รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 134 อุปสรรคและภยันตรายมากเกินไป!

บทที่ 134 อุปสรรคและภยันตรายมากเกินไป!

บทที่ 134 อุปสรรคและภยันตรายมากเกินไป!

“ออกเดินทาง!”

ฟ้ายังไม่ทันสาง เจ้าลัทธิไท่เสวียนก็แต่งกายพร้อมออกเดินทางแล้ว บรรดาผู้อาวุโสกับยอดฝีมือต่างมารวมตัวกันที่ลานตั้งแต่เช้า

หนก่อนที่แดนลับเปิด พวกเขาไม่ได้สิ่งใดกลับมาเลย ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป พวกเขามีประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคอยช่วย โอกาสครอบครองสมบัติล้ำค่าในคราวนี้สูงมาก พวกเขาจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษ!

‘ยอดฝีมือขอบเขตพรตเต๋าหมดเลยนี่นา!’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมาที่นี่ก่อนเวลาเช่นกัน แต่เมื่อได้เห็นบรรดาผู้อาวุโสและยอดฝีมือแห่งลัทธิไท่เสวียนแล้วพลันรู้สึกสะท้านใจยิ่ง

ผู้ใดจะคิดว่าในภาคกลางยังมียอดฝีมือขอบเขตพรตเต๋าอยู่มากมายถึงเพียงนี้?

ขอบเขตพรตเต๋าเชียวนะ ขอบเขตที่เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายซึ่งเป็นยอดฝีมือขอบเขตก่อกำเนิดนภาต้องล้มเหลวในขอบเขตพรตเต๋า จะมิให้เขาสะท้านใจมากได้อย่างไร?

‘เกิดอะไรขึ้นในยุคโบราณกาลกันแน่’

คิ้วของเขาขมวดขณะคิดในใจ

ถึงแม้แดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะสืบสานวิชาจากยุคโบราณกาลมาได้ ทว่าการสืบสานนั้นกลับไม่สมบูรณ์ ยังมีการขาดตอนหลายช่วง

ยุคโบราณกาลเคยเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ตกทุกข์ได้ยากกันไปทั้งยุคสมัย ไม่มีกลุ่มอำนาจหรือสิ่งมีชีวิตใดรอด ทุกสิ่งล้วนตกเป็นเหยื่อของภัยพิบัติครานั้น

สิ่งแวดล้อมฟ้าดินในยุคนี้จึงย่ำแย่ลง ที่สิ่งมีชีวิตก้าวสู่ขอบเขตสูงขึ้นได้ยากนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติในยุคโบราณกาลทั้งสิ้น

ทว่าบันทึกเกี่ยวกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ครานั้นกลับน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ผู้คนไม่รู้เลยว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร และไม่รู้ว่าภัยพิบัติใหญ่ครั้งนั้นเป็นภัยใดกันแน่

แม้กระทั่งบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีการสืบสานมาตั้งแต่โบราณกาลก็ยังไม่ทราบถึงรายละเอียด

‘ภัยพิบัติใหญ่ครานั้นต้องใหญ่หลวงมากแน่ ๆ!’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคิดในใจด้วยความหนักอึ้ง

หลังจากภัยพิบัติครานั้นอุบัติขึ้น สิ่งแวดล้อมฟ้าดินเปลี่ยนแปลงมหันต์ ทั้งยังเลวร้ายลงอย่างมาก ยอดฝีมือรวมถึงเผ่าใหญ่ต่าง ๆ หายไปกันหมด แดนศักดิ์สิทธิ์ที่สืบสานกันมาก็ไม่สมนามของมันอีกต่อไป เพราะเหลือพลังไม่ถึงหนึ่งในร้อยของแดนศักดิ์สิทธิ์ในอดีต…

ด้วยเหตุนี้ จินตนาการออกได้เลยว่าภัยพิบัติใหญ่ครานั้นน่าสยดสยองปานใด!

เจ้าลัทธิไท่เสวียนนำทัพด้วยตัวเอง ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนติดตามเขาอยู่ข้างกาย ส่วนบรรดาผู้อาวุโสและยอดฝีมือเดินตามด้านหลัง ทั้งหมดทั้งมวลรุดหน้าเดินทางออกจากลัทธิไท่เสวียน

ตู้ม!

ทว่ายังเดินออกไปได้ไม่ไกลก็ถูกโจมตี ฝ่ามือสีทองมหึมาฝ่ามิติเข้ามา ลำแสงอสนีบาตวูบวาบอยู่รอบ ๆ คลื่นพลังอันน่ากลัวซัดสาด ภูผาแต่ละลูกระเบิดแตกออกในบัดดล!

เจ้าลัทธิไท่เสวียนมีสีหน้าเย็นชา เขากระโจนขึ้นพร้อมฟาดฝ่ามือออกไป คลื่นพลังเดือดพล่านซัดสาด ฟ้าดินถึงกับเปลี่ยนสี ก่อนจะปะทะเข้ากับฝ่ามือสีทองมหึมานั้น!

เสียงทุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้น ฝ่ามือสีทองสู้ไม่ได้ ฝ่ายนั้นถอยกลับไปในอากาศ ก่อนจะหายสาบสูญไป

“อำพรางลมปราณ ปิดผนึกมิติด้วยค่ายกล จนข้าไม่อาจตามไปได้…”

เจ้าลัทธิไท่เสวียนยิ้มเย็น เป็นดั่งที่เขาคาดเดาจริง ๆ ใครบางคนไม่ต้องการให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าไปในแดนลับ

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนผู้ครอบครองร่างวัชระเป็นอันตรายเกินไป พวกเขากลัวว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าไปในแดนลับแล้วจะกวาดล้างสมบัติล้ำค่าไปทั้งหมด จนพวกเขาไม่ได้อะไรกลับ

นับตั้งแต่แดนลับเปิดคราวก่อนก็ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว กลุ่มอำนาจทั้งหลายมีการเตรียมตัวอย่างแน่นอน ต่างมั่นใจว่าสามารถชิงสมบัติล้ำค่าในแดนลับไปได้

ทว่าการปรากฏตัวของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนทำให้ผิดแผนไปหมด

พวกเขาเกรงกลัวประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน จึงต้องการชิงลงมือกำจัดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน!

หากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าไปในแดนลับ แล้วนำศาสตราลับกาลเวลาออกจากแดนลับได้ ทุกอย่างจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไป

พวกเขาไม่สามารถสู้รบปรบมือกันด้านนอกเพื่อแย่งชิงได้!

เหตุผลที่พวกเขาเก็บตัวไม่ยุ่งทางโลก การเผยตัวไม่ส่งผลดีต่อพวกเขา และหากพวกเขาต้องแย่งชิงด้วยการต่อสู้เอิกเกริกด้านนอก เช่นนั้นย่อมสร้างจุดสนใจได้มหาศาลแน่ และอาจเป็นการเปิดเผยถึงการดำรงอยู่ของพวกเขาทั้งหมด

นอกจากนี้ การต่อสู้ช่วงชิงด้านนอกจะยิ่งเพิ่มความเสียหายและอัตราบาดเจ็บล้มตายของพวกเขา

พวกเขาเข้าใจในเรื่องราวบางอย่าง และรู้ดีว่าพลังนั้นสำคัญไฉนในโลกยุคนี้ ความเสียหายและอัตราบาดเจ็บล้มตายสูงปานนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อยากเห็นเช่นกัน

เพราะอย่างนั้น หลังจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก้าวออกจากแดนลับ จักไม่มีเรื่องใดเปลี่ยนแปลงได้อีก ซ้ำยังยากจะทำศึกช่วงชิง

และเพราะประการฉะนี้ พวกเขาถึงไม่อยากเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าไปในแดนลับ

หากมิใช่เช่นนั้น พวกเขาไม่มีทางลงมือกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ซ้ำยังต้องคุ้มกันให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าไปในแดนลับได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังให้ความช่วยเหลือประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในแดนลับหากเขาต้องการ

ถึงอย่างไรประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็มีร่างวัชระ มีโอกาสนำศาสตราลับกาลเวลาออกมาได้มากกว่า

พวกเขาสามารถรอจนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนำศาสตราลับกาลเวลาออกมาแล้วค่อยทำการช่วงชิงด้านนอก

อนิจจา… พวกเขาทำอย่างนั้นไม่ได้!

การช่วงชิงจำต้องเกิดขึ้นในแดนลับเท่านั้น!

“ระวังตัวไว้!”

เจ้าลัทธิไท่เสวียนกำชับคำ ทันใดนั้นบรรดาผู้อาวุโสและยอดฝีมือก็เรียกศาสตราฉกาจออกมาทั้งหมด ส่วนเจ้าลัทธิไท่เสวียนเรียกอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ออกมาหนึ่งชิ้น!

สิ่งนี้เป็นเจดีย์เก่าแก่ มีทั้งหมดเก้าชั้น รอบ ๆ มันมีประกายศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอยู่ให้กลิ่นอายโบราณ ซ้ำยังมีร่องรอยกาลเวลาหนาแน่น เมื่อเรียกออกมาแล้วเจ้าลัทธิไท่เสวียนก็ถือมันไว้ในมือ

‘อาวุธจักรพรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์…!’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมองเจดีย์เก่าแก่แล้วถึงกับต้องตะลึง

รากฐานของลัทธิไท่เสวียนลึกล้ำเกินหยั่งจริง ๆ พวกเขามีอาวุธจักรพรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์สืบทอดต่อกันมาด้วย!

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ อาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์ อาวุธจักรพรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์!

แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไม่มีแม้แต่อาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์ ทว่าลัทธิไท่เสวียนกลับมีอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ในครอบครอง ช่างห่างชั้นกันมากเหลือเกิน!

‘ยังดีที่ข้ากับหูช่วงหวนนึกดูดี ๆ แล้วตระหนักถึงความหมายของท่านเซียน บำเพ็ญจนได้มาซึ่งร่างทองอมตะ มิฉะนั้น ข้าไม่มีความสามารถพอจะขัดขืนได้เลย!’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยในใจอย่างนึกโชคดีเหลือแสน

ร่างวัชระต้านทานอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ และการเปิดจุดลับทั้งห้าของมนุษย์ผนวกกับร่างวัชระ ก็สามารถต้านทานอาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์ได้

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์… วิชาเหล่านี้ใช้ไม่ได้เลย!

ยังดีที่ก่อนมา เขาฝึกฝนจนได้มาซึ่งร่างทองอมตะ!

ร่างทองอมตะสามารถต้านทานอาวุธราชันศักดิ์สิทธิ์ได้ ผนวกกับจุดลับทั้งห้าของมนุษย์ เขาสามารถต้านทานอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน

เป็นผลให้เขามีพลังพอจะขัดขืนอย่างไม่ต้องสงสัย!

ฟิ้ว!

พวกเขาเดินออกไปได้ไม่ไกล ศรสีแดงขนาดใหญ่ที่มีประกายสยดสยองวูบไหวก็ยิงเข้ามากลางอากาศฉับพลัน เป้าหมายครั้งนี้ยังคงเล็งตรงมายังประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเช่นเดิม!

เบื้องหน้าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีผู้อาวุโสและยอดฝีมือจากลัทธิไท่เสวียนคอยปกป้องอยู่ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าศรสีแดงเล่มใหญ่นี้ บรรดาผู้อาวุโสและยอดฝีมือกลับสู้ไม่ได้เลย พวกเขากระเด็นไปอีกด้านด้วยแรงกระแทกในพริบตา!

ภายในศรสีแดงเล่มใหญ่มีพลังแสนน่ากลัวแฝงอยู่!

ฟึ่บ!

นาทีคับขัน เจ้าลัทธิไท่เสวียนเร่งอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เจดีย์เก่าแก่ ภายในเจดีย์เก่าแก่มีประตูชั้นหนึ่งเปิดออก ลำแสงเจิดจ้าทิ่มแทงออกจากภายใน บดบังศรสีแดงขนาดใหญ่นี้ไว้!

บังเกิดเสียงดังตู้ม ศรสีแดงเล่มใหญ่ระเบิดแหลกลาญ พลังที่เจืออยู่ลำแสงเจิดจ้านั้นเพิ่มความสยองยิ่งขึ้น!

“อาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่รู้จัก!”

เจ้าลัทธิไท่เสวียนมีสีหน้าเย็นเยียบ ศรสีแดงเล่มใหญ่มีอานุภาพของอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน นี่เป็นศรขนาดใหญ่ที่ถูกยิงออกด้วยอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!

และเท่าที่จำได้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีกลุ่มอำนาจใดที่ครอบครองอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ประเภทนี้

นี่คืออาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก!

เห็นได้ชัด ผู้ที่ลงมืออยู่ตอนนี้เหมือนกับผู้ที่ลงมือก่อนหน้า ต่างไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน ด้วยเหตุนี้ คนก่อนหน้านี้ถึงอำพรางลมปราณ ปิดผนึกมิติ ไม่ยอมให้เขาได้ไล่ตาม ส่วนฝ่ายหลังใช้อาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท