วันรุ่งขึ้น
เวลาแปดโมงเช้า
หลินเยวียนเพิ่งมาถึงบริษัทก็ถูกเหล่าโจวเรียกเข้าห้องทำงาน “ออเดอร์ ‘มังกรมัจฉาเริงระบำ’ ตกลงเรียบร้อยแล้ว ทางนั้นตัดสินใจเลือกงานของนายไปใช้ อีกอย่างหนังของพวกเขาเข้าโรงฉายสัปดาห์หน้าแล้วนะ”
“สัปดาห์หน้า?”
เร็วไปหรือเปล่า
เหล่าโจวอธิบายว่า “เดิมทีก็ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก แต่ตลาดภาพยนตร์ของทางฉีโจวแข่งขันสูงมาก น่าจะทำไปเพื่อเลี่ยงหนังเรื่องดัง เลยรีบปรับตารางฉายล่ะมั้ง แต่ว่ากันตามเจตนาของทางนั้น ขั้นโพสต์โปรดักชันจริงๆ ก็ทำเสร็จแล้ว เรื่องโปรโมตก็ไม่ได้หยุดเลย ทั้งโปรเจกต์ก็ขาดแค่เพลงประกอบเนี่ยแหละ ตอนนี้เพลงเข้าที่เข้าทางแล้ว พวกเขารีบปล่อยออกฉายถือว่าปกติมาก”
“อ้อ”
“รอรอบพรีเมียร์ฉายจบ บริษัทก็จะจัดการปล่อยเพลง ‘ปลายักษ์‘ อย่างเป็นทางการ พอถึงตอนนั้นฉันจะแจ้งกับแผนกทรัพยากรว่าให้ดันนายให้มากหน่อย ไม่ว่าหนังจะเป็นยังไง ฉันคิดว่าเพลงนี้จะต้องดัง”
“ขอบคุณครับ”
หลินเยวียนเดินออกจากห้องทำงาน
ผ่านไปยี่สิบนาที เหล่าโจวก็เดินออกมาจากห้องทำงาน ตบลงบนโต๊ะอย่างแรง เรียกความสนใจจากสมาชิกในแผนกได้สำเร็จ
มีคนถามว่า “หัวหน้า มีเรื่องอะไรเหรอ”
ใบหน้าของเหล่าโจวประทับรอยยิ้มบาง “ออเดอร์ ‘มังกรมัจฉาเริงระบำ’ ทางฉีโจวได้เซ็นสัญญากับพวกเราสำเร็จแล้ว ฉะนั้นพวกนายไม่จำเป็นต้องพยายามเขียนเพลงแล้ว”
“สัญญาสำเร็จแล้ว?”
ทุกคนต่างคนต่างมองหน้ากัน จากนั้นประเด็นสนทนาของแผนกก็เริ่มต้นขึ้น
“ใครน่ะ”
“โหดขนาดนั้นเลย?”
“ถึงกับจัดการออเดอร์ที่นักแต่งเพลงมือทองยังทำไม่ได้ในเวลาสิบกว่าวัน?”
“อีกอย่าง ระยะเวลาที่ใช้ก็เร็วไปหน่อยมั้ยนั่น เพิ่งผ่านไปเท่าไหร่เอง”
“เป็นเทพคนไหนของแผนกประพันธ์เพลงเราเนี่ย”
“คงไม่ได้ให้พ่อเพลงออกโรงหรอกใช่มั้ย”
“…”
ยังมีคนกระทบกระเทียบหลินเยวียน “เซี่ยนอวี๋ เงินห้าล้านของนายปลิวไปแล้ว เห็นทีนายกับ ‘มังกรมัจฉาเริงระบำ’ คงจะไม่มีชะตาต่อกัน”
“ฮ่าๆ”
อู๋หย่งก็ตบไหล่หลินเยวียน ใบหน้าแกมหยอกล้อ “พยายามต่อไปนะ”
ทุกคนพลันหัวเราะครืน
ทันใดนั้นทุกคนก็มองไปทางเหล่าโจว หวังว่าจะได้คำตอบจากปากของเหล่าโจว “สรุปแล้วใครในแผนกประพันธ์เพลงของเราที่สุดยอดขนาดนั้น หัวหน้าอย่าอุบไว้คนเดียวสิครับ”
“เป็น…”
เหล่าโจวหยุดไปชั่วครู่ แบบนี้ถึงจะบ่มให้บรรยากาศตื่นเต้นยิ่งขึ้น ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็มีเสียงดัง
มาจากด้านนอก
“ใครสั่งกาแฟน่ะ”
หลินเยวียนยกมือขึ้น “ผม”
เขาสั่งไปตั้งแต่เดินออกมาจากห้องทำงานของเหล่าโจว
พนักงานเดลิเวอรีหลายคนมาพร้อมกัน ในมือของทุกคนล้วนถือกาแฟเต็มไม้เต็มมือ
หนึ่งในนั้นพูดกับหลินเยวียนว่า “ทั้งหมดแปดสิบหกแก้วครับ คุณลองนับดูก่อน”
แปดสิบหกแก้ว
นี่คือจำนวนคนในแผนกประพันธ์เพลงชั้นสิบของวันนี้
หลินเยวียนพยักหน้า “ขอบคุณครับ”
เมื่อเห็นว่ามีกาแฟมากมายเช่นนี้ อู๋หย่งก็พูดขึ้นด้วยความตกใจ “หลินเยวียน นายสั่งกาแฟมาทำไมเยอะแยะขนาดนี้ นายเป็นเจ้าของร้านกาแฟเหรอ”
“เปล่าครับ”
หลินเยวียนตอบอย่างรวบรัด “ซื้อมาเลี้ยงทุกคน”
อู๋หย่งดีใจขึ้นมาทันใด หัวเราะลั่นเอ่ยว่า “สรุปว่ามีเรื่องอะไรกัน จู่ๆ ถึงได้ใจป้ำ เลี้ยงกาแฟพวกเราขนาด…นี้”
คล้ายกับว่าเขานึกอะไรได้
เสียงหัวเราะของอู๋หย่งเงียบลงฉับพลัน
เห็นได้ชัดว่า พวกเขาเองก็นึกขึ้นมาได้ คลับคล้ายคลับคลาว่าก่อนหน้านี้มีคนหยอกล้อหลินเยวียนว่าถ้าได้ออเดอร์ของฉีโจวให้เลี้ยงกาแฟทุกคน หรือว่า…
“ก่อนหน้านี้รับปากไว้แล้ว”
หลินเยวียนได้คลายข้อสงสัยของทุกคน เรื่องที่เคยรับปากไว้ก็ต้องทำให้ได้ นี่เป็นหลักการของหลินเยวียน แม้ว่ากาแฟพวกนี้จะแพงมากก็ตาม
เอ๊ะ?
เอ๊ะ?
สมาชิกแผนกประพันธ์เพลงชั้นสิบมองกันไปมาเธอมองฉันมองเธอ ห้องประชุมอันโอ่โถงเงียบกริบขึ้นมาในทันใด
“กินสิ รออะไร”
เหล่าโจวพูด “อึ้งกันอยู่ล่ะสิ”
ถึงแม้ว่าบรรยากาศที่บ่มมาจะถูกพนักงานเดลิเวอรีทำลายไปแล้ว แต่ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าคล้ายกลับว่าจะน่าสนุกเป็นพิเศษ
“เชี่ย!”
หลังจากความเงียบสงัดสุดขีดผ่านพ้นไป เสียงเอะอะโหวกเหวกสุดขีดก็มาเยือน หลินเยวียนกลายเป็นจุดสนใจ ทั้งแผนกประพันธ์เพลงเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนก
“เป็นหลินเยวียนจริงๆ?”
“เครื่องคิดเลขของนายปลุกเสกหรือเปล่าเนี่ย”
“นี่มันเด็กใหม่ที่ไหนกัน นี่มันเทพเซียนแล้ว!”
“หลินเยวียน…ไม่สิ อาจารย์เซี่ยนอวี๋ โปรดรับการคำนับจากข้าด้วย!”
“ก่อนหน้านี้ใครบอกฟระว่าหลินเยวียนเด๋อๆ ด๋าๆ! แสดงตัวออกมา นี่มันเทพคนใหม่ของแผนกประพันธ์เพลงชัดๆ”
“อย่ามาเนียน เหล่าหวัง แกนั่นแหละที่พูด”
“ฉันเปล่า…แกนี่…อยู่ๆ มาใส่ความกันได้ยังไง…พวกแกนั่นแหละที่เด๋อๆ ด๋าๆ พวกแกนั่นแหละที่เด๋อ!”
“เซี่ยนอวี๋ เทพตลอดกาล!”
สายตาที่ทุกคนมองหลินเยวียนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่มีใครมองหลินเยวียนเป็นเด็กใหม่ที่มีแค่โชคดีอีกต่อไป
เด็กใหม่คนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
แน่นอนว่าทุกคนลืมแจกจ่ายกาแฟไปเสียสนิท
หลินเยวียนปวดใจ กาแฟพวกนี้ขูดรีดเงินในบัญชีของเขาไป ตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปเขาจะอยู่อย่างไรเป็นปัญหา
ใหญ่แล้ว แน่นอนว่าเหตุผลสำคัญก็คือหลินเยวียนลืมวางแผนไปล่วงหน้า และลืมว่าในเดือนนี้จำเป็นต้องใช้จ่ายเท่าไรกันแน่ หลังจากนี้เขาต้องจำไว้เป็นบทเรียน
……
ภารกิจออเดอร์ ‘มังกรมัจฉาเริงระบำ’ ของฉีโจว นับว่าเป็นกระดูกชิ้นโตสำหรับแผนกประพันธ์เพลงชั้นสิบ
ถ้าหากออเดอร์นี้ไม่สำเร็จจะเป็นยังไงน่ะเหรอ
ชัดเจนอยู่แล้ว
แม้ว่าเหล่าโจวจะไม่ถึงขั้นหาบริษัทอื่นมาทำ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องให้คนจากชั้นอื่นมาเข้าร่วมทำออเดอร์นี้
ถึงอย่างไรเหล่าโจวก็ไม่ได้เป็นแค่หัวหน้าของชั้นสิบ แต่เป็นหัวหน้าของแผนกประพันธ์เพลงทั้งหมด สิ่งที่เขาต้องพิจารณาก็คือแผนกประพันธ์เพลงทั้งแผนก
ทั้งชั้นสิบนี้ ไม่มีใครอยากเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
แม้ว่าแผนกประพันธ์เพลงของบริษัทจะเป็นหนึ่งหน่วยงาน เหล่าโจวก็เป็นผู้นำของทุกคน ทว่าระหว่างแต่ละชั้นก็มีความสัมพันธ์แบบแข่งขันกันอยู่
‘มังกรมัจฉาเริงระบำ’ ของฉีโจวนับว่าเป็นออเดอร์ของชั้นสิบ ถ้าส่งให้ชั้นอื่นทำ จะไม่ได้หมายความว่าชั้นสิบไร้ความสามารถหรอกเหรอ
เมื่อถึงตอนนั้น แผนกประพันธ์เพลงชั้นสิบก็จะไม่กล้าเงยหน้ามองสมาชิกแผนกประพันธ์เพลงชั้นอื่นอีกต่อไป
มองจากมุมมองนี้ หลินเยวียนก็คือฮีโร่ของชั้นสิบ
และด้วยเหตุนี้เอง
ช่วงเย็นหลังเลิกงาน
เจิ้งหานรุ่นพี่ในแผนกซึ่งมาจากวิทยาลัยเดียวกับหลินเยวียน ทั้งตอนประชุมยังมีท่าทีเป็นมิตรกับหลินเยวียน ได้เลี้ยงข้าวหลินเยวียน จากนั้นก็ยังขับรถไปส่งหลินเยวียนกลับวิทยาลัยด้วย
“ขอบคุณนะ”
หลินเยวียนกำลังจะลงจากรถ อยู่ๆ เจิ้งหานก็พูดขึ้น
หลินเยวียนชะงักไป
เจิ้งหานหัวเราะร่วน “ตอนประชุมครั้งก่อน ฉันบอกนายว่าชั้นสิบของเรามีเพลงของนักแต่งเพลงมือทองสิบกว่าคนถูกตีกลับ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันยังไม่ได้บอกนาย”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“ฉันเป็นคนที่สิบสี่ที่ถูกตีงานกลับ”
“ผมแย่งออเดอร์ของพี่”
“ถ้าเป็นออเดอร์ที่ฉันทำได้แล้วนายมาเอาไป นั่นเรียกว่าแย่ง ฉันทำไม่ได้แล้วนายรับงานไปทำ นั่นหมายความว่าความสามารถของฉันไม่พอ แต่ฉันก็ไม่อยากให้งานของชั้นสิบถูกชั้นอื่นรับไปทำ เพราะงั้นฉันต้องขอบคุณนายแทนทุกคนในชั้นสิบด้วย”
หลินเยวียนตอบไปตามความจริง “ผมทำเพื่อตัวผมเอง”
ใบหน้าของเจิ้งหานยังคงประดับรอยยิ้ม “ทุกคนก็ทำเพื่อตัวเองกันทั้งนั้น แต่ถ้างานนี้ทำไม่ได้ ต่อไปจำนวนออเดอร์ที่แบ่งมาให้ชั้นสิบก็จะน้อยลง ถ้าเป็นอย่างนั้นชีวิตของทุกคนก็จะตกที่นั่งลำบาก”
“อ้อ”
ที่แท้นี่ก็คือเหตุผลที่ชั้นสิบไม่ยอมปล่อยออเดอร์ ‘มังกรมัจฉาเริงระบำ’ ง่ายๆ ทุกคนไม่เพียงทำเพื่อหน้าตาและศักดิ์ศรีของชั้นสิบ แต่ก็ยังทำเพื่อผลประโยชน์ทางรูปธรรมด้วย
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ
ออเดอร์ของแต่ละชั้นยิ่งมากเท่าไหร่ โอกาสของนักประพันธ์เพลงของชั้นนั้นก็ยิ่งมาก ถ้าหากออเดอร์ ‘มังกรมัจฉาเริงระบำ’ ตกไปอยู่กับชั้นอื่น เช่นนั้นโอกาสที่หลินเยวียนจะได้ออเดอร์นี้ก็มีน้อยแสนน้อย นอกเสียจากว่าชั้นอื่นจะรับมือไม่ไหว
แต่ว่า คนมีความสามารถในแผนกประพันธ์เพลงมีตั้งเยอะแยะ
แต่ละชั้นได้รับออเดอร์มา โดยทั่วไปก็จะรับไว้ มีออเดอร์น้อยมากที่คนทั้งชั้นจะรับมือไม่ได้
เจิ้งหานพูด “นี่คือเหตุผลที่หลายๆ ชั้นจะมีพ่อเพลงประจำอยู่ บางชั้นแม้จะไม่มีพ่อเพลงประจำ แต่พวกเขาก็มีจำนวนนักแต่งเพลงมือทองอยู่มากกว่า…ฉะนั้นเมื่อมองจากศักยภาพโดยเฉลี่ยแล้ว แต่ละชั้นก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่”
หลินเยวียนพยักหน้า
เห็นทีการแข่งขันในบริษัทจะสูงมาก
เจิ้งหานคล้ายกับว่าจะอ่านความคิดของหลินเยวียนออก จึงกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าบริษัทเราการแข่งขันสูง แต่เป็นเพราะอุตสาหกรรมนี้การแข่งขันสูง คนทำเพลงในฉินโจวมีมากเกินไป หวังว่าวันหนึ่งนายจะกลายเป็นนักแต่งเพลงมือทองของชั้นสิบเรา”
“อื้ม”
หลินเยวียนพยักหน้าอีกครั้ง
…………………………………………