รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 128 บุญวาสนาขั้นสูงสุด ท่านเซียนพาข้ากลับลานเต๋า!

บทที่ 128 บุญวาสนาขั้นสูงสุด ท่านเซียนพาข้ากลับลานเต๋า!

บทที่ 128 บุญวาสนาขั้นสูงสุด ท่านเซียนพาข้ากลับลานเต๋า!

หลี่จิ่วเต้าพาพวกเด็ก ๆ ออกจากเขาลี่ ส่วนสือเฟิงเดินตามมาอยู่ด้านหลังโดยไม่พูดไม่จาแม้แต่น้อย

เขากล้าเอ่ยวาจามั่วซั่วเสียที่ไหน

ตัวตนผู้ดำรงอยู่ตรงหน้านับว่าเหนือจินตนาการยิ่ง หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความยำเกรงและหวาดหวั่น ได้แต่เพียงทำตามที่เขาบอกเท่านั้น

เมื่อลงจากเขาลี่มาได้ พวกหลี่จิ่วเต้าก็พบปะชาวเมืองชิงซานจำนวนไม่น้อย

คนเหล่านี้ล้วนต้องการไปเที่ยวเล่นชมทิวทัศน์ที่เขาลี่

หลี่จิ่วเต้าเตือนคนเหล่านี้ว่ามีสัตว์ป่าจำนวนมากบุกเข้าไปถึงเขาลี่ ถึงจะโดนกำจัดหมดแล้ว แต่กระนั้นระมัดระวังตัวไว้หน่อยย่อมดีกว่า

“ช่วงนี้อย่าเพิ่งเข้าไปเลย รอให้สถานการณ์มั่นคงแล้วจริง ๆ ค่อยว่ากันอีกที”

หลี่จิ่วเต้าครุ่นคิดไปมา สัตว์ป่าอาละวาดไปทั่ว ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะมีสัตว์ป่าโผล่ไปที่เขาลี่อีก หากขึ้นเขาลี่ในช่วงนี้ย่อมไม่เป็นการดี และอาจส่งผลอันตรายได้

“หา? มาจากที่อื่นหรือ?”

“เจ้าพวกผู้ฝึกตนและสัตว์ร้ายจากสี่ภูมิภาคช่างน่าแค้นนัก ก่อความวุ่นวายจนโกลาหลไปหมด สัตว์ป่ายังหวาดกลัวจนหนีหัวซุกหัวซุน!”

คนเหล่านี้ขบฟันแน่น เอื้อนเอ่ยความในใจออกมาอย่างคับแค้น

เขาลี่ไม่เคยมีสัตว์ป่าปรากฏมาก่อน ทว่าบัดนี้กลับปรากฏสัตว์ป่าบุกเข้ามา แน่นอนว่าย่อมมาจากที่อื่น

สัตว์ป่าพวกนี้กลัวตายเช่นกัน!

“พวกเขาได้จ่ายราคาการมาแล้ว ชีวิตพวกเขาต้องจบสิ้นลงที่แดนบูรพาทิศ บัดนี้ทั้งสี่ภูมิภาคคงรู้แจ้งถึงความเก่งกาจของแดนบูรพาทิศ เพราะฉะนั้นจากนี้ต่อไป ผู้ฝึกตนและสัตว์ร้ายจากอีกสี่ภูมิภาคคงมิกล้ามาก่อความวุ่นวายที่แดนบูรพาทิศของเราอีกแล้ว!”

หลี่จิ่วเต้ากล่าว

สือเฟิงได้ยินประโยคนี้แล้วพลันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

เขานึกถึงประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนขึ้นมา…

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอาละวาดปลิดชีพคนไปมากมายในแดนบูรพาทิศ ผู้ฝึกตนและสัตว์ร้ายที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ทำลายเมืองปุถุชนในแดนบูรพาทิศ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่ปล่อยไว้สักคน

แม้กระทั่งเหล่าผู้ฝึกตนและสัตว์ร้ายที่หนีออกจากแดนบูรพาทิศจนกลับถึงกลุ่มอำนาจที่ตนอยู่ ยังไม่อาจมีชีวิตรอดต่อไปได้ ล้วนถูกผู้อาวุโสและยอดฝีมือจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไล่ฆ่าเป็นหมื่นลี้ จบชีวิตลงกันทั้งสิ้น!

เรื่องราวนี้เป็นปริศนาใหญ่ในภาคกลาง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเหตุใดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนถึงต้องทำเช่นนี้

แน่นอนว่าการกระทำนี้ไม่ส่งผลดีต่อความก้าวหน้าของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างยิ่ง กลายเป็นว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสร้างศัตรูไปทั่ว…

หากมีเหตุผลอื่นยังดี แต่เพราะเหตุผลนี้เป็นปุถุชนจำนวนหนึ่ง ซ้ำยังเป็นปุถุชนนอกภูมิภาคด้วย คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ!

แต่บัดนี้ดูเหมือนเขาจะเข้าใจขึ้นมาแล้ว!

ผ่านบทสนทนาระหว่างท่านเซียนและปุถุชน เขาดูออกว่าท่านเซียนห่วงใยปุถุชนมาก!

ทว่าผู้ฝึกตนและสัตว์ร้ายจากอีกสี่ภูมิภาคกลับก่อเหตุอุกฉกรรจ์ทำลายเมืองปุถุชนตามอำเภอใจ เข่นฆ่ามนุษย์ปุถุชนไปตั้งไม่รู้เท่าใด ท่านเซียนต้องโกรธเพราะเรื่องนี้แน่ ๆ!

เป็นไปได้สูงว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนปฏิบัติตามคำสั่งของท่านเซียน!

‘มีเพียงเช่นนี้…ทุกอย่างจึงจะสมเหตุสมผล!’

เขาเอ่ยในใจ

ไม่ว่าจะเป็นร่างวัชระ หรือร่างทิพย์กระดูกหิรัญ ต่างเป็นขอบเขตที่บำเพ็ญได้ยากยิ่ง ต่อให้อยู่ในยุคโบราณกาลก็เป็นเช่นนี้!

กระนั้น ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและบรรดาผู้อาวุโสยอดฝีมือภายในแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนที่เคยเดินทางไปยังแดนบูรพาทิศ เมื่อกลับมาก็ครอบครองร่างวัชระและร่างทิพย์กระดูกหิรัญ!

เขาคิดดูแล้ว ทั้งหมดนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับท่านเซียน!

“โอกาสการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงที่สุดแห่งแดนบูรพาทิศก็คือท่านเซียนนี่เอง!”

เขาเอ่ยในใจอย่างอดไม่ได้ และตื่นเต้นขึ้นไปอีก

มีได้มีเสีย ชีวิตก็เป็นเช่นนี้แล!

ถึงแม้บรรดาศิษย์พี่ร่วมสำนักจะไม่ยอมพาเขาไปผจญภัยในแดนบูรพาทิศด้วย ทว่าเขากลับได้พบโอกาสการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวงที่สุดแห่งแดนบูรพาทิศ!

“บนเขายังมีคนอยู่ พวกเจ้าไปบอกพวกเขาหน่อยเถิด แล้วตอนที่กลับมาถึงในเมือง ให้บอกข่าวกับคนในเมืองด้วยว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งไปเขาลี่ หากออกจากเมืองก็ต้องระวังตัวให้มาก!”

หลี่จิ่วเต้ากล่าว

“ได้!”

“พวกเราจะไปแจ้งประเดี๋ยวนี้!”

คนพวกนั้นตอบรับ ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางเขาลี่ เพื่อแจ้งคนบนเขาให้ลงจากเขาลี่

ส่วนหลี่จิ่วเต้าพาเด็ก ๆ กลับไปยังเมืองชิงซาน

เขาพาเด็ก ๆ ไปส่งถึงบ้านของแต่ละคน ก่อนจะกลับไปที่ร้านพร้อมกับสือเฟิง

ระหว่างทาง ผู้ใดได้พบหลี่จิ่วเต้าต่างทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง นับเป็นภาพที่ดูสนิทสนมยิ่ง

ส่วนหลี่จิ่วเต้าเองก็ตอบรับทุกคนด้วยรอยยิ้ม

‘ดูเหมือนท่านเซียนกำลังพเนจรบนโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชนอยู่…!’

สือเฟิงตาลุกวาว และเอ่ยกับตนเองในใจ

ตลอดทางที่เดินมา เขารู้สึกตัวว่าท่านเซียนเรียกขานตนเองเสมือนปุถุชน ส่วนคนในเมืองชิงซานก็มิได้ล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของท่านเซียน

เขาแอบจดจำข้อนี้ไว้!

เมื่อมาถึงหน้าร้าน เด็กหนุ่มก็พิจารณาพื้นที่โดยรอบ แต่เมื่อสายตาของเขาสบเข้ากับคำว่า ‘เต๋า’ บนป้ายหน้าร้าน หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาในทันที

แค่ตัวอักษรเดียวเท่านั้น กลับมีจังหวะแห่งเต๋าและความหมายแห่งเต๋าอันสูงส่งน่าทึ่งไหลเวียนไม่ขาดสาย ตัวเขามีระดับขั้นต่ำเกินไป ไม่อาจตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงได้ หากเขามีระดับขั้นสูงกว่านี้ เขาย่อมได้รับอะไรหลายอย่างจากสิ่งนี้แน่นอน!

‘ที่นี่คือลานเต๋าของท่านเซียนในโลกมนุษย์อย่างนั้นหรือ!?’

หัวใจเขาเต้น ‘ตึกตัก’ เร็วไม่หยุด คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าโอกาสวาสนาการเปลี่ยนแปลงจะหล่นกระแทกหัวเขาเข้าอย่างจัง ท่านเซียนพาเขามาถึงลานเต๋าของท่านเองเลยหรือนี่!

‘เย็นไว้ก่อน เย็นไว้ จงจำไว้ว่าอย่าผลีผลามสติเตลิดเพราะการนี้ ประเดี๋ยวเผลอทำอะไรโง่ ๆ ต่อหน้าท่านเซียนเข้า…’

เขาเตือนตัวเองในใจ

นี่คือโอกาสวาสนาการเปลี่ยนแปลง ทั้งชีวิตนี้ของเขาเกรงว่าจะมีโอกาสเช่นนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น!

จะทำลายโอกาสนี้ทิ้งไม่ได้เด็ดขาด!

มิฉะนั้น หากสูญเสียวาสนาการเปลี่ยนแปลงนี้ไป ก็เป็นไปได้ว่าชีวิตของเขาอาจถึงจุดสิ้นสุด…

“ที่นี่คือร้านที่ข้าเปิด ส่วนด้านหลังคือลานเล็กที่ข้าอาศัยอยู่…”

หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม พร้อมกับพาสือเฟิงเข้าไปในร้าน

ทันทีที่เข้าไป สือเฟิงก็ถูกจังหวะแห่งเต๋าอันสูงส่งล้อมรอบกายทันที จังหวะแห่งเต๋าเกินหยั่งไหลเวียนอยู่ในทุกภาพวาด น่าทึ่งและน่าเหลือเชื่อเกินไป!

หัวใจสือเฟิงเต้นระรัวยิ่งขึ้น ที่นี่ช่างเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของท่านเซียนจริง ๆ ถ้าเขาได้บำเพ็ญตนที่นี่ ต่อให้ร่างกายของเขามีปัญหาหนักหนาเพียงใด การฝึกตนของเขาย่อมต้องได้ผลลัพธ์มหาศาล จวบจนได้ยกระดับขอบเขตเป็นทวีคูณ!

“นายท่านกลับมาแล้วหรือ!?”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีนั่งอยู่ด้านหลังร้าน เมื่อเห็นท่านเซียนกลับมาก็รีบลุกไปต้อนรับทันที

ท่านเซียนพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเล่นที่เขาลี่ ส่วนเขาอยู่เฝ้าร้านที่นี่

“อืม”

หลี่จิ่วเต้าพยักหน้าให้ผู้เฒ่าเมิ่งจีเล็กน้อย

เขานึกในใจว่าประเดี๋ยวต้องคุยกับผู้เฒ่าเมิ่งจีอย่างจริงจังเสียแล้ว ผู้เฒ่าเมิ่งจีจะพำนักอยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะเขาเคยชินกับชีวิตที่เงียบสงบคนเดียวไปแล้ว…

ที่สำคัญอีกฝ่ายฟื้นตัวจนเป็นปกติแล้ว พำนักอยู่ที่นี่หรือไม่ย่อมมิได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด

‘ไว้ลองถามดูแล้วกัน หากผู้เฒ่าเมิ่งจีไม่มีที่ไปจริง ๆ ข้าจะเช่าลานเล็ก ๆ ให้เขาอยู่ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ขาดแคลนเงิน’

หลี่จิ่วเต้ากล่าวในใจ

“คนผู้นี้คือ…”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีเห็นเด็กหนุ่มด้านหลังท่านเซียนก็เอ่ยปากถาม

“ข้ามีนามว่าสือเฟิงขอรับ”

สือเฟิงตอบผู้เฒ่าเมิ่งจีด้วยท่าทีนอบน้อม

ภายนอกเขามิได้แสดงออก ทว่าภายในจิตใจนั้นไม่สงบอย่างยิ่ง ซ้ำยังเต็มตื้นสุด ๆ

เขาจำผู้เฒ่าเมิ่งจีได้ ผู้เฒ่าเมิ่งจีคือผู้เฒ่าใหญ่แห่งนิกายลับสวรรค์ ซ้ำยังเป็นยอดฝีมือชื่อดังแห่งภาคกลาง วิชาพยากรณ์ของเขาน่าทึ่งเป็นที่สุด ยอดฝีมือในภาคกลางมากมายเคยขอให้ผู้เฒ่าเมิ่งจีช่วย

ผู้เฒ่าเมิ่งจีคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคกลางอย่างแท้จริง ด้วยสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ระดับผู้เฒ่าเมิ่งจีหาใช่บุคคลที่เขาจะข้องแวะด้วยได้…

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท