หลินเยวียนไม่รู้ถึงความหนักใจของจ้าวเจวี๋ย
หลังจากอัดเสียงเสร็จ เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่เท่าไหร่นัก เพราะเขาต้องจดจ่ออยู่กับอีกภารกิจของระบบ
[ติดยี่สิบห้าอันดับแรกของเซคในการสอบครั้งถัดไปในวิชาของสาขา]
นี่เป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการเรียน คะแนนสอบสำคัญมาก ดังนั้นตั้งแต่วิชาแรกของวันที่สองเริ่มต้นขึ้น หลินเยวียนก็เปิดใช้งาน ‘โหมดเด็กเรียน’ อย่างเป็นทางการ
การเรียนทำให้ฉันมีความสุข
โดยทั่วไป การสอบของสาขาจะใช้รูปแบบข้อสอบเขียนทั้งหมด ความรู้ส่วนใหญ่ในนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ต้องท่องจำ ดังนั้นหลินเยวียนนอกจากจะตั้งใจจดเลกเชอร์ในชั้นเรียนแล้ว ในช่วงเวลาพักหลังเลิกเรียน เขาก็ยังง่วนอยู่กับหนังสือเรียนของตน
ทฤษฎีการประพันธ์บทเพลงนั้นมีตั้งเยอะแยะ
อ่านทวนไปมาอยู่หลายครั้ง ในสมองของหลินเยวียนก็คล้ายกับจะเต็มไปด้วยความรู้เฉพาะทางอย่างพวก ‘การสอดทำนองและฟิวก์’ ‘คำอธิบายว่าด้วยเสียงประสาน’ ‘เทคนิคการประพันธ์ดนตรีสมัยใหม่’ รวมไปถึง ‘ทางดนตรีออร์เคสตรา’
แต่ว่าอย่าเพิ่งพูดไป
ใช้ชีวิตแบบนี้ติดต่อกันหลายวัน หลินเยวียนไม่ได้รู้สึกห่อเหี่ยวเลย แต่กลับรู้สึกว่าตนเองใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน
ตกเย็น
เรียนจนเหนื่อยเหลือทน เขาจึงเรียกซย่าฝานกับเจี่ยนอี้ไปเดินเล่นที่สนามกีฬา ตากลมยามเย็นพลางพูดคุยกัน รู้สึกผ่อนคลายดีจริงๆ
ขณะกำลังเดินอยู่ในสนาม
จู่ๆ โทรศัพท์หลินเยวียนก็สั่น
เขาหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นข้อความข้อความหนึ่ง ในนั้นเขียนว่า ‘‘ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่’ จะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ สตาร์ไลท์ร่วมเดินไปพร้อมคุณ!’
ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่?
หลินเยวียนตกใจ “วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือนตุลาเหรอ? พรุ่งนี้ก็พฤศจิกาแล้ว?”
เอาเถอะ
เพื่อให้ภารกิจระบบสำเร็จ จะได้เปิดกล่องสมบัติทองแดงได้อีกใบ พักนี้เขาเรียนหนักเกินไป ถึงกับลืมเรื่องฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ไปสนิท
“พูดให้ชัดก็คือ”
เจี่ยนอี้พูด “หลังจากเที่ยงคืนนี้ผ่านไป ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่แห่งวงการเพลงที่มีเพียงปีละหนึ่งครั้งก็จะเริ่มต้น ขึ้นแล้ว!”
อาจเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับสาขาเฉพาะทางของตน
ซย่าฝานจึงพูดเสริมจุดสำคัญอย่างตื่นเต้น “ช่วงนี้คนในคณะดนตรีพูดถึงเรื่องนี้กันตลอด โดยเฉพาะสาขาการขับร้อง แม้แต่อาจารย์ของพวกเขาก็พูดเรื่องนี้ในคลาส เพราะปีนี้รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วจากสาขาการขับร้องของพวกเราจะได้เดบิวต์ในฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่แล้ว ซุนเย่าหั่วยังติดต่อมาถึงคณะด้วยตนเอง หวังว่าพอถึงตอนนั้นรุ่นน้องในคณะจะโหวตให้เขาติดอันดับ…รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วนี่นายน่าจะคุ้นอยู่บ้างใช่ไหม เมื่อก่อนตอนที่นายยังไม่ได้ย้ายสาขา พวกเรายังเคยร่วมงานกันด้วย”
หลินเยวียนเผยสีหน้าประหลาด “ก็คุ้นอยู่นะ”
เพื่อที่จะทำเพลงอย่างเงียบเชียบไม่ประเจิดประเจ้อ หลินเยวียนขอร้องซุนเย่าหั่วว่าอย่าบอกคนอื่นว่าที่จริงแล้วตนเป็นคนแต่งเนื้อร้องและทำนอง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’
ตอนนี้ดูแล้ว ซุนเย่าหั่วก็ไม่ได้แฉตนจริงๆ
หืม?
เจี่ยนอี้หันไปเหลือบมองหลินเยวียน รู้สึกว่าสีหน้าของหลินเยวียนแปลกชอบกล
จากนั้นเขาจึงสบตากับซย่าฝาน ต่างคนต่างก็พอจะกระจ่างขึ้นมา
ทั้งสองจำได้ว่าก่อนหน้านี้หลินเยวียนเคยใช้วิธี ‘เพื่อนสมมติ’ ถามพวกเขาว่าจะปล่อยเพลงใหม่อย่างไร ซย่าฝานยังแนะนำว่าให้เขาไปหาผู้จัดการของบริษัท เพื่อสมัครฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ของปีนี้…
ตอนนี้เห็นทีหลินเยวียนคงผิดหวังซะแล้ว
จะว่าไปก็ไม่แปลก การเข้าร่วมฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่นั้นมีมาตรฐานสูงขนาดไหน แม้ว่าหลินเยวียนจะมีพรสวรรค์ด้านการขับร้องเต็มเปี่ยม ทว่าคอของเขาอยู่ในสภาพใช้งานไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ในด้านการประพันธ์เพลง เขาก็ไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรอยู่ดี
นอกจากนั้นแล้ว ถ้าหากมีความมั่นใจในตัวเอง เขาคงไม่ใช้ ‘เพื่อนสมมติ’ หรอก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองจึงตัดสินใจตรงกันว่าคืนนี้ไม่พูดถึงเรื่องนี้จะดีกว่า เพื่อไม่ให้หลินเยวียนเสียใจ
หลินเยวียนไม่รู้ความคิดของเพื่อนสนิททั้งสอง
ในตอนนั้นเขาโชคดีอยู่บ้างที่เพื่อนสนิททั้งสองไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงเรื่องฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ ถึงอย่างไรเขาก็ทำใจโกหกคนสนิทไม่ลง
ทั้งสามต่างคนต่างกลับหอพักของตนไปพร้อมกับความคิดที่ไปคนละทิศละทาง
……
ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่เริ่มต้นขึ้นในเวลาเที่ยงคืนของวันที่หนึ่งเดือนพฤศจิกายน คนที่อดหลับอดนอนเพื่อการนี้มีนับไม่ถ้วน ทว่าช่วงนี้หลินเยวียนจิตใจจดจ่ออยู่กับการเรียนจนเหนื่อยล้า มิหนำซ้ำยังเป็นเพราะสภาพร่างกายไม่สู้ดี เขาจึงรอถึงเที่ยงคืนไม่ไหว
สี่ทุ่มเขาก็เข้านอนแล้ว
แต่หลินเยวียนรอไม่ถึงเที่ยงคืน ก็ย่อมมีคนที่รอถึง
ตัวอย่างเช่นเหล่านกฮูกกลางคืนที่ชอบฟังเพลงเล่นโทรศัพท์กลางดึก
จางเฉินนักศึกษาปีสองของวิทยาลัยศิลปะฉินโจวก็เป็นหนึ่งในนกฮูกกลางคืน
เวลาเที่ยงคืนตรง จางเฉินสวมหูฟังที่ดีที่สุดของตน เปิดแอปพลิเคชันฟังเพลง ‘คลาวด์ซีมิวสิก’ ซึ่งใช้อยู่เป็นประจำ เตรียมฟังว่าฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ปีนี้มีเพลงใหม่เพลงไหนควรค่าแก่การเฉิดฉายบ้าง
“หวังว่าปีนี้จะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ”
ในฐานะนักศึกษาคณะดนตรี จางเฉินเป็นผู้มีใจรักเสียงเพลง ลำพังแค่หูฟัง เขาก็มีตั้งสี่อันแล้ว ราคาแตกต่างกันไปตั้งแต่หนึ่งพันห้าร้อยถึงหนึ่งหมื่นหยวน ทั้งหมดล้วนซื้อด้วยเงินที่เขาได้จากการทำงานพิเศษ
กดเปิดเพลงแนะนำหน้าแรก
จางเฉินเริ่มฟังทีละเพลงๆ
พูดตามตรงว่าเพลงแนะนำในหน้าแรกล้วนไม่เลว ถึงอย่างไรก็เป็นเพลงใหม่นักร้องใหม่ที่บริษัทใหญ่ต่างก็ดันสุดแรงเกิด รับประกันคุณภาพได้ ไม่อย่างนั้นก็ทำได้แค่เปลืองทรัพยากรไปโดยสูญเปล่า
แต่ปัญหาก็คือ…
เพลงเหล่านี้ล้วนหยุดอยู่ที่ระดับไม่เลว
หูของผู้มีใจรักในเสียงเพลงอย่างจางเฉินนั้นแสนจะมากความ เพลงธรรมดาๆ น่ะ ฟังไปก็ไม่เข้าหูเขาหรอก
ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากฟังมายี่สิบสองเพลงติดต่อกัน มีแค่สามเพลงที่จางเฉินเพิ่มลงไปในเพลย์ลิสต์สำรองของตน
บัญชีผู้ใช้ของจางเฉินนั้นสร้างมาสิบปีแล้ว
ในบัญชีนี้มีทั้งหมดสองเพลย์ลิสต์
ด้านบนเป็นเพลย์ลิสต์เก็บรักษา ด้านล่างเป็นเพลย์ลิสต์สำรอง
เพลย์ลิสต์เก็บรักษามีทั้งหมดสิบสองเพลง สิบปีเพิ่งสะสมได้สิบสองเพลง ทุกเพลงล้วนเป็นผลงานสุดคลาสสิกในดวงใจของจางเฉิน ชั่วชีวิตนี้เขาอาจไม่ลบทิ้งเลยก็ได้ หนำซ้ำยังคอยเปิดฟังเป็นระยะๆ ด้วย
ให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งเคยฟังครั้งแรก
ส่วนเพลงในเพลย์ลิสต์สำรองมีมากแล้ว อีกทั้งยังเปลี่ยนเพลงค่อนข้างบ่อย จัดอยู่ในหมวดหมู่เพลงที่จางเฉินชื่นชอบเพียงประเดี๋ยวประด๋าว แต่เพลงเหล่านี้ฟังบ่อยแล้วก็รู้สึกเบื่อ เบื่อแล้วก็เตะออกจากเพลย์ลิสต์สำรองอะไรเทือกนั้น
เขาฟังต่ออีกหลายเพลง
จางเฉินเริ่มเหนื่อยแล้ว
เขาอ้าปากหาววอด ตอนที่เตรียมตัวเข้านอน จู่ๆ ก็ถูกข้อความแนะนำของเพลงใหม่ซึ่งผ่านมาเพียงแวบเดียวดึงดูดความสนใจ ข้อความแนะนำเขียนไว้หนึ่งบรรทัดว่า
‘ให้ชีวิตตระการตาดั่งมวลผกายามคิมหันต์ ครั้นวายชีวันงามดั่งหมู่ใบไม้ในสารทฤดู’
ต้องบอกเลยว่าประโยคนี้สวยมาก
สวยจนจางเฉินถึงขั้นอดใจไม่อยู่ต้องคลิกลิงค์เข้าไปฟังเพลง
เขากลัวว่าเพลงจะคุณภาพไม่ดี จนทำลายความหมายของข้อความแนะนำท่อนนี้
แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังคลิกเพลงที่ชื่อว่า ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’
เป็นเพราะเขาสงสัยว่าสรุปแล้วบทเพลงซึ่งอยู่เบื้องหลังข้อความนี้ร้องว่าอย่างไรกันแน่
บทเพลงเริ่มบรรเลงทันใด
เสียงฮัมซึ่งฟังไม่ถนัดว่าเป็นภาษาของพื้นที่ใด เมื่อผ่านเอฟเฟกต์เสียงเบสความละเอียดสูงของหูฟัง เสียงก็ยิ่งกระหึ่มดังเข้าไปใหญ่
ยากที่จะบรรยายความรู้สึกเช่นนี้
เหมือนกับคาบคลื่นระลอกหนึ่งพัดผ่าน ชั่วพริบตาเดียวก็ปลุกเร้าเซลล์โสตประสาทอันเหนื่อยล้าทั่วทั้งร่าง จนจางเฉินแทบกลั้นหายใจขณะตั้งใจสดับฟังท่อนเวิร์สของเพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’
“ไม่รู้ว่าหลับใหลมานานเพียงใด
ท่ามกลางความมืดมิด
และไม่รู้ว่าจะยากเย็นแค่ไหน
ถึงจะลืมตาขึ้นได้อีก
ฉันเร่งรุดมาจากแดนไกล
บังเอิญเหลือเกิน พวกคุณก็อยู่ที่นี่ด้วย
เที่ยวเตร่เพลินใจบนโลกใบนี้
แต่ฉันกลับเพ้อคลั่งเพราะเธอ…”
มีความเจ็บปวด มีความเสียใจ รวมไปถึงเศษเสี้ยวแห่งความหวังและความบากบั่น ความรู้สึกที่มาจากทำนองเพลงนั้นประเดประดังกับความรู้สึกที่มาจากเนื้อเพลง วนไปเวียนมาอยู่ในห้วงสำนึก
ลมหายใจของจางเฉินค่อยๆ สงบขึ้น
กระนั้น ภายใต้ลมหายใจที่สงบนิ่งนี้ ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างที่คล้ายว่าจะอัดแน่นอยู่ในอกของจางเฉินค่อยๆ เอ่อท้นขึ้นมา จนกระทั่งจังหวะดนตรีเร่งเร็วขึ้นเล็กน้อย ท่อนคอรัสแรกก็ดังขึ้นอย่างเยือกเย็นเหลือเกิน
‘ฉันคือช่วงเวลาอันเจิดจรัส
ฉันคือเปลวไฟที่ผ่านพัดเส้นขอบฟ้า
เพื่อให้เธอมองมา ฉันไม่สนใจสิ่งใด
ฉันจะมอดมลายไป ไม่หวนคืนมา
ฉันอยู่ที่นี่นะ
อยู่ที่นี่แหละ
ไม่จีรังดั่งหมู่หงส์โบยบิน
งามตระการเหมือนมวลผกายามคิมหันต์…’
จางเฉินฟังจนแทบเคลิ้มไป
ความเบ่งบานและร่วงโรยของชีวิตคล้ายกับถูกเอ่ยถึงไปในทุกส่วนของเพลง พานให้เขาเผลอนึกถึงโชคชะตาระหว่างผู้คนบนโลกใบนี้ รวมไปถึงโชคชะตาระหว่างคนกับโลกด้วย
ในตอนนั้นเอง
เขาพลันรู้สึกว่าความรู้สึกของตนได้ถูกปลดปล่อย ลำคอตีบตันขึ้นมาเล็กน้อย เขาสะอึกสะอื้นอยู่ใต้ผ้าห่มกลางดึก เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่เขานึกถึงในท้ายที่สุดก็คือเพื่อนสนิทคนหนึ่งในอดีต
อีกฝ่ายก็เป็นผู้มีใจรักเสียงเพลง
เหมือนกับเขา
พวกเขาเคยทำงานพิเศษด้วยกันช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนเพื่อซื้อหูฟัง ฟังเพลงและเคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลงคลาสสิกเหล่านั้นด้วยกัน
แต่น่าเสียดาย
เมื่อเขาสอบเข้าวิทยาลัยศิลปะที่ดีที่สุดในฉินโจวได้ เพื่อนกลับเป็นอันหลุดอันดับไปอย่างจนปัญญาเพราะคะแนนวิชาสายศิลปะวัฒนธรรมไม่สูงพอ ดนตรีไม่ได้เป็นความฝันของเขาอีกต่อไป เส้นทางของทั้งสองก็ห่างกันออกไปเรื่อยๆ
เวลาล่วงเลยไปเนิ่นนานจนขาดการติดต่อ
มิตรภาพไม่เหลืออยู่แล้วใช่ไหม
น้ำตาไหลรินจากดวงตาระบมของจางเฉิน ความคิดมากมายผุดขึ้นในห้วงสำนึก
เขาฟังเสียงเพลงค่อยๆ จบลงในความตื่นรู้ที่ไม่อาจพรรณนาได้
‘เส้นทางอันเปี่ยมพลังของฤดูใบไม้ผลิ
เส้นทางอันเต็มไปด้วยขวากหนาม
ไม่จีรังดั่งหมู่หงส์โบยบิน
งามตระการเหมือนมวลผกายามคิมหันต์
นี่คือโลกที่ไม่หยุดเพื่อพวกเรานานนัก…’
นี่คือโลกที่ไม่หยุดรอพวกเราจริงๆ ในเมื่อแบบนี้ทำไมไม่เลือกใช้ชีวิตให้งามตระการดั่งมวลผกายามคิมหันต์ ชีวิตของคนเราสั้นนัก ขอเธออย่าได้ทำมันสูญเปล่า
‘ดาวน์โหลด’
เพลงที่ไม่ได้ดาวน์โหลดจะทดลองฟังได้ฟรีเดือนละห้าครั้ง แต่จางเฉินไม่คิดจะทดลองฟังต่อ เขาเช็ดน้ำตาพลางดาวน์โหลดเพลงทันที
ราคามาตรฐานของเพลงในบลูสตาร์คือ
ดาวน์โหลดหนึ่งเพลงจ่ายเพียงหนึ่งหยวน
หลังจากดาวน์โหลดเพลงเรียบร้อยแล้ว มุมปากของจางเฉินก็ยกขึ้นน้อยๆ เขากดเพิ่มเพลงชีวิตดั่งมวลผกายาม
คิมหันต์ลงในเพลย์ลิสต์เก็บรักษา นี่เป็นเพลย์ลิสต์ที่หยุดอัปเดตมาสามปี วันนี้เพลย์ลิสต์นี้ก็ได้ฤกษ์ต้อนรับเพลง
ใหม่แล้ว
จากนั้นจางเฉินก็หาข้อมูลของเพลงนี้
เมื่อมองไปยังชื่อนักร้องในช่องขับร้อง จางเฉินก็พลันชะงักไปชั่วขณะ “เป็นเพลงที่รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วที่จบจากวิทยาลัยเราร้องหรอกเหรอเนี่ย”
ช่วงนี้ในวิทยาลัยมักพูดคุยกันเรื่องฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่
ชื่อของซุนเย่าหั่วถูกเอ่ยถึงบ่อยครั้งพอตัว
แต่ว่าสิ่งที่จางเฉินสนใจไม่ใช่ช่องชื่อนักร้อง หากแต่เป็นผู้แต่งเนื้อร้องและทำนอง โดยเฉพาะทำนอง สุดท้ายเมื่อไปดูในช่องผู้แต่งเนื้อร้องกลับพบว่าเป็นชื่อเดียวกัน
‘เซี่ยนอวี๋’
เซี่ยนอวี๋เป็นใคร
คงจะเป็นชื่อในวงการ
จางเฉินแอบจดจำชื่อนี้ไว้ คิดว่าหลังจากนี้จะติดตามให้มาก สุดท้ายแล้วก็เปิดแอปพลิเคชันสนทนา กดเปิดรายชื่อที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานนับปี ก่อนจะส่งเพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ไปให้
ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ข้อความ
ตัวอักษรแสนจืดจาง
แต่จางเฉินคิดว่าเมื่ออีกฝ่ายได้ยินเพลงนี้ คงจะเข้าใจล่ะมั้ง ดนตรีถึงจะเป็นภาษาที่ดีที่สุดซึ่งพวกเขาใช้สนทนากัน
จากนั้น
จางเฉินก็ส่งเพลงนี้เข้าในกลุ่มแช็ตของชั้นเรียน ให้ทุกคนได้ฟังด้วยกัน ผลคือทันทีที่เปิดกลุ่มชั้นเรียนดู รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้า
ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่กำลังมาถึง
บรรดานกฮูกกลางคืนในกลุ่มต่างรัวแช็ตกันเรียบร้อยแล้ว ถึงยังไงดนตรีก็เป็นวิชาถนัดของทุกคน และบทเพลงที่ทุกคนพูดถึงกันก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย
[เสี่ยวเป้ย]: เชี่ย! รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วสุดยอดไปเลย!
[หลานหลาน]: ให้ชีวิตตระการตาดั่งมวลผกายามคิมหันต์ ครั้นวายชีวันงามดั่งหมู่ใบไม้ในสารทฤดู! ปังมากแก! รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วครั้งนี้ได้ดังเปรี้ยงจริงๆ แน่
[ฮวาฮวา]: พวกแกคุยกันเรื่องเพลงของซุนเย่าหั่วเหรอ ดีขนาดนั้นเลย? ฉันต้องไปฟังดูบ้างละ
[เชือดนิ่ม]: เพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ นี่ฉันฟังแล้วร้องไห้เลย รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วยอดเยี่ยมจริงๆ เรื่องความเป็นมืออาชีพนี่ไม่ต้องพูดถึง แต่อาจารย์คนแต่งเนื้อร้องทำนองเพลงนี้เจ๋งสุดๆ!
[น้องหมาพเนจรหมื่นลี้]: จริง! สมแล้วที่เป็นพ่อเพลง! รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วเจอตัวท็อประดับเทพแล้ว เตรียมบินได้เลย!!
[หวงเลี่ยง คณะดนตรี]: เชื่อดิว่าชาร์ตดาวรุ่งเปิดประเดิมวันพรุ่งนี้ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ฟาดยับแน่!
……
[หลานหลาน]: ฟังเพลงจบแล้วเข่าแทบทรุดเลย! คนแต่งเพลงโคตรเทพ! แล้วพวกแกสังเกตหรือเปล่าว่าเนื้อร้องกับเรียบเรียงก็เป็นคนแต่งทำนองทำคนเดียว ในสตูดิโอมีคนทำเพลงระดับนี้อยู่ ให้หมามาร้องก็ยังปังปะ”
…………………………………………