รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 146 ไม่ต้องกังวล พวกเขามารับข้า!

บทที่ 146 ไม่ต้องกังวล พวกเขามารับข้า!

บทที่ 146 ไม่ต้องกังวล พวกเขามารับข้า!

ใบหน้าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ท่าทางเหมือนผู้กุมชัยชนะ

แต่อันที่จริง ในใจเขาประหม่ามาก

ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงการคาดเดาของเขา

ความจริงของเรื่องราวเป็นเช่นนี้จริงหรือไม่นั้น เขาก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้เต็มร้อย

หยวนเซิ่งจ้องประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน คิดไม่ถึงว่าเขาจะโดนคนจากโลกภายนอกอย่างประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจับจุดอ่อนได้จริง ๆ!

นี่ทำให้เขาว้าวุ่นใจนิดหน่อย ไม่รู้ว่าควรจัดการประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างไรดี

ปล่อยประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไปทั้งอย่างนี้หรือ…

ย่อมไม่ได้!

เขาเจ็บใจเกินไปจริง ๆ!

จะปล่อยประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไปไม่ได้เด็ดขาด ขืนเขาแพร่งพรายเรื่องราวของลัทธิไท่เสวียนออกไปจะทำอย่างไรเล่า

เวลานั้นเอง ไช่หนานพลันเดินเข้ามาหา

“เจ้าลัทธิ มีผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรมาออกันข้างนอกจำนวนมาก!”

ไช่หนานรายงานต่อหยวนเซิ่ง

สถานที่ตั้งของลัทธิไท่เสวียนมีม่านพลังคอยป้องกันอยู่ คนนอกยากจะบุกเข้ามาได้

ผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรเหล่านั้นจึงถูกขวางอยู่นอกม่านหลังทั้งหมด

หากเป็นปกติ เขาคงไม่เข้ามารายงานหยวนเซิ่ง

ทว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ธรรมดา จำนวนของผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรที่มานั้นมากเกินไป!

“สิบหกแดนศักดิ์สิทธิ์ เก้าเผ่าปีศาจ ขอบเขตของผู้นำอยู่เหนือขอบเขตพรตเต๋าเสียอีก!”

สีหน้าไช่หนานเคร่งเครียด

เห็นได้ชัดว่าบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์และเผ่าปีศาจพุ่งเป้ามาที่ลัทธิไท่เสวียนของพวกเขา

ไม่อย่างนั้นเหตุใดจู่ ๆ ถึงมีกลุ่มอำนาจมากันมากมายเพียงนี้

เรื่องนี้หนักหนาเกินไป เขามิกล้ารอช้าจึงรีบเข้ามารายงานต่อเจ้าลัทธิในทันที

สีหน้าหยวนเซิ่งเปลี่ยนไปเช่นกัน หรือว่าลัทธิไท่เสวียนของพวกเขาถูกเผยตัวตนออกไปเสียแล้ว

“ไม่ต้องกังวล พวกเขามารับข้า” ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหัวเราะ

เขารอบคอบมาก กลัวว่าบีบลูกแก้วแมลงบุตรภายในลัทธิไท่เสวียนจะไม่มีผล

จึงบีบลูกแก้วแมลงบุตรไว้นอกม่านพลังลัทธิไท่เสวียน

หูช่วงว่องไวจริง ๆ นี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน ก็พากำลังพลมาแล้วหรือ

คิดแล้วหูช่วงคงปฏิบัติตามคำสั่งของเขา คอยเตรียมตัวอยู่ตลอดเวลา

สิบหกแดนศักดิ์สิทธิ์ เก้าเผ่าปีศาจ…

เขานึกสะท้อนใจ ความสามารถของนิกายลับสวรรค์ช่างล้นหลามจริง ๆ

หากเป็นกลุ่มอำนาจอื่น ไฉนเลยจะเชิญชวนกลุ่มอำนาจมาช่วยกันได้มากขนาดนี้

เป็นไปไม่ได้เลย!

ขอบเขตพรตเต๋า?

เขาทันได้ยินที่ไช่หนานบอกว่าผู้นำเป็นยอดฝีมือขอบเขตพรตเต๋า…

ส่งผลให้เขานึกถึงเจ้านิกายลับสวรรค์ขึ้นมาเป็นคนแรก

เจ้านิกายลับสวรรค์เคยรับใช้ท่านเซียน นอกจากเจ้านิกายลับสวรรค์แล้ว เขาคิดไม่ได้อีกว่าในโลกภายนอกนั้นมีผู้ใดสามารถบรรลุขอบเขตพรตเต๋าได้อีก…

‘ติดตามท่านเซียนได้รับประโยชน์มหาศาลเชียว!’

เขาพูดในใจอย่างอดไม่ได้

ขอบเขตพรตเต๋าข้ามพ้นไปได้ยากยิ่ง ถือเป็นระดับขั้นที่เหมือนได้ขึ้นสวรรค์สำหรับยุคปัจจุบัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านเซียนไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อันใด ท่านเซียนส่งใครเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าก็ได้ แม้กระทั่งขอบเขตที่สูงไปกว่านั้นยังได้!

“เจ้าเปิดเผยที่ตั้งลัทธิไท่เสวียนของเราหรือ?”

หยวนเซิ่งจ้องประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเขม็ง จิตสังหารรุนแรงพวยพุ่งออกจากตัว

“ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ข้าไม่ตาย และไปจากลัทธิไท่เสวียนอย่างปลอดภัย ข่าวคราวของลัทธิไท่เสวียนย่อมไม่แพร่งพรายสู่ภายนอก”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าเป็นคนขี้ขลาด ซ้ำยังกลัวตาย จึงมักเตรียมไพ่ใบสุดท้ายไว้เสมอ”

หยวนเซิ่งไม่พูดจา แต่สายตาฉายแววชวนหวาดผวายิ่ง

ในใจเขาเดือดดาลเกินทน คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเขาจะโดนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแทงข้างหลัง!

นั่นก็เพราะเวลามีน้อย แดนลับใกล้เปิดเต็มที เขาจึงมิได้ตรวจสอบประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนให้ดี

บวกกับเขาสบประมาทกลุ่มอำนาจที่โลกภายนอก

ผลสุดท้ายกลายเป็นตอนนี้เขาเป็นฝ่ายถูกรุกฆาต

“เจ้าลัทธิ คนเราอย่าตัดทางออกผู้อื่นจนสิ้นจะดีกว่า ลองทบทวนดี ๆ หนนี้เจ้าลัทธิกอบโกยไปน้อยหรือ หินผลึกเวลานับร้อยก้อน นี่ยังไม่เกินกว่าที่เจ้าลัทธิคาดการณ์ไว้อีกหรือ”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนทอดสายตามองหยวนเซิ่ง “เจ้าลัทธิ ท่านไม่ได้เสียเปรียบอันใดเลย!”

“ฮ่า ๆ ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์คิดมากเกินไปแล้ว ข้าหาได้หมายความเป็นอื่น เพียงอยากเห็นว่าสมบัติชิ้นนั้นคือสิ่งใด ในเมื่อประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เต็มใจ ข้าย่อมไม่ฝืน”

หยวนเซิ่งหัวเราะร่วน “ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ช่วยข้าขนาดนี้ ข้าจักจำไว้ในใจ วันหน้าหากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องการความช่วยเหลือ มาหาข้าได้เลย!”

เขาเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว หลังรู้ว่าลงมือกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่ได้ก็รีบกล่าวอ้างว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

จะให้ลงมือได้อย่างไร?

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหลักแหลมเกินไป มีการเตรียมการมากมายไว้ก่อนมา นอกเสียจากว่าเขาไม่กลัวการเปิดเผยลัทธิไท่เสวียน… ตอนนี้เขาจำได้แต่ปล่อยประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไปเท่านั้น

“เจ้าลัทธิเกรงใจกันเกินไปแล้ว” ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์คลี่ยิ้ม

จวบจนบัดนี้ เขาถึงเบาใจลงได้ในที่สุด

ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า การคาดเดาทั้งหมดเมื่อก่อนหน้านี้ของเขาเป็นเรื่องถูกต้อง

ยังดีที่เขาอธิบายโดยอ้างว่าอ่านจากบันทึกโบราณ ไม่ได้บอกว่าเป็นการคาดเดาของตัวเขาเอง

ไม่เช่นนั้น เขาคงทำอะไรหยวนเซิ่งไม่ได้จริง ๆ

ถึงอย่างไรถ้าหยวนเซิ่งรู้ว่าเขาเดาได้เองในภายหลัง เขาก็ไม่มีตัวเบี้ยใช้ข่มขู่หยวนเซิ่ง

หยวนเซิ่งจองจำเขาไว้ที่นี่ หรือสังหารเขาด้วยวิธีจู่โจมวิญญาณก็ยังได้

ที่หยวนเซิ่งต้องยอมเพราะเขากล่าวว่ารู้ทุกอย่างอยู่แล้วก่อนหน้า จึงทิ้งไพ่ใบสุดท้ายไว้ ขู่ด้วยการเปิดเผยลัทธิไท่เสวียน ถึงได้สำเร็จ

‘โชคดีที่เพื่อความปลอดภัย ข้าสั่งให้หูช่วงไปขอความช่วยเหลือจากเจ้านิกายลับสวรรค์ ไม่อย่างนั้นเรื่องราวทั้งหมดคงไม่ราบรื่นเยี่ยงนี้!’

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคิดในใจ

หากไม่ได้เจ้านิกายลับสวรรค์พากลุ่มอำนาจมามากมายเพียงนี้ หยวนเซิ่งอาจยังไม่ยอมโดยง่าย คำขู่ของเขาต่อหยวนเซิ่งก็คงดูไม่ร้ายแรงปานนี้

หลังจากนั้น หยวนเซิ่งก็ออกไปส่งประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนด้วยตัวเอง

นอกม่านพลัง เจ้านิกายลับสวรรค์ยืนอยู่หน้าสุดกับหูช่วง เมื่อพวกเขาเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เดินออกมา แต่ละคนพลันโล่งอกโล่งใจกันหมด

“มีโอกาสไว้มาใหม่”

หยวนเซิ่งบอกกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนด้วยรอยยิ้ม

“ได้”

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยิ้มตอบ ก่อนจะเดินไปหาหูช่วงกับอวิ๋นกู่ แล้วไปจากที่แห่งนี้พร้อมบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์และเผ่าปีศาจ

ไม่นานนัก ร่างของพวกเขาก็หายไปจนสิ้น

“น่าแค้นใจนัก!”

หยวนเซิ่งโมโหสุดขีด คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าตนจะมีวันที่อัปยศเยี่ยงนี้ เขาฟาดฝ่ามือออกไปกลางอากาศ ภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งระเบิดทันที ก้อนหินกลิ้งกระจายออกไปเป็นวงกว้าง

“หากมีเรื่องใดของลัทธิไท่เสวียนแพร่งพรายออกไป ข้าจักฆ่าพวกเจ้าให้หมด!”

เขาเอ่ยเสียงเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในลัทธิไท่เสวียน

อีกด้าน พวกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมุ่งหน้าด้วยความเร็วสูงสุด และออกจากพื้นที่ลัทธิไท่เสวียนได้อย่างสิ้นเชิงในไม่ช้า

“ขอบคุณสหายที่ช่วยเหลืออย่างมาก!”

ระหว่างทาง ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวขอบคุณเจ้านิกายลับสวรรค์

“เกรงใจเกินไปแล้ว พวกเราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

อวิ๋นกู่ยิ้ม ส่งสายตาที่รู้กันให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

ที่นี่มีคนเยอะเกินไป เขามิกล้ากล่าวถึงท่านเซียนสุ่มสี่สุ่มห้า

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนย่อมเข้าใจ เขาเองก็มิกล้าพูดถึงท่านเซียนสุ่มสี่สุ่มห้าต่อหน้าธารกำนัล

เขาพยักหน้าให้อวิ๋นกู่ “รบกวนสหายบอกสหายคนอื่นด้วยว่า เรื่องในวันนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้แต่น้อย เรื่องนี้สำคัญมาก หากมีการเปิดเผยออกไปแม้แต่น้อย พวกเราต้องเจอปัญหาใหญ่เป็นแน่!”

ขืนเปิดเผยเรื่องราวของลัทธิไท่เสวียนจริง ๆ หยวนเซิ่งต้องคลุ้มคลั่งอย่างแน่นอน ถึงครานั้นไม่มีใครรับประกันได้ว่าหยวนเซิ่งจะทำอะไรบ้า ๆ บ้าง

“ร้ายแรงเพียงนั้นเชียว?” สีหน้าอวิ๋นกู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนรอบคอบมาก มิได้อธิบายทั้งหมดแก่อวิ๋นกู่ตอนนี้ “กลับไปแล้วข้าจะอธิบายทุกอย่างให้สหายฟัง”

“ได้”

อวิ๋นกู่พยักหน้า “สหายกลับไปที่นิกายลับสวรรค์กับข้าก่อนก็ได้”

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท