วันต่อมา
ศูนย์กีฬากลางฉินโจว ด้านหน้าสนามการแข่งขันเทนนิสชิงชนะเลิศรายการหนึ่ง ฮั่นฉีซึ่งสวมชุดของนักกีฬาขอบตาหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด พลางหาววอดอยู่นาน
“แย่จัง”
ง่วงนิดหน่อยแฮะ
แม้ว่าเมื่อคืนฮั่นฉีจะปิดไฟนอนด้วยพลังความอดกลั้นอันมหาศาล แต่สิ่งที่ทำให้เขาเศร้าก็คือ หลังจากตนเองปิดไฟนอนแล้ว ในสมองก็ยังเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับเนื้อเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิส ยิ่งขบคิดก็ยิ่งนอนไม่หลับ ถึงขนาดที่ไม่รู้ว่าสะลึมสะลือไปนานแค่ไหนกว่าจะเข้าสู่ห้วงนิทราได้สำเร็จ
“เตรียมพร้อมได้แล้ว”
เสียงของโค้ชดังขึ้น
หลังฮั่นฉีอบอุ่นร่างกายเสร็จแล้วก็ลงสนาม
นี่เป็นการแข่งขันเทนนิสภายในฉินโจว ผลแพ้ชนะไม่ได้สำหลักสำคัญอะไรมากนัก แต่ฮั่นฉีไม่ค่อยอยากแพ้สักเท่าไหร่ เพราะวันนี้เพื่อนของเขาดูการแข่งขันอยู่ข้างสนามด้วย เขาไม่อยากทำขายหน้าต่อหน้าเพื่อน
ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้ชมข้างสนาม
การแข่งขันเทนนิสในครั้งนี้ก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
คู่แข่งของฮั่นฉีเป็นนักกีฬาอาวุโส ความสามารถไม่ธรรมดา แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นนักกีฬาอาวุโส ดังนั้นสภาพร่างกายของอีกฝ่ายจึงสู้คนหนุ่มอย่างฮั่นฉีไม่ได้ แรงในการหวดลูกเทนนิสจึงค่อยๆ ลดลง
หลังจากรวบรวมสมาธิแล้ว
คะแนนจึงไล่เบียดฮั่นฉีขึ้นมาเรื่อยๆ
ทั้งสองฝั่งจึงค่อยๆ เข้าสู่สภาวะกดดัน
ภายใต้ระดับความสามารถโดยรวมที่สูสีกัน การแข่งขันในช่วงหลังล้วนแต่ใช้ความความตั้งใจและสภาพจิตใจของนักกีฬา และนี่คือสิ่งที่แตกต่างกับคำบรรยายซึ่งเท่และตื่นเต้นเร้าใจในปรินซ์ออฟเทนนิส
ฉันบ้าไปแล้วแน่ๆ!
ทำไมนึกถึงนิยายอีกแล้ว!
ยังแข่งอยู่เลยนะ!
ฮั่นฉีข่มกลั้นความรู้สึกพิสดารในใจ ยังคงโรมรันพันตูกับคู่แข่ง ผลแพ้ชนะของทั้งสองฝั่งแสนอิหลักอิเหลื่อ ดังนั้นผู้ชมจึงดูแล้วได้อรรถรสมาก บรรดาผู้บรรยายก็ยิ่งคาดเดาทิศทางของการแข่งขันอย่างกระตือรือร้น
“ซับซ้อนเกินคาดเดาจริงๆ”
ผู้บรรยายกล่าวอย่างตื่นเต้น “ฟอร์มของฮั่นฉีตอนเริ่มเกมเหมือนจะไม่ดี แต่พอการแข่งขันดำเนินไป เขาก็ค่อยๆ หาจังหวะของตัวเองกลับมาได้ และนักกีฬาอาวุโสคู่แข่งของฮั่นฉี พวกเราจะได้เห็นว่าเขาเล่นเทนนิสด้วยประสบการณ์และไหวพริบอย่างไรภายใต้สถานการณ์ที่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย…”
ลมหายใจหนักหน่วง
การแข่งขันดำเนินมาครึ่งชั่วโมง
ในการแข่งขันเกมที่หก และเป็นเกมตัดสินผลแพ้ชนะ ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายเสมอกัน การแข่งขันจะเอียงไปทางฝั่งใดก็ขึ้นอยู่กับเกมนี้แล้ว เพราะฉะนั้นทั้งสองฝั่งจึงระมัดระวังมาก ไม่กล้าบุกอย่างมุทะลุ ความเสี่ยงในการบุกนั้นมีมากเกินไป
‘พลั่ก!’
ฮั่นฉีพลาดไปหนึ่งลูก
ความเสียเปรียบของเขาเพิ่มมากขึ้นในชั่วพริบตา
ภายใต้ความเหนื่อยล้าแสนสาหัส ใบหน้าของคู่แข่งประดับรอยยิ้มโดยไม่ซ่อนเร้น แนวโน้มของการแข่งขันในตอนสุดท้าย เป็นประจักษ์ขึ้นมาหลังจากที่ฮั่นฉีทำพลาดไปหนึ่งลูก
‘อยากแพ้เหรอ’
ชั่วขณะนั้นเองฮั่นฉีก็นึกถึงปรินซ์ออฟเทนนิสขึ้นมา ในนั้นบรรยายภาพการแข่งขันเอาไว้มากมาย หนึ่งในนั้นใช่ว่าจะไม่มีสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับฮั่นฉี “ถ้าเป็นหลงหม่าจะทำยังไงนะ”
ฮั่นฉีรู้สึกว่าตัวเองบ้าไปแล้ว
ในนิยายมีสถานการณ์การแข่งขันแบบอุดมคติเต็มไปหมด ท่าไม้ตายจำนวนมากดูดีแต่ใช้ไม่ได้ ทว่าที่บ้าไปกว่านั้นก็คือขณะที่เขากำลังจะเสิร์ฟลูกถัดไป อยู่ๆ ก็ตะโกนออกมาว่า
“ทวิสต์เสิร์ฟ!”
นี่ไม่ใช่วิธีเสิร์ฟลูกแบบหน้าตรงทั่วไป ฮั่นฉีเลือกเสิร์ฟลูกด้านข้างอย่างที่บรรยายในปรินซ์ออฟเทนนิส ความเร็วของแร็กเก็ตตัดผ่านพื้นผิวของลูกเทนนิส หวดลูกออกไปโดยส่งผ่านแรงจากการบิดของแขนด้านใน
คู่แข่งไม่ทันตั้งตัว
ทันทีที่ลูกเทนนิสตกลงบนพื้นและกระดอนออกนอกสนาม ลูกนี้ของฮั่นฉีนั้นได้แต้มครั้งใหญ่ ทั้งสนามก็ระเบิดขึ้นมาทันใด เสียงของผู้บรรยายเปี่ยมไปด้วยความตกใจและตื่นเต้น “ทวิสต์ได้สวย ACE!”
ในการแข่งขันเทนนิส
สิ่งที่เรียกว่าลูกเสิร์ฟACEคือในการแข่งขันระหว่างสองฝั่งที่เมื่อฝั่งหนึ่งเสิร์ฟลูก และลูกตกลงในเขตทำคะแนน ทว่าอีกฝ่ายกลับแตะไม่ถึงลูกบอล และทำให้เป็นลูกเสิร์ฟทำคะแนนโดยอัตโนมัติ ถ้าอีกฝ่ายสัมผัสบอล ก็จะเรียกเพียงว่าลูกเสิร์ฟทำคะแนน แต่จะไม่ใช่ลูกACE
“ชนะแล้ว!”
เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มขึ้นมาทั่วสารทิศ
ใบหน้าของฮั่นฉีกลับแดงก่ำ เขาถึงกับตะโกนออกมาเลย นี่มันเหมือนกับเด็กสองคนทะเลาะกัน จู่ๆ เด็กคนหนึ่งในนั้นก็ทำท่าทางสุดขายหน้าออกมา ตะโกนออกมาว่า ‘ปล่อยพลัง’ อย่างไรอย่างนั้น
ความจูนิเบียวระเบิดปรอท!
ยังดีที่รอบสนามไม่มีใครได้ยินที่เขาตะโกน ทุกคนมัวแต่ร้องดีใจกับลูกเสิร์ฟของตน แต่เหมือนกับว่ากรรมการจะได้ยิน ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงไม่มองตนด้วยสายตาประหลาดอย่างนั้นหรอก
บรรดาเพื่อนร่วมทีมต่างเข้ามาแสดงความยินดี
เมื่อกลับไปยังห้องพัก สายตาที่โค้ชมองไปยังฮั่นฉีทั้งตื่นตะลึงและประหลาดใจ “นายไปฝึกลูกทวิสต์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ วิธีเสิร์ฟลูกประหลาดขนาดนั้น ฝั่งตรงข้ามเดาทิศทางของนายไม่ออกเลย”
“พูดไปโค้ชอาจไม่เชื่อ”
ฮั่นฉีสีหน้าแปลกพิลึก “เลียนแบบมาจากในนิยายครับ”
ทุกคนระเบิดหัวเราะ คิดว่าฮั่นฉีกำลังล้อเล่น
เมื่อมาถึงการให้สัมภาษณ์สื่อ นักข่าวถามฮั่นฉีถึงความคิดเห็นต่อลูกสุดท้าย ฮั่นฉีก็เอ่ยถึงหนังสือเรื่องนั้นต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมอีกครั้ง “ช่วงนี้ผมอ่านนิยายเกี่ยวกับเทนนิสเล่มหนึ่ง ชื่อเรื่องว่าปรินซ์ออฟเทนนิส หนังสือเขียนได้เป็นมืออาชีพมากครับ ในการแข่งขันอยู่ๆ ผมก็เลยได้แรงบันดาลใจขึ้นมา แน่นอนว่าลูกนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะโชคด้วย คู่แข่งขันของผมก็ควรได้รับการเคารพเหมือนกันครับ”
นักข่าว “…”
เพื่อนร่วมทีม “…”
นักข่าวกีฬาเหวอหวาไปตามกัน เพื่อนร่วมทีมยังนึกสงสัยเลยว่าฮั่นฉีได้รับค่าโฆษณาจากปรินซ์ออฟเทนนิส
แต่นักข่าวสายศิลปวัฒนธรรมไม่มีทางปล่อยวัตถุดิบที่ดีเช่นนี้หลุดมือไป
วันต่อมา หนึ่งในข่าวฮ็อตของหนังสือพิมพ์สายศิลปวัฒนธรรมก็คือ
‘โปรเทนนิสชื่อดังฮั่นฉีประกาศว่าตนเป็นแฟนปรินซ์ออฟเทนนิส ทั้งยังได้แรงบันดาลใจมากมายจากหนังสือเล่มนี้ด้วย’
ทันทีที่ข่าวออกไป ผู้อ่านปรินซ์ออฟเทนนิสจำนวนมากก็พากันตกใจ!
“จริงหรือเปล่าเนี่ย”
“ที่แท้แม้แต่นักกีฬามืออาชีพยังบอกว่าปรินซ์ออฟเทนนิสเขียนได้เฉพาะทางมาก ก่อนหน้านี้ฉันยังคิดว่าท่าไม้ตายเทนนิสแต่ละอย่างที่เขียนในหนังสือ ฉู่ขวงแต่งขึ้นมาเอง แต่นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว”
“ฉันชอบปรินซ์ออฟเทนนิสยิ่งกว่าเดิมแล้วเนี่ย”
“ที่เจ๋งสุดก็คือฮั่นฉีถึงขั้นฝึกท่าไม้ตายตามปรินซ์ออฟเทนนิสเลยไม่ใช่เหรอ”
“ฮ่าๆ ประโยคนี้ต้องล้อกันเล่นแน่ๆ เลย”
“ไม่ได้ล้อเล่นทั้งหมดหรอก เมื่อวานที่ศูนย์กีฬากลางฉินโจวมีการแข่งขันเทนนิส ลูกจบเกมสุดท้ายของฮั่นฉีถอดแบบมาจากทวิสต์เสิร์ฟ ความแตกต่างเดียวอยู่ที่หลงหม่าถนัดซ้าย ฮั่นฉีใช้มือขวา!” มีคนที่ดูเกมการแข่งขันเมื่อวานแสดงความคิดเห็น
หลังจากนั้น
นักอ่านจำนวนมากที่พอจะรู้เรื่องเทนนิสก็ทยอยกันมาพิสูจน์ว่าเนื้อหาเกี่ยวกับเทนนิสที่สอดแทรกในปรินซ์ออฟเทนนิสนั้นเป็นมืออาชีพมาก
อันที่จริงเดิมทีก็มีคนเอ่ยถึงไว้บ้างแล้ว
เพียงแต่ก่อนหน้านี้คนที่ใส่ใจจุดนี้มีไม่มาก จนกระทั่งมีนักกีฬามืออาชีพออกมายืนยันเอง ทุกคนถึงได้สนใจเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง
ในโลกของนิยายนั้นไม่มีใครคาดคิดหรอก
นักกีฬาเทนนิสมืออาชีพของฉินโจวกับปรินซ์ออฟเทนนิสถึงขั้นที่เกิดความเชื่อมโยงซึ่งแทบทลายกำแพงระหว่างสองวงการ และสร้างความเชื่อมโยงที่ใครหลายคนใฝ่ฝันได้สำเร็จ!
ในวันนี้ ยอดขายของปรินซ์ออฟเทนนิสก็ยิ่งทะยานสูงขึ้นไปอีก!
……………………………………