รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 137 ผ่านบททดสอบของท่านเซียนแล้ว!

บทที่ 137 ผ่านบททดสอบของท่านเซียนแล้ว!

บทที่ 137 ผ่านบททดสอบของท่านเซียนแล้ว!

ตัวละครในเรื่องไซอิ๋วกับสถาปนาเทวดาเขาชอบใครที่สุดน่ะหรือ?

สือเฟิงนึกถึงตัวละครที่เขาชื่นชอบมากที่สุด

ทว่าในขณะที่กำลังจะพูดออกไป ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงไม่ได้พูดออกไป

ท่านเซียนถามว่าเขาชอบใคร ความหมายชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไรแล้ว… ท่านเซียนอยากมอบภาพวาดให้เขา!

ภาพวาดมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์อย่างไรน่ะหรือ?

จังหวะแห่งเต๋าสูงสุดยังคงหลงเหลืออยู่ หากนำมาใช้ฝึกตนดี ๆ ย่อมได้รับผลสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว

มิหนำซ้ำ ภาพวาดของท่านเซียนยังแฝงไปด้วยอภินิหารด้วย!

ในขณะเดียวกัน ภาพวาดทุกภาพล้วนมีจังหวะแห่งเต๋าสูงสุดเช่นกัน นี่มิจำเป็นต้องไตร่ตรองอะไรให้มากความ

นอกเหนือจากเรื่องจังหวะแห่งเต๋าสูงสุดแล้ว ท่านเซียนถามเขาว่าเขาชอบใคร เป็นเพราะต้องการมอบอภินิหารให้กับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!

ตัวละครในเรื่องไซอิ๋วกับสถาปนาเทวดาล้วนแล้วแต่น่าอัศจรรย์ใจซ้ำยังมีอภินิหารไม่สามัญ ครอบครองอภินิหารได้ย่อมต้องเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งไร้เทียมทาน หากเขากลายเป็นผู้มีความสามารถแข็งแกร่งก็ถือเป็นโชคอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขาแล้ว แล้วยังสามารถรับประโยชน์จากมันไปได้ตลอดชั่วชีวิต

‘แน่นอนว่าต้องเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้กับพระยูไล!’

หลังจากครุ่นคิดไปมาแล้ว สือเฟิงอยากจะพูดออกไปว่าเง็กเซียนฮ่องเต้กับพระยูไล

เง็กเซียนฮ่องเต้กับพระยูไลเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องสถาปนาเทวดากับไซอิ๋วตามลำดับ และแน่นอนว่าอภินิหารของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าตัวละครตัวอื่นมาก!

‘ไม่สิ…ข้าคิดผิดแล้ว!’

ขณะที่สือเฟิงกำลังจะพูดถึงเง็กเซียนฮ่องเต้กับพระยูไล เขาก็ครุ่นคิดอีกครั้ง

ถึงเง็กเซียนฮ่องเต้กับพระยูไลจะมีอภินิหารแข็งแกร่งที่สุดแต่… จะเหมาะกับเขาหรือ?

เมื่อไตร่ตรองดูอย่างดีแล้ว อภินิหารของเง็กเซียนฮ่องเต้กับพระยูไลนั้นไม่เหมาะกับเขา

มีเต๋านำทาง เขาจึงฝึกกายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องได้ อีกทั้งกฎแห่งหยินหยางก็สลักลึกอยู่ในตัวของเขา

มิจำเป็นต้องสงสัยเลย อภินิหารที่เหมาะสมกับเขาคือ เต๋าแห่งหยินหยาง!

‘ข้าได้กฎเต๋าแห่งหยินหยางมา ทว่าไม่อาจแสดงอภินิหารประเภทหยินหยางได้ ท่านเซียนจึงอยากมอบอภินิหารให้กับข้า…’

สือเฟิงไม่ลังเลอีก มั่นใจว่าท่านเซียนอยากมอบอภินิหารประเภทหยินหยางให้แก่เขา!

ท่านเซียนรู้ว่าเขาเลือกเต๋าแห่งหยินหยาง และรู้ว่าร่างกายของเขานั้นไม่มีพลังประเภทหยินหยาง ท่านเซียนจึงต้องการมอบภาพวาดอภินิหารวิถีเต๋าแห่งหยินหยางให้กับเขา!

‘นี่น่าจะเป็นบททดสอบของท่านเซียนเป็นแน่ เหมือนกับในไซอิ๋ว พระโพธิสัตว์กวนอิมเคาะศีรษะพญาวานรสามครั้ง หากพญาวานรเข้าใจก็จะได้เข้าเรียนสามเวลา หากไม่เข้าใจจะต้องสูญเสียโอกาสเรียนวิชาไป…’

สือเฟิงครุ่นคิดในใจ ‘หากข้าเลือกตัวละครในเรื่องไซอิ๋วกับสถาปนาเทวดาได้ถูกต้อง ข้าก็จะสามารถเรียนอภินิหารได้ แต่หากข้าเลือกผิด แสดงว่าอภินิหารหยินหยางไม่เหมาะกับข้า…’

เมื่อนึกถึงตรงนี้เขาพลันเปี่ยมไปด้วยความสุข

โชคดีที่เขาคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน ไม่ตอบกลับไปตามใจ มิฉะนั้นแล้ว เขาต้องพลาดโอกาสครั้งใหญ่ไปเป็นแน่!

‘น่าจะมีการทดสอบอีกขั้น…’

สือเฟิงขบคิดเรื่องนี้อีกครั้ง

ท่านเซียนวาดภาพให้พวกเด็ก ๆ ก่อน และเผยอนิหารผ่านภาพวาด จากนั้นก็ถามว่าเขาชอบใคร…

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการแสดงความนัยอภินิหารให้เขาเห็น!

เง็กเซียนฮ่องเต้กับพระยูไลเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องสถาปนาเทวดากับไซอิ๋วตามลำดับ ท่านเซียนต้องอยากดูแน่ว่าเขาสามารถต้านทานสิ่งล่อใจ และเลือกหนทางถูกต้องได้หรือไม่!

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เหงื่อเย็นพลันผุดขึ้นที่แผ่นหลัง อันที่จริง…เขาเกือบทำผิดพลาดครั้งใหญ่ไปแล้ว!

ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าวได้ถูกต้องยิ่ง ทุกการกระทำและทุกคำพูดของท่านเซียนล้วนแฝงความหมายลึกซึ้งเอาไว้ ดังนั้นจำต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนมากกว่านี้!

โอกาสโชคครั้งใหญ่ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป!

‘เต๋าแห่งหยินหยาง…’

เขานึกถึงเรื่องไซอิ๋วกับสถาปนาเทวดา หวนคิดว่าผู้ใดในเรื่องไซอิ๋วกับสถาปนาเทวดาที่มีอภินิหารเต๋าแห่งหยินหยางอยู่

“ไม่น่าจะใช่แบบนี้สิ…ท่านเซียนถามชอบว่าตัวละครไหนในเรื่องไซอิ๋วกับสถาปนาเทวดา ไม่ใช่คำถามเดียว!”

สือเฟิงพอจะความเข้าใจคำถามแล้ว ‘หยินหยาง… หยินกับหยาง ไซอิ๋วกับสถาปนาเทวดา หยินและหยางคือหนึ่ง ไซอิ๋วและสถาปนาเทวดาก็คือหนึ่ง!’

เจ้าชอบใครในเรื่องไซอิ๋วกับสถาปนาเทวดา?

ท่านเซียนจะมอบภาพวาดสองภาพให้เขา!

“หนึ่งคือหยิน อีกหนึ่งคือหยาง ทั้งสองรวมกันคือหยินและหยาง!”

สือเฟิงเข้าใจอย่างถ่องแท้

“หยินหยาง ท่านเซียนถามข้าเรื่อง ‘ไซอิ๋วอยู่หน้าสถาปานาเทวดา’ ก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงถามอีกว่าเจ้าชอบตัวละครตัวไหน? คิด ๆ แล้วไซอิ๋วน่าจะเป็นหยิน ส่วนสถาปนาเทวดาน่าจะเป็นหยาง…”

เขาครุ่นคิดในใจ ก่อนจะนึกถึงตัวละครสองตัวขึ้นมาได้

ในไซอิ๋วย่อมต้องเป็นเทพแห่งดวงจันทร์แห่งตำหนักกว่างหานกง!

ส่วนในเรื่องสถาปนาเทวดาก็ต้องเป็นศิษย์ท่ามกลางเหล่าเซียนอันมากมีคุณธรรม เหลยเจิ้นจื่อ*[1]!

1 ใน 81 อุปสรรคของเรื่องไซอิ๋วนั้น มีอยู่ฉากหนึ่งที่กระต่ายหยกของตำหนักกว่างหานกงหลุดออกมานอกตำหนัก และลงไปอาณาจักรเทียนจู ก่อนจะแสร้งปลอมตัวเป็นองค์หญิง แต่สุดท้ายแล้วก็ถูกดวงตาทิพย์ของเทพแห่งดวงจันทร์ เจ้าตำหนักกว่างหานกงจับได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้บอกฉางเอ๋อร์ให้ลงมายังโลกและช่วยกระต่ายหยก

มิต้องสงสัยเลย เทพแห่งดวงจันทร์ในเรื่องไซอิ๋วผู้นี้ย่อมเหมาะกับ ‘หยิน’ มากที่สุด!

ส่วนอภินิหารของเหลยเจิ้นจื่อคือ เรียกอัสนีสวรรค์ลงมายังแดนมนุษย์ อัสนีสวรรค์ที่เต็มไปด้วยพลังหยาง ‘หยาง’ ในเรื่องสถาปนาเทวดาย่อมต้องเป็นเหลยเจิ้นจื่อเท่านั้น!

“นายท่าน ข้าชอบเทพแห่งดวงจันทร์ในเรื่องไซอิ๋ว และชอบเหลยเจิ้นจื่อในเรื่องสถาปนาเทวดาขอรับ!”

หลังจากตัดสินใจแล้ว สือเฟิงจึงบอกกับท่านเซียน

‘ไม่เลว ๆ เด็กคนนี้ยังสอนได้!’

หลังจากได้ยินคำตอบของสือเฟิงแล้ว ผู้เฒ่าเมิ่งจีก็เอ่ยในใจอย่างอดไม่ได้

เขาติดตามท่านเซียนมาได้ระยะหนึ่ง ความคิดความอ่านล้วนรอบคอบกว่าสือเฟิงมากนัก

ท่านเซียนถามคำถามกับสือเฟิง เขาก็รู้แล้วว่าท่านเซียนจะมอบอภินิหารหยินหยางให้กับสือเฟิง

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้สือเฟิงก็ได้รับเต๋าแห่งหยินหยางมา เพียงแต่ขาดอภินิหารเต๋าแห่งหยินหยาง ท่านเซียนจะมอบอภินิหารให้ ย่อมต้องมอบอภินิหารเต๋าแห่งหยินหยางให้กับสือเฟิง

แต่เขากังวลว่าสือเฟิงจะไม่เข้าใจความหมายของท่านเซียน เลือกเง็กเซียนฮ่องเต้กับพระยูไลที่แข็งแกร่งที่สุด และขัดต่อความประสงค์ของท่านเซียนเอาได้

ถึงกระนั้นสือเฟิงนับเป็นคนฉลาดยิ่ง เขาตระหนักได้ถึงจุดนี้แล้ว ด้วยเหตุนี้ตัวละครที่เขาเลือกจึงสอดคล้องกับเต๋าแห่งหยินหยาง

‘เหลยเจิ้นจื่อยังพอเข้าใจได้…เทพแห่งดวงจันทร์นี่มันอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าควรชอบฉางเอ๋อร์หรอกหรือ?’

หลี่จิ่วเต้าได้ยินตัวละครที่สือเฟิงชอบ ในใจของเขาพลันไร้คำพูดทันที

ฉางเอ๋อร์คือคนงามเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง กล่าวได้ว่าเป็นเทพธิดาในหัวใจของผู้ชายหลายคนบนดาวเคราะห์สีฟ้า

เทพแห่งดวงจันทร์…เขาไม่เคยได้ยินว่ามีคนชื่นชอบเช่นนี้

แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ไม่อยากพูดออกมาต่อหน้าอีกฝ่าย

ผู้คนย่อมมีทัศนคติแตกต่างกัน บุคลิกแตกต่างกัน และมีความชื่นชอบที่แตกต่างกัน

“ข้าจะวาดภาพให้เจ้า”

หลี่จิ่วเต้ายิ้มรับคำแล้วจึงหยิบพู่กันขึ้นมาวาดภาพ

เด็กหนุ่มเห็นภาพร่างของเทพแห่งดวงจันทร์แล้ว ในใจของเขาพลันตื่นเต้นขึ้นมาทันที สายตาจับจ้องเทพแห่งดวงจันทร์ที่ท่านเซียนค่อย ๆ วาดออกมาทีละน้อย และสือเฟิงก็สัมผัสได้ถึงพลังหยินอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่!

หลังจากวาดเทพแห่งดวงจันทร์เสร็จ หลี่จิ่วเต้าก็ลงมือวาดเหลยเจิ้นจื่อต่อ แน่นอนว่าครั้งนี้ สือเฟิงก็สัมผัสได้ถึงพลังหยางอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่เช่นกัน!

ไม่นานหลังจากนั้น หลี่จิ่วเต้าก็วาดภาพเหลยเจิ้นจื่อเสร็จ

“ข้านับว่าเลือกถูกต้องแล้ว!”

สือเฟิงทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ ภาพวาดทั้งสองวาดเสร็จแล้ว หยินหยางหลอมรวมกันกลายเป็นพลังแห่งหยินหยางแล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่พลังหยินและหยางถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน อภินิหารหยินและหยางก็ก่อตัวขึ้นทันที!

เขาคิดถูกจริง ๆ ซ้ำยังผ่านบททดสอบของท่านเซียนแล้วด้วย เพราะในที่สุดท่านเซียนก็ประทานภาพวาดหยินหยางให้กับเขา!

[1] เหลยเจิ้นจื่อ คือ เทพสายฟ้า

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท