รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 133 ผู้มีกายาพิเศษ ลูกรักสวรรค์!

บทที่ 133 ผู้มีกายาพิเศษ ลูกรักสวรรค์!

บทที่ 133 ผู้มีกายาพิเศษ ลูกรักสวรรค์!

กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง ถือเป็นหนึ่งในสิบกายาซึ่งแกร่งกล้าที่สุดในยุคโบราณกาล!

การฝึกตนเป็นเรื่องของพรสวรรค์และศักยภาพ

หากปราศจากศักยภาพ ย่อมยากจะก้าวสู่เส้นทางฝึกตน และเป็นได้เพียงปุถุชนเท่านั้น

เมื่อใดที่ผู้มีพรสวรรค์ได้ก้าวสู่เส้นทางฝึกตน จักบำเพ็ญได้เร็วกว่าผู้ไร้พรสวรรค์ และประสบความสำเร็จสูงกว่า!

นอกจากนี้ เหนือผู้มีพรสวรรค์แล้ว ยังมีผู้มีกายาพิเศษอีกด้วย!

ผู้มีกายาพิเศษเหล่านี้ เมื่อได้ก้าวสู่เส้นทางฝึกตน มักแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนระดับขั้นเดียวกัน และถือเป็นการดำรงอยู่ระดับราชันท่ามกลางผู้ที่อยู่ระดับขั้นเดียวกัน!

พวกเขาทำได้แม้กระทั่งทำลายกฎที่รับรู้โดยทั่วกัน เอาชนะผู้มีขอบเขตสูงกว่าด้วยขอบเขตที่ต่ำกว่า!

ต้องทราบว่า แต่ละขอบเขตนั้นมีขีดจำกัดที่ต่างออกไป ขอบเขตอยู่เหนือขอบเขต พลังที่ขอบเขตสูงกว่าครอบครองนั้นสูงกว่าขอบเขตต่ำกว่ามาก มิฉะนั้นคงไม่มีการแบ่งแยกความแตกต่างของแต่ละขอบเขต

ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นเป็นชนชั้นหัวกะทิท่ามกลางผู้ฝึกตนในระดับขั้นเดียวกัน ทว่าไม่อาจเป็นราชัน มิได้ไร้เทียมทัน และไม่อาจต่อสู้ข้ามขอบเขต

แต่ผู้มีกายาพิเศษ ไม่ว่าเป็นสภาพร่างกายแบบใด ต่อให้เป็นสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าผู้อื่นเพียงนิดเดียว พวกเขาก็สามารถอยู่เหนือผู้ฝึกตนร่วมระดับขั้นได้ และบำเพ็ญได้ผลเก่งกาจกว่าผู้ฝึกตนในระดับขั้นเดียวกัน!

ส่วนผู้มีกายาพิเศษอันแข็งแกร่ง สามารถเป็นราชันของคนระดับขั้นเดียวกัน และอาจเป็นราชันในระดับขั้นที่สูงขึ้นไปหนึ่งขอบเขต เป็นผู้ไร้เทียมทาน!

ท่ามกลางกาลเวลาแสนยาวนาน เคยมีผู้มีกายาพิเศษเกิดขึ้นมานับคณา กลุ่มชนจำแนกสภาพร่างกายเหล่านี้ออกเป็นประเภทพร้อมจัดอันดับ

กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง หนึ่งในสิบกายาซึ่งแกร่งกล้าที่สุดในยุคโบราณกาล

กายาเช่นนี้ ถือเป็นราชันของระดับขั้นที่เหนือขึ้นไปได้ถึงห้าขอบเขต อ้างตนว่าไร้เทียมทานได้โดยไม่มีปัญหา!

ส่วนผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดินั้นล้วนเป็นมดปลวกทั้งสิ้น…

ประโยคนี้เป็นการอธิบายถึงขอบเขตจักรพรรดิ ขอบเขตจักรพรรดิยิ่งใหญ่ไร้เทียบเทียม อยู่เหนือทุกสิ่ง หากไม่เป็นจักรพรรดิย่อมมิอาจเข้าต่อสู้ด้วยได้เลย

ต่อให้เป็นพลังรบขั้นสูงสุดที่เฉียดใกล้ขอบเขตจักรพรรดิสุดขีดก็ไม่ได้ ขอบเขตจักรพรรดิเพียงยกมือก็สามารถเข่นฆ่าได้อย่างง่ายดายแล้ว

ทว่าเหตุการณ์แบบนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าสิบอันดับกายาพิเศษแห่งยุคโบราณกาล ขอบเขตสูงสุดของสิบอันดับกายาพิเศษแห่งยุคโบราณกาล สามารถเข้าต่อสู้กับขอบเขตจักรพรรดิได้!

มิหนำซ้ำ กายาสวรรค์หงเหมิงซึ่งอยู่อันดับหนึ่งยังสามารถต่อสู้กับขอบเขตจักรพรรดิด้วยขอบเขตที่ต่ำกว่าได้อีกด้วย นับเป็นเรื่องที่น่ากลัวและน่าทึ่งยิ่ง!

นี่คือจุดสุดยอดของการมีร่างกายแบบพิเศษ!

กล่าวโดยไม่เกินจริง ผู้มีกายาพิเศษเป็นดั่งลูกรักสวรรค์ เกิดมาก็สามารถยืนตระหง่านอยู่บนมวลเมฆ เหนือกว่าสรรพชีวิตทั้งปวง!

“กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง จำต้องมีสุดยอดวิถีคอยนำร่องจึงจะเรืองรองได้อย่างไร้ขีดจำกัด…”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีมองสือเฟิง พลางบอกเล่าถึงคำอธิบายที่จารึกไว้ในคัมภีร์โบราณเกี่ยวกับกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง

กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องแตกต่างจากกายาพิเศษอื่น ๆ

กายาพิเศษอื่นๆ คงสภาพมาตั้งแต่เกิด ไม่จำเป็นต้องมีการแนะแนวนำร่อง ทว่ากายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องมิได้เป็นเช่นนั้น

หากกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องไม่มีสุดยอดวิถีคอยนำร่อง ย่อมไม่มีทางเปล่งประกายเจิดจ้าเรืองรอง และอาจไม่สามารถบำเพ็ญได้เลย

“ด้วยความพิเศษนี้ของกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง ที่จำต้องมีสุดยอดวิถีคอยชักนำจึงจะฝึกได้ เพราะอย่างนั้น กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องในช่วงต้นถึงสำแดงฤทธิ์เดชพรสวรรค์น่าทึ่งออกมา เพื่อเป็นที่จับตามองและส่งผลให้ผู้อื่นเกิดความต้องการช่วยชี้นำการเปิดกายาศักดิ์สิทธิ์!”

สุดยอดวิถีไม่มีทางจุติลงมาชักนำด้วยตนเอง

กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องทั้งหมดที่เคยมีมาในอดีต ต่างมีวิถีฉกาจและได้รับความช่วยเหลือจากผู้ทรงพลังเพื่อเปิดกายา

สถานการณ์ของสือเฟิงนั้น… เหมือนกับกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องที่บันทึกไว้เป๊ะ!

ช่วงต้นน่าทึ่งอย่างยิ่งยวด อยู่เหนือโอรสสวรรค์ทั้งปวง แต่เพียงไม่นานก็ชะงักงันไม่มีการพัฒนา ขอบเขตไม่สูงขึ้นอีก

ตอนนี้คิดดูแล้ว นี่เป็นการแสดงถึงกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องที่สือเฟิงครอบครอง!

เพียงแต่ไม่มีผู้ใดคิดถึงว่าสือเฟิงนั้นจะมีกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง…

นี่เพราะกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องไม่มีปรากฏมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว ไฉนเลยที่กลุ่มชนจะคิดไปถึงกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องได้…

อีกอย่าง ต่อให้คิดได้ว่าสือเฟิงมีกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง พวกเขาก็ไม่มีปัญญาแก้ไขอะไรอยู่ดี

เพราะพวกเขาไม่มีสุดยอดวิถีที่นำร่องกายาศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้…

มีเพียงสุดยอดวิถีอันสูงส่งเท่านั้นจึงจะนำร่องกายาศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ วิถีเต๋าธรรมดาทำไม่ได้เลย

เพราะอย่างนั้น กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องที่บันทึกไว้แต่โบราณกาลนั้น แท้จริงแล้วผู้ที่ช่วยเปิดกายาคือผู้ทรงพลังซึ่งมีความสามารถเทียมฟ้า!

“คิดดูดี ๆ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”

ดวงตาแมวของลั่วสุ่ยจ้องสือเฟิงเขม็ง กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องเชียวนะ หนึ่งในสิบอันดับกายาสุดแกร่งตั้งแต่ยุคโบราณกาล ขอบเขตไร้ความหมาย สามารถต่อสู้ข้ามระดับขั้น ความสำเร็จของสือเฟิงในอนาคตเกินกว่าจะจินตนาการได้จริง ๆ!

“ข้ามีกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องจริงหรือ”

สือเฟิงตื้นตันจนตัวสั่นเทา

เขาเพียงต้องการฝึกฝนได้ดั่งผู้ฝึกตนปกติ บรรลุขอบเขตอย่างที่ผู้อื่นเป็น ไม่คิดไม่ฝันจริง ๆ ว่าเขาจะมีร่างกายแกร่งสะท้านฟ้าถึงปานนี้!

“ทั้งหมดนี้สามารถพิสูจน์ได้ในวันหน้า!”

รอยยิ้มระบายอยู่เต็มใบหน้าของผู้เฒ่าเมิ่งจี เขาดีใจแทนสือเฟิงมาก

ชายชราชื่นชมสือเฟิง หลังรู้ว่าสือเฟิงมีกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องก็ดีใจแทนสือเฟิงจากใจจริง

“ท่านเซียน!”

น้ำตารินไหลลงจากดวงตาของสือเฟิง

ท่านเซียนปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงนี้ ช่วยเขาเปิดกายาศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะขอบคุณท่านเซียนอย่างไร!

ท่านเซียนคือผู้มีพระคุณที่ช่วยสร้างเขาขึ้นใหม่อีกครั้ง!

“ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นสายตานายท่าน นายท่านตั้งใจทำแกะเสียบไม้ให้เจ้ากิน เพื่อประทานมหากฎวิถีไร้เทียบเทียมแก่เจ้า ช่วยให้เจ้าได้เปิดกายาศักดิ์สิทธิ์!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีเข้าใจแล้วทุกอย่าง มิน่าวันนี้ท่านเซียนถึงทำแกะเสียบไม้ ซ้ำยังนำสุราออกมารับรองสือเฟิง

เขาตบบ่าสือเฟิง “จำไว้ ไม่ว่าวันหน้าเจ้าไปได้ถึงขั้นไหน บุญคุณใหญ่หลวงที่นายท่านมีต่อเจ้า เจ้าจักลืมไม่ได้เด็ดขาด ทั้งยังต้องจารึกไว้ในใจไปชั่วนิรันดร์!”

“ข้าทราบแล้ว!”

สือเฟิงพยักหน้าตอบขึงขัง

“เอาล่ะ ข้าไปนอนแล้ว จนตอนนี้ยังเวียนหัวอยู่เลย”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าว ริ้วแดงบนใบหน้าเขายังมิเสื่อมคลาย

ยังดีที่เขาค่อย ๆ กินเหล้าทีละน้อย ซ้ำเว้นช่วงไปนานพอสมควร ถึงได้ไม่เมาหัวราน้ำ

ถ้าไม่ได้เว้นช่วงไปนาน เขาคงเมาล้มฟุบไปกับพื้นไม่ได้สติไปนานแล้ว

“ข้าก็ด้วย…”

ริ้วแดงบนใบหน้าสือเฟิงยังไม่หายไป เขาบอกลาผู้เฒ่าเมิ่งจีและลั่วสุ่ย ก่อนจะทิ้งตัวลงเตียง นอนหลับสนิทไปทั้งคืน!

ณ ภาคกลาง

แสงจันทร์สุกสกาวดั่งสายน้ำ สาดส่องไปทั่วทุกพื้นที่ ดวงดาราแขวนอยู่บนนภาดูเจิดจ้าแยงตามิน้อย

ภายในลัทธิไท่เสวียน

“พักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปยังแดนลับ”

เจ้าลัทธิไท่เสวียนกล่าวกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

“ได้”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพยักหน้า ในที่สุดก็ถึงวันเดินทางเข้าแดนลับ

เขาอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ทว่าเจ้าลัทธิไท่เสวียนมิได้พาเขาไปที่แดนลับทันที

แดนลับแห่งนั้นใช่ว่าจะเปิดตลอดเวลา มันมีเวลาเปิดที่ไม่แน่นอน ที่เคยเปิดครั้งก่อนก็ผ่านไปแล้วหลายสิบปี

ช่วงนี้แดนลับแห่งนั้นมีวี่แววประหลาด เป็นเหมือนลางก่อนแดนลับเปิด

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ไช่หนาน ยอดฝีมือวัยกลางคนผู้นี้รีบร้อนพาเขามายังลัทธิไท่เสวียน

ลัทธิไท่เสวียนมียอดฝีมือคอยเฝ้าแดนลับตลอดเวลา เมื่อครู่เจ้าลัทธิไท่เสวียนได้ข่าวว่าแดนลับเกิดวี่แววประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใกล้ได้เวลาเปิดแล้ว

หลังเจ้าลัทธิไท่เสวียนทราบข่าวนี้ จึงรีบไปบอกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน เตรียมตัวออกเดินทางตั้งแต่พรุ่งนี้ อย่างไม่กล้ารอช้าต่อไป เพราะกลัวจะพลาดเวลาเปิดของแดนลับแล้วโดนผู้อื่นปาดหน้า

ความจริงแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดคือคอยเฝ้าอยู่ที่นั่น ไม่ใช่ค่อยไปเมื่อใกล้ถึงเวลาเปิด

ทว่าเจ้าลัทธิไท่เสวียนมีความกังวลในใจ กลัวว่าการพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไปเฝ้าอยู่ที่นั่นแต่เนิ่น ๆ จะเกิดปัญหา

ถึงแม้พวกเขาเก็บตัวไม่ยุ่งเกี่ยวทางโลก แต่ล่วงรู้ข่าวสารด้านนอกเป็นอย่างดี

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเผยร่างวัชระจนเป็นที่พูดถึงอย่างมาก กลุ่มอำนาจเก็บตัวอื่น ๆ ย่อมรับรู้ถึงเรื่องของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

หากเขาพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเดินทางไปล่วงหน้า เขาไม่กล้ารับประกันว่าจะไม่เกิดเรื่องกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีร่างวัชระ ย่อมเป็นตัวอันตรายอันดับหนึ่งในการชิงสมบัติล้ำค่าในแดนลับอย่างไม่ต้องสงสัย กลุ่มอำนาจอื่น ๆ ใช้ได้ทุกลูกไม้ชั้นต่ำเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติล้ำค่าในแดนลับ

เขากลัวเกิดเรื่องกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน จึงมิได้พาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไปเสียเนิ่น ๆ ปล่อยให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอยู่ในลัทธิไท่เสวียนมาตลอด

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท