รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 121 ทลายแล้วก่อใหม่ สำเร็จร่างทองอมตะ!

บทที่ 121 ทลายแล้วก่อใหม่ สำเร็จร่างทองอมตะ!

บทที่ 121 ทลายแล้วก่อใหม่ สำเร็จร่างทองอมตะ!

ยื้อได้ก็ยื้อ!

โดยเฉพาะหลังจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้รู้ว่า อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือขอบเขตพรตเต๋า เขายิ่งไม่กล้าตามยอดฝีมือวัยกลางคนผู้นี้ไปง่าย ๆ

อย่างน้อย ๆ ก่อนเขาคิดหากลยุทธ์รับมือได้ เขาจะไม่ไปกับยอดฝีมือวัยกลางคนผู้นี้เป็นอันขาด

ปราศจากกลยุทธ์รับมือ ไปถึงที่นั่นแล้ว ต่อให้เขาได้ตู้เย็นมาก็รักษาไว้ไม่ได้!

มารยาทบ้าบอ ธรรมเนียมบ้าบออะไรนั่น เมื่ออยู่ต่อหน้าสมบัติก็ไม่ควรค่าให้พูดถึงสักนิด หากนำตู้เย็นออกมาได้จริง ๆ ลัทธิไท่เสวียนย่อมต้องยึดไปเป็นคนแรก!

“ย่อมได้ ข้าทราบมาว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเพิ่งจะผ่านพ้นหายนะครั้งใหญ่มา หากขอให้ท่านประมุขไปกับข้าประเดี๋ยวนี้ ก็ดูจะเป็นเรื่องน่าลำบากใจสำหรับท่านประมุขจริง ๆ”

ยอดฝีมือวัยกลางคนครุ่นคิด “เอาอย่างนี้ ข้าให้เวลาท่านประมุขจัดการปัญหาเหล่านี้หนึ่งวัน ท่านประมุขพอใจหรือไม่”

หากกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ย่อมไม่เป็นผลดีต่อลัทธิไท่เสวียนของพวกเขาเช่นกัน

หากไม่ถึงช่วงคับขันจริง เขาก็ไม่ต้องการทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่

เวลาหนึ่งวัน…ไม่นับว่าล่าช้าเกินไป

ส่วนถึงตอนนั้นหากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ยังคิดจะยื้อเวลาต่อไปอีก เขาก็ไม่มีทางตกลงด้วยเเป็นแน่แล้ว

ทว่าในความคิดของเขา ถึงเวลานั้นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคงไม่ทำเช่นนั้น และมิกล่าเอ่ยวาจาบอกปัด

ความสามารถที่เขาแสดงให้เห็น ช่วยให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ได้รับรู้ถึงความทรงพลังของพวกเขาลัทธิไท่เสวียน ว่านี่มิใช่สิ่งที่แดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนต่อกรด้วยได้ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไฉนเลยจะกล้าขัดขืน

นอกเสียจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเป็นบ้าเสียสติไป มิเช่นนั้นเขาย่อมไม่มีทางคัดค้าน…

ทว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งคนจะเป็นคนบ้าเสียสติได้อย่างไร?

ไม่กระมัง…

“ขอบคุณสหายที่เข้าใจ!”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยอย่างขอบคุณ และจัดหาที่พักให้ยอดฝีมือวัยกลางคนด้วยตัวเอง

หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว เขาก็เรียกหูช่วงเข้ามา

เขารู้สึกว่าเขาตกหล่นไปบางอย่าง…ท่านเซียนรอบรู้ทุกสิ่ง ไฉนเลยจะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ขึ้น ท่านเซียนต้องกำชับไว้ก่อนแล้วอย่างแน่นอน เพียงแต่เขายังนึกไม่ออก!

“หูช่วงเอ๋ย เจ้าจงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดยามที่เราได้พบท่านเซียนมาอย่างละเอียด ห้ามตกหล่นคำที่ท่านเซียนได้เอื้อนเอ่ยแม้แต่คำเดียว!”

เขาบอกหูช่วง

“ขอรับ”

หูช่วงรำลึกอย่างละเอียด และเล่าเหตุการณ์ในวันนี้โดยไม่ตกหล่นสักรายละเอียดเดียว

“จริงสิ ไยข้าถึงเลอะเลือนเยี่ยงนี้! ก่อนไปท่านเซียนได้กล่าวว่า ต้องรีบกินน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ให้หมด ขืนปล่อยไว้นานจะไม่ดี…”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตีหน้าผากตัวเอง ถึงบางอ้อในทันที!

หลังจากแบ่งน้ำเต้าหู้ให้ผู้อาวุโสและยอดฝีมือในแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไปคนละหยด มันก็ยังเหลือน้ำเต้าหู้อีกไม่น้อย

ส่วนปาท่องโก๋นั้นยิ่งไม่ได้แตะเลย

“เกือบทำความผิดมหันต์เสียแล้ว!”

เขาพูดอย่างอดไม่ได้ ความรู้สึกโชคดีเอ่อล้นไปทั้งหัวใจ

ครานั้นหลังจากแบ่งน้ำเต้าหู้กันแล้ว เขานึกไปว่าอยากเก็บน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เป็นสมบัติประจำแดนศักดิ์สิทธิ์ สืบทอดต่อกันไปรุ่นสู่รุ่น ช่วยให้ลูกศิษย์รุ่นหลังของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้รับโอกาสวาสนาเปลี่ยนแปลงชะตาแสนวิเศษนี้ด้วย

ถึงอย่างไรวาสนาการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก็นับว่าล้ำค่ายิ่งนัก!

บัดนี้มาคิดดู ๆ เขาในเวลานั้นได้ทำความผิดใหญ่หลวงลงไปแล้ว!

ท่านเซียนบอกแล้วแท้ ๆ ว่าให้รีบดื่มให้หมด…

เขาไม่กล้าละล้าละลัง นำน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ที่เหลือออกมา กินกับดื่มเข้าไปด้วยกัน!

ตู้ม!

หลังจากเขาได้กินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋อีกครั้ง ก็เหมือนกับมีเปลวเพลิงลุกไหม้ไปตามตัว ร่างทั้งร่างแดงก่ำพร้อมกับมีควันขาวพวยพุ่งออกจากร่างกาย แน่นอนว่านั่นคือไอร้อน!

จากนั้น รูขุมขนทุกจุดบนร่างกายเขาก็เปิดกว้าง ก่อนจะมีของเหลวสีดำเหม็นคาวไหลออกมา!

พลังที่สั่งสมจากการกินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ก่อนหน้า ผสานกับพลังที่ได้จากการกินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ครั้งนี้ ทำให้กายเเนื้อของเขาถูกยกระดับขึ้นไปอีกครั้ง!

กระดูกในร่างเขาหักงอจนกลายเป็นเศษกระดูก ซ้ำแล้วสุดท้ายก็กลายเป็นผงกระดูก!

ขณะเดียวกัน อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายเขาก็แหลกระเบิด ถูกทำลายลงทั้งสิ้น!

“อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!”

เขาโหยหวนเสียงดังอย่างกลั้นไม่อยู่ ความเจ็บปวดระดับนี้ยากจะอดทนยิ่งนัก นี่มันช่างทรมานเหลือแสน!

ยังดีที่เขากับหูช่วงมาอยู่ในห้องลับ เสียงและคลื่นพลังจึงส่งไปไม่ถึงข้างนอก

ภายในห้องลับมีค่ายกลสลัก ปิดตายมิติพื้นที่นี้

ไม่อย่างนั้น เสียงร้องของเขาในยามนี้ย่อมดังสนั่นไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่!

“ท่านประมุข…”

หูช่วงเห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกหวาดผวาไม่น้อย เสียงตะโกนด้วยความเจ็บปวดของท่านประมุขทำให้เขาใจระทึกยิ่ง

ระดับขั้นของท่านประมุขสูงส่งออกปานนั้น แต่ยังเจ็บปวดรวดร้าวเกินทนถึงเพียงนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าความเจ็บปวดนี้น่ากลัวเพียงใด!

ภายในห้องลับเหลือเพียงเสียงตะโกนเพราะความเจ็บปวดของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ดังอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงหยุดเสียงร้องอันเจ็บปวดนี้ลง

ผิวภายนอกของเขาเริ่มเปล่งประกายแวววาวออกมา ซ้ำแล้วผิวพรรณยังผ่องใสประดุจเด็กทารกแรกเกิด ไร้ซึ่งจุดด่างพร้อยแม้แต่น้อย

เวลานี้อวัยวะภายในและกระดูกต่าง ๆ ในร่างกายเขาที่ระเบิดออกพลันรวมขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว และเสียงหัวใจเต้นครึกโครมก็ดังออกจากส่วนหน้าอก!

ตึก ตึก ตึก!

ทุกจังหวะการเต้นประหนึ่งอสนีบาตฟาดลงมา หูช่วงที่ยืนอยู่ข้างกายใจสั่นไม่หยุดเมื่อได้ยินเสียงนั้น!

ผ่านไปได้ระยะหนึ่ง เขาก็เบิกตาโพลง ประกายเทวะพวยพุ่ง เลือดลมท่วมท้นเดือดพล่านแผ่ซ่าน เทียบกับปีศาจโบราณแล้วเลือดลมของเขายังเดือดพล่านยิ่งกว่า!

“ทลายแล้วก่อใหม่ ขอบเขตกายา…ร่างทองอมตะ!”

เขาตื้นตันจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว สายตาเปี่ยมด้วยความเหลือเชื่อ

ร่างทองอมตะ เป็นขอบเขตกายาที่อยู่เหนือร่างวัชระไปอีก ความแกร่งกล้าของพลังกายนั้นคือ สามารถต้านทานการโจมตีจากอาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์!

“เมื่อครั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนของเราอยู่ในยุครุ่งโรจน์ บรรพชนที่บำเพ็ญจนได้มาซึ่งร่างทองอมตะก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย!”

เขากล่าวทั้งที่ตัวสั่นเทิ้ม “ไม่คิดเลย ในสถานการณ์ที่อยู่ในยุคซึ่งมีสิ่งแวดล้อมอันย่ำแย่ มิหนำซ้ำพลังโดยรวมของแดนศักดิ์สิทธิ์ยังอ่อนแอเยี่ยงนี้ ข้ากลับสามารถบำเพ็ญจนได้มาซึ่งร่างทองอมตะ บรรพชนของแดนศักดิ์สิทธิ์เองก็คงคิดไม่ถึงกระมัง!”

“ต้องขอบคุณท่านเซียนจริง ๆ!”

เขาคุกเข่ากับพื้น โขกศีรษะไปทางเมืองชิงซาน เพื่อแสดงความเคารพต่อท่านเซียน

หากไม่มีท่านเซียน ให้ตายเขาก็ไม่อาจฝึกฝนจนสำเร็จร่างทองอมตะ!

ไม่ต้องพูดถึงร่างทองอมตะ แม้แต่ร่างทิพย์กระดูกหิรัญ ร่างวัชระ ล้วนเป็นขอบเขตที่เขาฝึกฝนให้ตายอย่างไรก็ไม่สำเร็จ!

“ท่านเซียนสุดยอดจริง ๆ ทุกสิ่งล้วนอยู่ในการคำนวณของท่านเซียน!”

หลังจากเขาเสร็จจากคำนับแล้วลุกขึ้น ก็เอ่ยด้วยความสะท้อนใจเหลือแสน

เมื่อได้กินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ที่เหลือ เขาก็สำเร็จร่างทองอมตะ โดยไม่เหลือสักหยดและไม่เหลือสักชิ้น!

นี่หมายความท่านเซียนย่อมรู้แต่แรกว่า เขาต้องแบ่งน้ำเต้าหู้เหล่านั้นให้กับผู้อาวุโสและยอดฝีมือคนอื่น ๆ ในแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!

ท่านเซียนเหลือปริมาณไว้ให้เขาอย่างพอดี!

หากแบ่งให้ผู้อาวุโสและยอดฝีมือในแดนศักดิ์สิทธิ์มากกว่านี้อีกเพียงหยดเดียว เขาก็ไม่อาจสำเร็จร่างทองอมตะนี้ได้ ท่านเซียนคำนวณปริมาณที่เขาต้องแบ่งให้แก่ผู้อาวุโสและยอดฝีมือในแดนศักดิ์สิทธิ์ไว้ด้วย ซ้ำยังใส่เพิ่มเข้าไปให้ด้วย!

นับเป็นเรื่องที่เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรจริง ๆ ขอบเขตของท่านเซียนสูงส่งเพียงใด เขาไม่อาจคาดเดาได้เลยจริง ๆ!

“เอาล่ะ คราวนี้ข้าก็มั่นใจแล้ว”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคลี่ยิ้มออกมา และวาจาก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

ร่างทองอมตะผสานกับจุดลับทั้งห้าของร่างกาย แม้แต่อาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์เขาก็ต้านทานได้ไหว มหาลัทธิหรือเผ่าใหญ่ซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจลับอย่างลัทธิไท่เสวียนจะแกร่งแค่ไหนเขาก็ไม่กลัวอีกแล้ว!

“เจ้าอยู่ที่นี่ ไปเตรียมการกับนิกายลับสวรรค์เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น!”

เขาสั่งหูช่วง

ผู้เฒ่าเมิ่งจีติดตามอยู่ข้างกายท่านเซียน มิหนำซ้ำเจ้านิกายแห่งนิกายลับสวรรค์ยังเคยช่วยเป็นธุระให้ท่านเซียน พวกเขาถือว่าอยู่ในแนวรบเดียวกันแล้ว

แม้มีร่างทองอมตะและเขาก็มั่นใจมากว่ามันมีพลังพอ แต่กระนั้นเขามิกล้าประมาทอยู่ดี อย่างไรแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ที่ท่านเซียนมอบหมายให้ลุล่วงจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด!

นิกายลับสวรรค์มีกำลังพลแข็งแกร่ง อีกทั้งท่านเซียนก็มิใช่ผู้ที่ปฏิบัติต่อผู้รับใช้ตนอย่างไม่ยุติธรรม คิดแล้วนิกายลับสวรรค์คงได้รับผลประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน ไม่แคล้วว่าพลังในตอนนี้อาจแข็งแกร่งสุดยอดยิ่ง!

เขาหยิบลูกแก้วออกมาสองลูก ยื่นให้หูช่วงหนึ่งลูก และเก็บไว้เองหนึ่งลูก

ลูกแก้วสองลูกนี้มีแมลงตัวใหญ่หนึ่ง ตัวเล็กหนึ่งเวียนวนอยู่ภายใน สิ่งนี้คือลูกแก้วมารดาบุตร

ลูกแก้วที่เขาเก็บไว้เป็นลูกแก้วแมลงบุตร หลังจากบีบลูกแก้วแมลงบุตรจนแตก แมลงมารดาย่อมรู้สึกได้ ถึงครานั้น หูช่วงสามารถตามหาเขาผ่านลูกแก้วแมลงมารดา

“หากรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ข้าจักบีบลูกแก้วแมลงบุตรให้แตก เพราะฉะนั้นเจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ!”

เขากำชับด้วยสีหน้าขึงขัง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท