หลังจากหลินเยวียนไป โจวรุ่ยหมิงก็ฟังเพลงลูกโป่งอีกครั้ง
“คุณภาพไม่เลวก็จริง…”
ฟังครั้งที่สอง เหล่าโจวยังคงประเมินออกมาเหมือนเดิม
เพลงนี้ไม่ได้ทำให้เหล่าโจวตกตะลึงทันทีที่ได้ยินเหมือนกับเพลงปลายักษ์
แต่เหล่าโจวเข้าใจดีว่านี่สิถึงจะปกติ
ไม่มีนักประพันธ์เพลงคนไหนที่ทำได้ถึงขั้นที่ผลงานทุกชิ้นที่ปล่อยออกมาจะกลายเป็นเพลงดัง
หลังจากที่หลินเยวียนทำเพลงดังออกมาติดต่อกันสามเพลง แล้วยังส่งเพลงใหม่ที่คุณภาพไม่เลวมาอีก ก็ทำให้เหล่าโจวพึงพอใจมากแล้ว
“เพลงนี้เหมาะที่จะปล่อยเดือนมีนา ยังไงเดือนหน้าก็มีแต่เทพเซียนสู้กัน…”
เพราะฉะนั้นการหลีกเลี่ยงเดือนกุมภาพันธ์จึงเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลของนักร้องหลายคน
ต้องเข้าใจก่อนว่า
กลุ่มแห่งความตายในเดือนธันวาคม ต่อให้เป็นเพลงระดับปลายักษ์ ก็คงทะลวงไปได้แค่อันดับสิบเท่านั้น
เหล่าโจวได้ศึกษาสถิติมาแล้ว
หลังจากวิเคราะห์จึงได้ข้อสรุปว่า ต่อให้ในตอนนั้นเพลงปลายักษ์เข้าไปในชาร์ตตั้งแต่ต้นเดือน สุดท้ายแล้วน่าจะเก็บได้สักประมาณอันดับห้า
เมื่อนึกถึงตรงนี้
เหล่าโจวก็ติดต่อจ้าวเจวี๋ย พร้อมกับส่งเพลงลูกโป่งไปให้
“เพลงของหลินเยวียน?”
จ้าวเจวี๋ยฟังเพลงจบ ก็พูดด้วยความตกใจ “หลินเยวียนผลิตเพลงเร็วจริงๆ”
เหล่าโจวเห็นด้วย “ผลิตเพลงเร็วจริงๆ แถมเพลงครั้งนี้คุณภาพก็ไม่เลวด้วยนะ ถึงภาพรวมจะรู้สึกว่าสู้เพลงก่อนๆ ไม่ได้ แต่ฉันก็คิดว่าถ้าปล่อยเดือนมีนาก็มีหวังแตะที่หนึ่งนะ อีกอย่างคือเขาบอกว่าให้เจียงขุยมาร้อง”
“เจียงขุยเหรอ”
จ้าวเจวี๋ยครุ่นคิด “หลังจากเพลงปลายักษ์ ชื่อเสียงของเจียงขุยดีมากทีเดียว บริษัทคิดจะอุ้มชูเจียงขุยจริงๆ ถ้าจะให้เธอร้องเพลงนี้ฉันไม่มีความเห็นอะไร”
“อื้ม”
เหล่าโจวไตร่ตรอง พูดว่า “สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจก็คืออินโทรยาวมาก ฉันฟังเพลงมาตั้งเยอะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินอินโทรยาวขนาดนี้”
จ้าวเจวี๋ยกล่าวกลั้วหัวเราะ “ไม่เป็นไร เจียงขุยเป็นนักร้องมืออาชีพ เรื่องนี้ไม่น่าเหลือบ่ากว่าแรง”
เหล่าโจวขบคิด แล้วตอบไปว่า “ก็จริง”
……
ทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามประโยคก็ยืนยันแผนงาน
และหลังจากที่เจียงขุยได้รับแจ้งไป เธอก็ตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงนั้น
อาจารย์เซี่ยนอวี๋ให้เพลงใหม่เธอมาร้องจริงๆ ด้วย!
เดิมทีก็แค่ประจบประแจง ประจบจนถึงวินาทีสุดท้าย และก็ได้มาสมใจปรารถนาจริงๆ!
กระนั้นแล้วทันทีที่เห็นเนื้อเพลงลูกโป่ง เจียงขุยถึงได้รู้ว่าตนเองดีใจเก้อเกินไปหน่อย
โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเข้าไปในห้องอัดเสียง เธอถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าทำไมเมื่อวานหลินเยวียนถึงถามตนว่าความจุปอดเป็นอย่างไร
ก็เพราะว่าเพลงนี้ทำให้เธอหาย! ใจ! ไม่! ทัน!
ถามว่าหายใจไม่ทันถึงขนาดไหนน่ะเหรอ
แค่ดูเนื้อเพลงท่อนแรกก็รู้แล้วละ ‘สีดำสีขาวสีแดงสีเหลืองสีม่วงสีฟ้าสีเขียวสีเทาของคุณของฉันของเขาของเธออันเล็กอันใหญ่อันกลมอันแบนทั้งดีทั้งเลวทั้งสวยน่าเกลียดทั้งใหม่ทั้งเก่าแต่ละรูปแบบแต่ละสีสันเชิญเลือกตามใจ’
เจียงขุยอุตส่าห์นับพยางค์
ใช่แล้ว ยี่สิบหกพยางค์เต็มๆ!
อีกทั้งระหว่างคำก็ไม่มีโอกาสได้หายใจหายคอเลย
ท่อนแรกของเวิร์สจะต้องเชื่อมคำพวกนี้เข้าด้วยกัน จากนั้นก็ร้องให้ครบทุกคำ
เดินเข้าไปในห้องอัดเสียง
เจียงขุยอัดเสียงครั้งแรก ยามที่ร้องเวิร์สท่อนแรกก็ฝืนร้องต่อไป แต่เมื่อร้องจบเจียงขุยก็หายใจไม่ทันอย่างรุนแรง ต้องใช้เวลาอีกหลายวินาทีถึงจะค่อยๆ ดีขึ้น
โดยเฉพาะไม่กี่คำสุดท้าย กลายเป็นว่าเจียงขุยร้องลูกคอออกมา เสียงสั่นจนฟังได้ชัด
นี่แสดงให้เห็นว่าลมหายใจไม่มั่นคงพอ
เจียงขุยไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีวันหนึ่งที่ตนร้องเพลงแล้วลมหายใจไม่มั่นคงขนาดนี้!
“ฉันพูดได้เลยว่าสมแล้วที่เป็นเซี่ยนอวี๋ เพลงใหม่ครั้งนี้พิเศษสุดๆ…”
ซาวด์เอนจิเนียร์ก็ประหลาดใจกับเพลงนี้ “ต่อให้เป็นนักร้องระดับมืออาชีพในบริษัท จะให้ร้องเพลงที่มีหลายคำรวดเดียวแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสบายๆ หรอก”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ”
ซาวด์เอนจิเนียร์อีกคนหนึ่งในสตูดิโอส่งเสียงชมเชย “ถ้าแค่ท่อนแรกของเวิร์สยาวก็ว่าไปอย่าง ที่น่ากลัวก็คือส่วนอินโทรของเพลงนี้เสียงไม่ต่ำเลย สำหรับนักร้องแล้ว เสียงยิ่งสูงก็ยิ่งยากที่จะร้องเวิร์สจนจบในลมหายใจเดียว”
“ให้ฉันลองเถอะค่ะ”
เจียงขุยบอกกับซาวด์เอนจิเนียร์หนึ่งประโยค จากนั้นก็ลองอยู่หลายครั้ง และนั่นทำให้เจียงขุยยิ่งมึนหัวขึ้นเรื่อยๆ
นั่นเพราะในเพลงนี้ ทุกครั้งที่เจียงขุยอ้าปากร้อง ก็จะต้องสูดลมหายใจเยอะมาก!
ตอนจบของทุกประโยค กับตอนเริ่มของประโยคถัดไป ส่วนเชื่อมจะต้องสูดลมหายใจเร็วถึงจะได้
และหลังจากที่สูดลมหายใจไปแล้วเฮือกใหญ่ ก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างสม่ำเสมอ ทุกคำจะต้องงับอย่างไม่เบาและไม่หนัก ถ้าใช้ลมหายใจที่คำไหนหนักเกินไป จังหวะทั้งหมดก็จะขาดท่อนไป
สุดท้ายแล้ว
ต่อให้เจียงขุยจะทำทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นได้ ก็ยังไม่ระวังหมดลมหายใจช่วงไม่กี่คำสุดท้าย
คนทั่วไปอาจฟังไม่ออก
ถึงขั้นที่สำหรับคนทั่วไป การขับร้องของเจียงขุยนั้นสมบูรณ์แบบแล้ว
ทว่าสำหรับนักร้องที่มีมาตรฐานของตนเองสูง เจียงขุยเป็นคนที่ไม่ยอมให้ลมหายใจในสองสามคำสุดท้ายของตนไม่พอ ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกผิดต่อเพลงนี้ที่อาจารย์เซี่ยนอวี๋เขียน ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาครึ่งค่อนวันอัดเพลงนี้อยู่ในห้องอัด สาบานว่าจะต้องอัดเพลงนี้ออกมาให้ได้ถึงระดับสมบูรณ์แบบที่สุด
“ต่อพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
ตกเย็นก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจออกมา ซาวด์เอนจิเนียร์จึงเสนอให้เลิกงานชั่วคราว
เจียงขุยร้องเพลงลูกโป่งได้ เรื่องนี้ไร้ซึ่งข้อสงสัย
แต่อยากร้องออกมาได้ถึงระดับสมบูรณ์แบบ งั้นก็ต้องให้เจียงขุยอัดเพลงไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะ ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เพลงธรรมดา
“เจียงขุย?”
ไม่มีเสียงตอบรับ ซาวด์เอนจิเนียร์อดมองไปยังเจียงขุยไม่ได้ และเขาก็พบว่าเจียงขุยกำลังนั่งแผ่หลาไปกับเก้าอี้ แลบลิ้นออกมาข้างนอก
“แฮ่กๆๆ…”
ซาวด์เอนจิเนียร์ทั้งสองรู้สึกขบขัน
ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เข้าใจเจียงขุยอย่างดี ท่อนอินโทรของเพลงนี้เขียนได้ผิดมนุษย์มนาไปหน่อย
“ฉันมีไอเดีย”
ซาวด์เอนจิเนียร์ทางซ้ายกล่าว “รอให้เพลงที่อัดเวอร์ชันทางการออกมา พวกเราไม่ต้องลบเสียงหายใจ แบบนี้อาจดูเรียลกว่า”
“จะไม่ส่งผลกับความรู้สึกตอนฟังเหรอ”
ซาวด์เอนจิเนียร์ด้านขวาถามอย่างกังวล
สตูดิโอตัดต่อเสียงมีเทคนิคในมิกซ์เสียงเพื่อตัดเสียงลมหายใจออก
เสียงหายใจระหว่างการขับร้องที่ดังเกินไปทำให้แปลกอยู่บ้าง และจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในการฟังเพลง ดังนั้นโดยทั่วไปในขั้นตอนการมิกซ์เสียงนั้นจะทำให้เสียงหายใจของนักร้องเบาลง หรือถึงขั้นตัดทิ้งไปเลย
“ไม่เป็นไร”
ซาวด์เอนจิเนียร์คนซ้ายตอบ “วิธีการทั้งหมดที่ทำก็เพื่อให้ผลงานและเสียงน่าฟังขึ้น นี่คือประเด็นสำคัญ การอัดเสียงไม่มีแบบแผนที่ผิดหรือถูก เพลงรักที่มีอารมณ์ค่อนข้างหลากหลายไม่ชอบเก็บเสียงลมหายใจไว้ใช่มั้ยล่ะ พวกเราก็เก็บเสียงลมหายใจของเพลงลูกโป่งไว้ คนที่ฟังเพลงถึงจะเข้าใจถึงเอกลักษณ์ของเพลงนี้ยิ่งขึ้น”
“ก็จริง”
ซาวด์เอนจิเนียร์ด้านขวาถูกโน้มน้าวสำเร็จแล้ว กล่าวกลั้วหัวเราะ “เสียงหายใจของเพลงลูกโป่งนี่ไม่ใช่เบาๆ เลยนะ เปิดมาประโยคแรกยังไม่ทันร้อง นักร้องก็สูดลมหายใจซะเฮือกใหญ่แล้ว ถ้าจะให้คนฟังจับไม่ได้ น่ากลัวว่าจะยาก”
“ฉันว่าได้ค่ะ”
เจียงขุยฟื้นคืนสภาพขึ้นมาแล้ว ถึงแม้สมองจะยังคงมึนงง แต่อย่างน้อยก็สนทนากับซาวด์เอนจิเนียร์ได้เป็นปกติแล้ว “พวกเราเก็บเสียงลมหายใจของเพลงนี้ไว้เถอะค่ะ คนจะได้ไม่พูดว่าผลงานสตูดิโอเราขาดความเรียล”
…………………………………………