียนของพวกเรา…”

ยอดฝีมือที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าได้ หากอยู่ในภาคกลางย่อมสามารถกำเริบสานได้อย่างเต็มที่ ซ้ำยังสามารถทำทุกอย่างได้ตามปรารถนา แดนศักดิ์สิทธิ์เองเมื่อต้องเผชิญกับยอดฝีมือขอบเขตพรตเต๋าเข้าก็อาจถูกล้างบางได้ทุกเมื่อ

“พวกเรามาไหว้วานท่านประมุข ขอความช่วยเหลือจากท่านประมุขด้วยใจจริง ท่านประมุขไม่จำเป็นต้องคิดมากไป และไม่ต้องวิตกกังวลอะไรให้มากความ เพราะมันไม่มีเรื่องใดให้ท่านต้องกังวลอย่างแน่นอน…”

จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “ที่ข้าบอกเรื่องแดนลับให้ท่านประมุขก่อนหน้า ก็เพื่อแสดงความจริงใจของพวกเรา”

อย่าคิดเลย เจ้าคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราเลยสักนิดเดียว!

เขากำลังบอกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเป็นนัย ๆ ตอนนี้คิดอยากพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนออกไปทันทีด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าใจเช่นกันว่ายอดฝีมือชายวัยกลางคนหมายถึงอะไร

แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่อาจไปกับยอดฝีมือชายวัยกลางคนเช่นนี้ได้

ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาคงได้ถูกผู้อื่นเข่นฆ่ารังแกได้ตามใจชอบเป็นแน่…

“ข้าเข้าใจคำพูดของสหายเต๋า แต่ก่อนหน้านี้แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของข้าประสบปัญหาครั้งใหญ่ มีกองกำลังจำนวนมากปิดล้อมแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของข้า ตัวข้าออกจากแดนแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะต้องมีปัญหาตามมามากเป็นแน่”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวเสริม “เอาเช่นนี้ได้หรือไม่ ประเดี๋ยวข้าขอตัวไปจัดการมอบหมายงานก่อน จากนั้นจึงค่อยไปกับสหายเต๋า?”

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท