รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 138 ไซอิ๋วและสถาปนาเทวดาเป็นเหตุ พวกเราต้องการฝึกตน!

บทที่ 138 ไซอิ๋วและสถาปนาเทวดาเป็นเหตุ พวกเราต้องการฝึกตน!

บทที่ 138 ไซอิ๋วและสถาปนาเทวดาเป็นเหตุ พวกเราต้องการฝึกตน!

กฎเต๋าแห่งหยินหยางนั้นตราตรึงอยู่ในใจของเขาแล้ว มาตอนนี้ยังได้รับภาพวาดของหยินหยางด้วย ในใจของสือเฟิงพลันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยภาพวาดนี้ ความสำเร็จในอนาคตของเขาย่อมมิอาจจินตนาการได้!

“ขอบคุณขอรับคุณชาย!”

เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณท่านเซียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ท่านเซียนประทานกฎเต๋าแห่งหยินหยางให้เขา ซ้ำยังช่วยเขาเปิดทางเต๋าและเผยกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องขึ้นมาด้วย ท่านเซียนนับว่ามีบุญคุณกับเขามากจริง ๆ!

สือเฟิงสาบานในใจอย่างหนักแน่น ขอเพียงท่านเซียนไม่ทอดทิ้งเขา เขาจะติดตามท่านเซียนตลอดไป!

‘ดูเหมือนว่าชอบมากจริง ๆ สินะ’

หลี่จิ่วเต๋าแย้มยิ้มในใจ เข้าใจอารมณ์ของสือเฟิงในตอนนี้เป็นอย่างดี

หากเป็นเขา เขาก็ต้องตื่นเต้นและมีความสุขมาก เพราะได้ภาพเหมือนของตัวละครที่ชื่นชอบมา

“ไม่เป็นไร”

ชายหนุ่มยิ้มพลางกล่าว “หลังจากนี้มีโอกาสก็มาใหม่ได้ ข้ามีนิทานอีกมากจะเล่าให้เจ้าฟัง”

“ขอบคุณขอรับคุณชาย! ”

สือเฟิงบอกลาท่านเซียน ก่อนจะออกไปจากร้านพร้อมกับภาพวาด

เขาร้อนใจยิ่ง อยากจะหาสถานที่ฝึกเคล็ดวิชาหยินหยางเต็มทน

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่กล้าเหาะเหินในเมืองชิงซาน และทำได้เพียงเดินเท้าออกจากเมืองชิงซานเท่านั้น

ท่านเซียนประทับอยู่ ณ เมืองนี้แล้วเขาจะกล้าเหาะเหินไปทั่วเมืองได้อย่างไร?

นั่นถือเป็นการลบหลู่ท่านเซียนแล้ว!

เมื่อออกจากเมืองชิงซานมาแล้ว เขาก็เดินเท้าอยู่อีกระยะหนึ่ง จากนั้นจึงโค้งคำนับไปทางเมืองชิงซาน ก่อนจะเหาะเหินจากไป!

“มาลองฝึกวิชากันเถิด!”

เด็กหนุ่มเหาะเหินเข้าไปยังหุบเขาลึก ก่อนจะพบถ้ำในภูเขา จากนั้นจึงรีบเข้าไปฝึกตนทันที!

ณ เมืองชิงซาน

หลังจากพวกเด็ก ๆ กลุ่มนั้นออกจากลานบ้านของหลี่จิ่วเต้าแล้ว พวกเขายังไม่ได้กลับบ้านของตัวเองแต่มารวมตัวกัน

เพราะหลังจากได้ฟังเรื่องไซอิ๋วกับสถาปนาเทวดาแล้ว พวกเขาก็เริ่มอยากจะฝึกตนบำเพ็ญเพียรมากยิ่งขึ้น

ใช่แล้ว พวกเขาอยากฝึกตน!

“สำนักไท่หัวเพิ่งจะคัดเลือกศิษย์ไปเอง ต้องรออีกตั้งสามปีถึงจะเปิดคัดเลือกศิษย์ใหม่ ข้าไม่อยากรอถึงสามปีแล้วค่อยฝึกตน!”

เด็กหญิงตัวน้อยผู้หนึ่งย่นคิ้วเรียวพลางกล่าว

เมืองชิงซานอยู่ใกล้สำนักไท่หัวมากที่สุด และสำนักไท่หัวก็เป็นสำนักใหญ่แห่งด้านการฝึกตน ดังนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการฝึกตนของพวกเขาคือ สำนักไท่หัวอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่อย่างที่เด็กหญิงกล่าว สำนักไท่หัวเพิ่งจะคัดเลือกลูกศิษย์กันไป และต้องรออีกสามปีถึงจะเปิดอีกครั้ง

หากพวกเขาอยากเข้าสำนักไท่หัวเพื่อฝึกตน พวกเขาก็ต้องรออีกสามปี

“ข้าเองก็ไม่อยากรอนานเหมือนกัน!”

“ข้าก็อยากฝึกตนตอนนี้เช่นกัน!”

พวกเด็ก ๆ ต่างกล่าวแสดงความคิดเห็น พวกเขาไม่อยากรออีกแล้ว

สามปี…มันนานเกินไปสำหรับพวกเขาจริง ๆ!

“ข้าได้ยินมาจากผู้ใหญ่บางคน เขาบอกว่าพรรคจื่อเสียกำลังเปิดรับศิษย์อยู่!”

เด็กหญิงตัวน้อยกล่าว

พรรคจื่อเสียคือกองกำลังระดับกลางในแดนบูรพาทิศ อ่อนแอกว่าสำนักไท่หัวมาก

“เช่นนั้นพวกเราไปพรรคจื่อเสียกันเถิด!”

“ใช่ ๆ!”

พวกเด็ก ๆ กล่าวกันด้วยแววตาเป็นประกาย

ความปรารถนาที่จะฝึกตนของพวกเขาตอนนี้มีมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเป็นสำนักใด ขอเพียงพวกเขาสามารถฝึกตนได้ พวกเขาล้วนเต็มใจไป!

อีกอย่างพวกเขายังเด็กมากอายุเพียงหกเจ็ดขวบเท่านั้น พวกเขาจึงไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างพรรคกับสำนัก

พวกเขารู้เพียงว่าพรรคจื่อเสียกับสำนักไท่หัวเป็นเช่นเดียวกัน ล้วนแล้วแต่สามารถบำเพ็ญเป็นผู้ฝึกตนได้

“เอาล่ะ! ไว้กลับบ้านค่อยคุยกันอีกที!”

เด็กหญิงตัวน้อยกล่าว

หลังจากนั้น พวกเขาก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตน

“อายุแค่นี้จะฝึกตนอะไรกัน บอกว่าอยากฝึกตนแล้วคิดว่าทำได้เลยหรือ?”

เด็กหญิงตัวน้อยกลับมาถึงบ้าน ก็รีบมาบอกบิดาเกี่ยวกับสอบคัดเลือกลูกศิษย์ของพรรคจื่อเสีย แต่บิดาของนางคัดค้านทันที

นี่เพราะบิดาของนางคิดว่านางยังเด็กเกินไป

“ท่านพ่อเจ้าคะ อายุข้ายังน้อยลองดูก็ไม่เสียหาย หากไม่ได้ค่อยไปคัดเลือกที่อื่นก็ได้เจ้าค่ะ! รอข้าอายุมากขึ้นก็ไม่มีโอกาสลองผิดลองถูกแล้ว…”

เด็กหญิงตัวน้อยฉลาดอย่างยิ่ง นางค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมบิดาของตัวเอง

นี่ก็เป็นความจริงเช่นกัน

บิดาของนางคิดว่าที่นางกล่าวมาก็ไม่ผิด

“ข้าอยากให้เจ้าเข้าสำนักไท่หัว…”

บิดาของนางกล่าว

เด็กหญิงอายุยังน้อย ดังนั้นนางจึงไม่รู้ความแตกต่างระหว่างพรรคกับสำนัก ทว่าบิดาของนางรู้ดี สำนักไท่หัวเป็นสำนักเฟื่องฟูที่สุดในแดนบูรพาทิศ แข็งแกร่งกว่าพรรคจื่อเสียมากนัก!

ผู้ฝึกตนถือเป็นความฝันของปุถุชน

บิดาของนางเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

บิดาของนางตอนเด็กก็ใฝ่ฝันจะเป็นผู้ฝึกตนเช่นกัน และเขาก็เคยไปสอบคัดเลือกศิษย์ที่สำนักไท่หัวด้วยเหมือนกัน

ทว่าน่าเสียดายที่ไม่ผ่านการคัดเลือกจากสำนักไท่หัว

ไม่ใช่ว่าบิดาของนางไม่มีคุณสมบัติในการบ่มเพาะ

แต่เพราะคุณสมบัติการบ่มเพาะของบิดานางธรรมดาเกินไป จึงไม่ผ่านเกณฑ์สำนักไท่หัว ดังนั้นบิดาของนางจึงไม่ได้เข้าสำนักไท่หัว

ต่อมาบิดาของนางอยากสอบคัดเลือกสำนักอื่นแต่ก็สายไปเสียแล้ว

เวลาเปิดรับลูกศิษย์ของแต่ละสำนักล้วนต่างกัน และไม่เหมือนกันสักสำนัก นับประสาอะไรกับปีละครั้ง อีกอย่างแดนบูรพาทิศกว้างใหญ่ยิ่ง บิดาของนางเป็นปุถุชนธรรมดาเดินทางไปแต่ละสำนักนั้นก็กินเวลาไปมากแล้ว…

สำนักฝึกตนใกล้เคียงในเวลานั้นไม่เปิดรับศิษย์ ส่วนสำนักอื่นอยู่ห่างไกล ต่อให้บิดาของนางไปที่นั่นก็จำต้องใช้เวลาเป็นปีถึงสองปี

เพราะเป็นเช่นนี้ บิดาของนางเสียเวลาอยู่นานก็ไม่สามารถฝึกตนได้แล้ว

แม้คุณสมบัติบ่มเพาะจะสำคัญ แต่อายุเองก็สำคัญด้วยเช่นกัน

บิดาของนางอายุมากแล้ว คุณสมบัติบ่มเพาะของเขาอยู่ระดับปานกลาง อีกทั้งยังเสียเวลาไปมากด้วย

“ได้ พวกเราไปพรรคจื่อเสียก่อน! ”

บิดาของนางนึกถึงที่เขาเคยประสบก็เปลี่ยนใจ เห็นด้วยกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยตกลงเข้าคัดเลือกศิษย์พรรคจื่อเสีย

“ตอนนี้อายุเจ้ายังน้อย ยังมีโอกาสอีกมาก บิดาจะไปกับเจ้า!”

บิดาของนางกล่าวกับเด็กหญิงตัวน้อย

การเสียเวลาเป็นความเสียใจที่ใหญ่ที่สุดในใจบิดาของนาง ด้วยเหตุนี้จึงไม่อยากให้เด็กหญิงตัวน้อยเป็นเช่นเดียวกับเขา…

เพราะบิดาของนางก็อยากให้บุตรสาวเป็นผู้ฝึกตนเช่นกัน!

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านพ่อ!”

ได้ยินบิดาเห็นด้วยแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก!

“ไปเก็บของ ๆ พวกเราต้องรีบออกเดินทาง พรรคจื่อเสียอยู่ไกลจากที่นี่มาก เราต้องใช้เวลาเดินทางสองสามเดือนกว่าจะถึงที่นั่น”

บิดาของนางกล่าว

ปุถุชนเทียบผู้ฝึกตนไม่ได้

เพราะผู้ฝึกตนสามารถเหาะเหินขึ้นท้องนภาได้อย่างรวดเร็ว แต่ปุถุชนทำได้เพียงเดินบนดินเท่านั้น

“ท่านพ่อ พวกเรารออีกสองสามวันค่อยออกเดินทางได้หรือไม่? คุณชายหลี่บอกจะทำตุ๊กตาให้ข้า ข้าอยากเอาตุ๊กตาไปด้วยเจ้าค่ะ!”

เด็กหญิงตัวน้อยกล่าว

“คุณชายหลี่?”

บิดาของนางผงะไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “คุณชายหลี่เป็นคนดี เขาช่วยชีวิตมารดาของเจ้าไว้ พวกเราต้องไม่ทำให้คุณชายหลี่ผิดหวัง! คุณชายหลี่บอกจะทำตุ๊กตาให้เจ้า เช่นนั้นพวกเราก็รอเอาตุ๊กตา แล้วค่อยออกเดินทาง”

มารดาของเด็กหญิงตัวน้อยประสบเคราะห์ครานั้นที่กลับมาจากข้างนอก

เดิมทีมารดาของเด็กหญิงตัวน้อยได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการร่อแร่เต็มที แต่หลังจากกลับมาถึงเมืองชิงซานก็ได้หลี่จิ่วเต้าช่วยรักษาชีวิตไว้ มารดาของเด็กหญิงตัวน้อยจึงหายดีเป็นปลิดทิ้ง

“เจ้าค่ะท่านพ่อ!”

เด็กหญิงตัวน้อยดีใจเป็นอย่างยิ่ง

คุณชายหลี่สัญญาว่าจะทำตุ๊กตาฉีเทียนต้าเซิ่งให้นาง เพราะนางชื่นชอบฉีเทียนต้าเซิ่งเป็นอย่างยิ่ง อยากจะพาภาพวาดฉีเทียนต้าเซิ่งกับตุ๊กตาไปสอบคัดเลือกที่พรรคจื่อเสียด้วย

นางหวังว่าภาพวาดฉีเทียนต้าเซิ่งกับตุ๊กตาจะทำให้นางโชคดี ให้นางสอบพรรคจื่อเสียได้สำเร็จอย่างราบรื่น

ส่วนเด็กคนอื่น ๆ เมื่อกลับถึงบ้าน พวกเขาก็บอกบิดามารดาว่าอยากจะสอบคัดเลือกศิษย์ของพรรคจื่อเสีย

แน่นอนว่าบิดามารดาของพวกเขาไม่ค่อยเห็นด้วย

แต่ถึงกระนั้นพวกเด็ก ๆ เหล่านี้ก็มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก ใช้เหตุผลหว่านล้อมจนบิดามารดาตอบตกลงในที่สุด

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท