ฉินโจวกว้างใหญ่มาก ในเมืองมีประชากรหนาแน่น
บริเวณที่หลินเยวียนอยู่นั้นเรียกว่าเมืองซู นี่คือหนึ่งในไม่กี่เมืองหลักที่เจริญที่สุดในฉินโจว และบ้านเกิดของเขาก็คือสถานที่ซึ่งเรียกว่าเมืองอวิ๋น
นั่งรถไฟความเร็วสูงหกชั่วโมง
ในที่สุดหลินเยวียนก็มาถึงเมืองอวิ๋น
“เจอกันตอนเปิดเรียน”
เจี่ยนอี้และซย่าฝานซึ่งเดินทางมาด้วยบอกลาหลินเยวียน
เมื่อส่งทั้งสองคนไปแล้ว หลินเยวียนไม่ได้กลับบ้านทันที แต่กลับนั่งรถเมล์ตรงไปยังห้างสรรพสินค้า และซื้อของจำนวนมาก
ทั้งหมดเป็นของขวัญให้แม่กับน้องสาว
ออกมาจากห้างสรรพสินค้า หลินเยวียนหิ้วถุงเล็กถุงใหญ่มาเต็มไม้เต็มมือ นั่งรถเมล์ไม่สะดวกเอาซะเลย จึงทำได้เพียงเรียกรถ
บ้านของเขาอยู่ทางทิศใต้ของเมือง
คล้ายกับเป็นพื้นที่หมู่บ้านในเขตเมือง
เดินมาถึงหน้าประตูบ้านอันคุ้นเคยในความทรงจำ หลินเยวียนเคาะประตู คนที่มาเปิดประตูเป็นเด็กหญิงหน้าตาสะสวยสวมชุดนอนตัวหนาคนหนึ่ง
“น้องสาว”
หลินเยวียนยิ้มพลางเอ่ยทักทาย นี่คือหลินเหยา น้องสาวของหลินเยวียน หน้าตาสะสวย ได้รับจุดเด่นถ่ายทอดมาจากบิดามารดาเช่นเดียวกับหลินเยวียน ปีนี้อยู่มัธยมปลายปีสาม
“พี่”
เด็กสาวพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม
หลินเยวียนเดินเข้าประตูไป เปลี่ยนเป็นใส่รองเท้าแตะ ก่อนจะตะโกนเข้าไปในบ้าน “แม่ ผมกลับแล้วครับ”
“กลับมาแล้วเหรอ”
แม่สวมผ้ากันเปื้อนพันรอบเอวออกมา มือยังคงเปื้อนเลือด “แม่กำลังทำปลาน้ำแดงให้อยู่พอดี”
“ครับ”
หลินเยวียนพูดพลางยกข้าวของเข้าไปในบ้าน หยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งกับรองเท้าออกมา บอกกับน้องสาว “ของขวัญให้เธอ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลินเหยารับของขวัญมาจากหลินเยวียน เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นเสื้อกันหนาวขนเป็ดชมพู จึงขมวดคิ้วมุ่นเอ่ย “หนูไม่ชอบสีชมพู”
“งั้นเธอชอบสีอะไรล่ะ”
หลินเหยาตอบโดยไม่ต้องยั้งคิด “สีขาว”
หลินเยวียนหยิบออกมาอีกชุด “แล้วอันนี้ล่ะ”
หลินเหยามองหลินเยวียนด้วยความตกใจ “แม่บอกว่าพี่รวยแล้ว ที่แท้แม่ก็ไม่ได้หลอกหนู งั้นพี่ให้หนูสักร้อยหยวนไปซื้อหนังสือเรียนได้มั้ย หนูมีคูปองลดราคา จริงๆ ต้องร้อยยี่สิบหยวน ซื้อหนึ่งร้อยลดยี่สิบ”
“ได้สิ”
หลินเยวียนพูดอย่างอารมณ์ดี “พี่ได้คูปองลดราคาร้านปลาเผามาจากห้างด้วย เอาไว้พวกเราไปกินกัน”
หลินเหยาพยักหน้า “อื้ม”
แม่ได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องก็ร่ำไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก “มิน่าล่ะตอนเด็กๆ มีแต่คนพวกว่าพวกลูกสองพี่น้องนิสัยแปลก…”
“ทำไมล่ะครับ/คะ”
หลินเยวียนกับหลินเหยาหันไปมองแม่พร้อมกัน
แม่ยิ้มพลางโบกมือ ถึงว่าพี่น้องคู่นี้จะจัดอยู่ในบุคลิกพูดน้อยเงียบขรึม ไม่เหมือนกับพี่สาวที่ร่าเริงสดใส แต่เธอก็รู้ว่าลูกทั้งสามคนเข้ากันได้ดีมาก
หลินเยวียนนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟา
หลินเหยาซึ่งปีนี้อยู่มัธยมปลายปีสามก็นั่งทำโจทย์อยู่บนโต๊ะ
ที่นี่เป็นบ้านสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น แสงไม่นับว่าสว่าง การประดับตกแต่งและเครื่องเรือนเรียบง่ายและทรุดโทรม ตัวอย่างเช่นโซฟาที่หลินเยวียนกำลังหย่อนก้นลงนั่งก็ทะลุตั้งหลายรู แต่ถึงแม้บ้านจะเก่าทรุดโทรม แต่ก็สะอาดสะอ้าน ข้าวของจัดเข้าที่เข้าทาง
รอเงินเดือนออกก็จะซื้อบ้านสักหลัง
ในใจของหลินเยวียนมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา
ไม่นานอาหารก็ทำเสร็จ ก่อนที่หลินเยวียนจะกลับบ้านเขาโทรมาหาแม่แล้ว ฉะนั้นตอนเที่ยงจึงมีอาหารสี่อย่างพร้อมสรรพ
ปลาน้ำแดง กระดูกหมูเปรี้ยวหวาน ไก่ผัดพริกแห้ง ผักกวางตุ้งผัดเห็ดหอม รวมไปถึงน้ำแกงไข่มะเขือเทศ
“กินข้าวเถอะ”
ทั้งสามนั่งล้อมรอบโต๊ะ แม่เอ่ยด้วยความเสียดาย “พี่สาวลูกยังไม่หยุด ถ้าพี่เขาอยู่ที่นี่ ต้องกินกับข้าวพวกนี้หมดแน่”
หลินเยวียนพยักหน้า
พี่เป็นคนที่เก่งที่สุดของบ้าน
เมื่อเทียบกันแล้ว หลินเยวียนกับหลินเหยาจัดอยู่ในประเภทเลือกกิน ชอบกินแต่เนื้อสัตว์
แม่ยิ้มเตือน “กินผักกวางตุ้งด้วยสิ”
ดังนั้นหลินเยวียนกับหลินเหยาก็เลือกจิ้มผักกวางตุ้งขึ้นมาพร้อมกันหนึ่งชิ้น ทั้งสองใช้ตะเกียบแย่งกันคนละครึ่ง
“…”
แม่พูดอย่างยิ้มแย้ม “เหยาเหยา พี่ชายลูกตอนนี้เริ่มมีเงินแล้ว หลังจากนี้ลูกอยากได้อะไรก็ไปบอกพี่ชายลูกได้”
“อื้ม”
หลินเหยาดวงตาเป็นประกาย มองไปยังหลินเยวียน “พี่ งั้นช่วยหนูกินผักกวางตุ้งชิ้นนี้ให้หมดหน่อยได้มั้ย”
“คนกินเก่งนั้นมีพรสวรรค์!”
หลินเยวียนปฏิเสธ “ว่ากันว่าคนที่กินผักกวางตุ้งจะหน้าเด็ก พี่มีเพื่อนคนนึงกินผักกวางตุ้งประจำ เขาเลยอายุหยุดที่สิบแปดตลอดกาล”
หลินเหยา “…”
หลินเยวียนย้ำเตือน “เขาอายุหยุดที่สิบแปดตลอดกาลเลยนะ”
หลินเหยาพูดด้วยความสับสน “พี่ นี่กำลังพูดมุกตลกอยู่เหรอ” เธอจับเค้าลางได้ว่าหลินเยวียนคล้ายกับกำลังเล่ามุกตลก แต่บรรยากาศและน้ำเสียงกลับไม่ยักเหมือนเอาซะเลย
หลินเยวียนไม่ตอบ เพียงแค่นึกเสียใจ ดูแล้วไม่ใช่เพราะอารมณ์ขันของตน แต่เป็นเพราะรุ่นพี่ซุนเย่าหั่วเส้นตื้นไปหน่อย เขาจึงต้านทานมุกตลกของตนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
……
หลินเยวียนเริ่มวันหยุดของตนเองล่วงหน้า ทว่าแผนกต่างๆ ในสตาร์ไลท์กลับยังคงง่วนกับงานกันอยู่
แผนกศิลปิน
ในที่สุดเจียงขุยก็อัดเพลงลูกโป่งเสร็จ ในตอนนั้นกำลังไปรายงานผลการทำศึกกับจ้าวเจวี๋ย
ขณะนั้นเอง
เหล่าโจวก็ปรากฏตัวที่แผนกศิลปิน ตรงไปหาจ้าวเจวี๋ย “มีข่าวร้าย แผนช่วงตรุษจีนของพวกเราอาจมีการปรับเปลี่ยน”
“เกิดอะไรขึ้น”
จ้าวเจวี๋ยขมวดคิ้ว
เหล่าโจวถอนหายใจ “ก็ตรุษจีนปีนี้ บริษัทมีแผนทั้งหมดสิบเพลงไม่ใช่เหรอ มีเพลงหนึ่งในนั้นเกิดปัญหา ทางแผนกตรวจสอบตรวจเจอว่าทำนองของเพลงนั้นคล้ายกับทำนองเพลงไหนสักเพลงของฉู่โจว”
“คัดลอกผลงาน?”
“ไม่ใช่คัดลอกผลงาน ฉันเข้าใจนักแต่งเพลงคนนั้นนะ เขาน่าจะเคยได้ยินเพลงนั้นโดยบังเอิญเลยเขียนทำนองที่คล้ายกันออกมาโดยไม่ตั้งใจ เรื่องแบบนี้ที่แผนกประพันธ์เพลงไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก”
“งั้นปีนี้มีเก้าเพลงไม่ได้เหรอ”
ผลงานของนักแต่งเพลงจะทำนองไปคล้ายคลึงกันนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก โดนเฉพาะพวกเพลงฮิต คอร์ดที่ทุกคนใช้มักจะใกล้เคียงกัน
“ไม่ได้”
เหล่าโจวเองก็กำลังหงุดหงิดใจ “ทรัพยากรในการโปรโมตเพลงนี้จัดสรรเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ปล่อยละก็น่าเสียดายไปหน่อย พวกเราก็ดันสุ่มปล่อยเพลงออกไปมั่วๆ ไม่ได้อีก ไม่งั้นคงเสียทรัพยากรโปรโมตดีๆ ไปโดยเสียเปล่า”
“งั้นเปลี่ยนเป็นเพลงของใครล่ะ”
ทั้งสองมองกันไปมา เธอมองฉันฉันมองเธอ สุดท้ายก็หันหน้าไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย สายตามองเจียงขุยซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
“ฉันเหรอคะ?”
เจียงขุยปากเผยอเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นก็พลันเข้าใจความหมายของทั้งสอง จึงโอดครวญขึ้นมา “เพลงลูกโป่งเป็นเพลงฉันที่เตรียมไว้ปล่อยเดือนมีนา…”
“ฉันเข้าใจแล้ว”
จ้าวเจวี๋ยถอนหายใจ “คุณภาพของเพลงลูกโป่งไม่เลวเลย ปล่อยไปเดือนมีนาน่าจะติดชาร์ตได้ แต่ปัญหาก็คือตอนนี้เพลงเดือนกุมภาของพวกเรายังขาดอีกหนึ่งเพลง”
“แต่เดือนกุมภาเป็นกลุ่มแห่งความตาย นักร้องแถวหน้าเยอะแยะขนาดนั้นแข่งกัน”
เจียงขุยน้อยอกน้อยใจ กลุ่มแห่งความตายหมายความว่าชาร์ตเพลงในเดือนกุมภาพันธ์จะแข่งขันกันดุเดือดมาก ตอนนั้นเพลงปลายักษ์ปล่อยออกมาในกลุ่มแห่งความตายเดือนสิบสอง ทำให้ได้อันดับที่ไม่ดีสักเท่าไรนัก
นี่คือความน่ากลัวของกลุ่มแห่งความตาย!
เพลงที่ได้อันดับหนึ่งในเดือนอื่นๆ เมื่อมาปล่อยในเดือนกุมภาพันธ์ อาจไม่ติดสิบอันดับแรกด้วยซ้ำ
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ”
เหล่าโจวเอ่ยปลอบ “แต่เดือนกุมภาพวกเราขาดไปหนึ่งเพลง และคุณภาพเพลงนี้ของเธอก็ค่อนข้างดี ถ้าเกิดดังขึ้นมาล่ะ”
จ้าวเจวี๋ยพยักหน้า
เจียงขุย “…”
ไม่กล้าถามอะไร และไม่กล้าพูดอะไร
ยังไงแขนก็พันรอบขาไม่ไหว เธอทำได้แค่ยกหลินเยวียนขึ้นมาเป็นโล่กำบัง “พวกคุณแจ้งกับอาจารย์เซี่ยนอวี๋เถอะค่ะ”
“ฉันโทรศัพท์ก่อน”
เหล่าโจวพูด ก่อนจะต่อสายหาหลินเยวียน ในตอนนั้นหลินเยวียนกำลังออกไปซื้อหนังสือเรียนเป็นเพื่อนน้องสาวข้างนอก เขารับโทรศัพท์ รับทราบเรื่องราว ตอบไปว่า
“ได้ครับ”
เหล่าโจววางสายโทรศัพท์ “ทางหลินเยวียนไม่มีปัญหา พวกเราก็…แค่ก ก็ตัดสินใจกันตามนี้”
อาจารย์เซี่ยนอวี๋ตกหลุมพรางแล้วเหรอ
แววตาของเจียงขุยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ทำไมฉันต้องมาเจอกับกลุ่มแห่งความตายอีกแล้วเนี่ย
ลูกโป่งเป็นเพลงที่ไม่เลวก็จริง เมื่อใส่ไว้ในเดือนมีนาคมก็มีโอกาสทำผลงานได้สูง ทว่าเมื่อใส่ไปในกลุ่มแห่งความตายของเดือนกุมภาพันธ์ จะไม่กลายเป็นตัวตายตัวแทนของคนอื่นหรอกหรือ?
……………………………………