การฝึกซ้อมที่ซุนเย่าหั่วลงทุนลงแรงไปเป็นเวลายาวนานก็ผลิดอกออกผลงดงาม
เขากับหลินเยวียนกินข้าวกลับมา ใช้เวลาสองชั่วโมง ก็อัดเพลงกุหลาบแดงเสร็จอย่างเป็นทางการ
เมื่อส่งเพลงให้เหล่าโจว เรื่องที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับบริษัทจะจัดการแล้ว
ตกเย็น
ช่วงเวลาเลิกงาน
รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วซึ่งคืนฟอร์มมาแล้ว ก็กลับมากระตือรือร้นดังเดิม ขับรถพาหลินเยวียนกลับที่พัก
“แล้วเจอกันครับ”
หลินเยวียนโบกมือ
เขาอาบน้ำแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย ขึ้นไปนอนบนเตียง ยังเหลือเวลาอีกสักพันก่อนจะถึงเวลานอน หลินเยวียนจึงเอ่ยเรียกระบบ “ก่อนหน้านี้นายบอกว่าสั่งทำนิยายครั้งแรกลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ใช่มั้ย”
ระบบตอบ “ใช่”
หลินเยวียนขบคิดอย่างหนัก
ไม่กี่วันก่อนเขาได้รับเงินเดือน
ในบัญชีมีเงินทั้งหมดประมาณห้าล้าน
ตนต้องการสั่งทำนิยายราคาเท่าไหร่ดีล่ะ
ว่ากันว่าเงินมาเท่าไหร่ ของก็ไปเท่านั้น หลินเยวียนอยากได้ราคาถูก แถมอยากได้สินค้าสั่งทำที่ดีมากพอ
สุดท้ายแล้ว
หลินเยวียนก็กัดฟันพูด “ฉันจ่ายสี่ล้าน นายต้องทำนิยายที่ราคาเต็มในระบบแปดล้านออกมา”
“โฮสต์ยืนยันสั่งทำ?”
“รบกวนรีบหน่อย ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
ขั้นตอนการทำใช้เวลาสิบกว่าวินาที ในห้วงสำนึกของหลินเยวียนมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น “ระบบหักเงินเรียบร้อย ยินดีด้วยโฮสต์ ได้นิยายเทพเซียนกำลังภายในฉบับปรับปรุงจากระบบเรื่องกระบี่เทพสังหาร[1]!”
ขณะเดียวกันนั้นเอง
หลินเยวียนก็ได้รับข้อความว่าทางธนาคารได้หักเงินไปสี่ล้านหยวน สิ่งเดียวที่ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงการปลอบประโลมก็คือ
ท้ายที่สุดแล้วระบบนำเงินนี้ไปบริจาค
หลินเยวียนรู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง ในที่สุดก็ไม่ใช่นิยายที่ดัดแปลงมาจากอนิเมะอีก ดูจากราคาแล้ว นิยายเรื่องกระบี่เทพสังหารนับว่าไม่เลวเลย!
ต้องอธิบายตรงนี้สักหน่อย
ราคาของผลงานที่ระบบตั้งขึ้นนั้นไม่ได้แสดงถึงคุณค่าที่แท้จริงของผลงานเสมอไป ได้โปรดอย่าคิดมาก
เงินห้าแสนของหลินเยวียนสามารถสั่งทำเพลงหนึ่งเพลงจากระบบ แต่คุณค่าที่แท้จริงของเพลงนี้ไม่ใช่แค่ห้าแสนหยวน
กล่องสมบัติทองแดงก็เป็นหลักการหนึ่ง
กล่องใบนี้เปิดออกมาได้เพลงฮิตทั่วไปอย่างเพลงลูกโป่ง
กล่องใบนั้นกลับเปิดออกมาได้ผลงานระดับโบว์แดงอย่างเพลงกุหลาบแดง
ถึงคุณค่าของบทเพลงจะไม่เท่ากัน แต่ก็ล้วนเป็นสิ่งที่เปิดออกมาจากกล่องสมบัติทองแดงทั้งนั้น
เรื่องพวกนี้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
มีคนที่ใช้เงินหยวนเดียวแล้วเปิดได้สกินหมัดมังกรลีซิน[2]
บางคนจ่ายเงินไปหลายพันหยวนแต่กลับจับได้สกินกระจอกงอกง่อยมาเป็นกอง
“เดี๋ยวนะ”
จู่ๆ หลินเยวียนก็เอะใจได้ว่าตนคล้ายกับมองข้ามเรื่องหนึ่งไป
นิยายเซียนกำลังภายใน?
นิยายประเภทนี้ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเป็นที่นิยมสักเท่าไหร่บนบลูสตาร์
เพื่อที่จะทำความคุ้นเคยกับตลาดนิยายของบลูสตาร์ หลินเยวียนทำการสำรวจมาแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นโลกที่เชื้อชาติและสีผิวแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งโลก แต่ถึงอย่างไรก็ถูกครอบงำด้วยการปกครองแบบตะวันออก ดังนั้นพวกเทพนิยายต่างๆ บนบลูสตาร์จึงมีความหลากหลายมาก และผลงานเหล่านี้ก็เป็นต้นกำเนิดและพื้นฐานของการผลิตนิยายเซียนกำลังภายใน
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ…
เรื่องราวเหล่านี้ ส่วนมากมักจะหยุดอยู่ที่เทพนิยายปรัมปรา น้อยนักที่จะมีคนสร้างสรรค์งานต่อจากเรื่องต้นฉบับเหล่านี้
นิยายเซียนกำลังภายในใหม่ล่าสุด ก็คงต้องไล่ย้อนกลับไปแปดสิบปีก่อน!
ในตอนนั้นมีนิยายเรื่องหนึ่งชื่อว่า ‘มหาศึกเซียนปะทะมาร’ ก็เป็นประเภทเทพเซียนกำลังภายใน
สถานะของผลงานชิ้นนี้ คล้ายคลึงกับเรื่องตำนานมือกระบี่ขุนเขาซู่[3] ซึ่งมีอิทธิพลต่อผูู้คนจำนวนมาก!
ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายก็คือหลังจากนั้นก็ไม่มีนิยายเทพเซียนกำลังภายในที่ยอดเยี่ยมปรากฏขึ้นมาอีกเลย
ผ่านไปนานแสนนาน นิยายแนวนี้ก็ไม่มีใครสนใจ
ถ้าอย่างนั้นแนวผจญภัยในต่างโลกจะจัดว่าเป็นอะไรล่ะ
หลินเยวียนนิยามแนวผจญภัยในต่างโลกว่าแฟนตาซี
แฟนตาซีต่างโลก
นิยายประเภทซึ่งเป็นที่นิยมในฉินโจวแม้จะไม่ถึงกับลอกตามเซตติงแฟนตาซีฝั่งตะวันตกของโลกมาทั้งชุด แต่ค่อนไปทางรังสรรค์โลกขึ้นมาใหม่เสียมากกว่า
อธิบายด้วยภาษาง่ายๆ ก็คือเรื่องราวแฟนตาซีที่เกิดขึ้นโดยมีฉากหลังเป็นโลกตะวันออกในนิยายออนไลน์เหล่านั้น ต่อให้ในเรื่องราวจะสอดแทรกเซตติงเทพนิยายแฟนตาซีบ้างเป็นครั้งคราว โดยทั่วไปก็หยุดเพียงแค่นั้น
แต่ถึงอย่างไรแฟนตาซีกับเทพเซียนกำลังภายในก็แตกต่างกัน
อย่างแรกนั้นเซตติงเกิดขึ้นได้ตามใจปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นกงล้อวิญญาณหรือสงคราม ถ้าหากมีความสมเหตุสมผลในตัวเองก็นับเป็นเรื่องราวที่ดีได้
ส่วนอย่างหลังได้ซึมซับกลิ่นอายจากเทพนิยายปรัมปรา ตำนานพื้นบ้านและมุขปาฐะต่างๆ รวมไปถึงคัมภีร์โบราณซึ่งได้รับการสืบทอดกันมา เมื่อพิจารณาจากสไตล์แล้วย่อมมีความแตกต่างกัน
แน่นอนละ
ตำนานพื้นบ้านและมุขปาฐะแต่ละประเภทที่หลงเหลือจากอดีตมาถึงปัจจุบันเกิดขึ้นไม่รู้จบ การวิวัฒนาการของทั้งเต๋าและพุทธรุ่งเรืองถึงเพียงนั้น ผลงานจำนวนนับไม่ถ้วนที่ส่งผ่านต่อมาสามารถกลายเป็นรากเหง้าของนิยายเทพเซียนกำลังภายในได้ทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีกระแสความฮ็อตฮิตของเรื่องมหาศึกเซียนปะทะมารเมื่อแปดสิบปีก่อนได้หรอก
ด้วยฉากหลังเช่นนี้
นิยายเทพเซียนกำลังภายในอย่างกระบี่เทพสังหารจะตีตลาดไหม
หลังจากที่หลินเยวียนเกิดความสงสัยอันสั้นเพียงชั่วขณะ ในใจก็ค่อยๆ มีคำตอบ
ต้องเข้าใจว่า ก่อนหน้านี้บนโลกก็เป็นเหมือนกัน
หลังจากเรื่องตำนานมือกระบี่ขุนเขาซู่ของหวนจูโหลวจู่ นิยายแนวเทพเซียนกำลังภายในก็ไม่เป็นที่พูดถึงอีก
จนกระทั่งผ่านไปร้อยปีหลังจากนั้น นิยายออนไลน์เฟื่องฟู ถึงได้มีนิยายอย่างเรื่องการเดินทางอันพร่าเลือน ทำให้แนวเทพเซียนกำลังภายในกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
หลินเยวียนถึงขั้นรู้สึกว่าระบบจงใจ
ตลาดขาดแคลนประเภทไหน ระบบก็ส่งเขาไปบุกเบิก
ก่อนหน้านี้คนเขียนแนวการแข่งขันกีฬาแค่ไม่เท่าไหร่ ระบบก็ให้เรื่องเจ้าชายลูกสักหลาดกับตน
ในตอนนี้เป็นเพราะไม่ค่อยมีคนเขียนแนวเทพเซียนกำลังภายใน ระบบก็ให้เรื่องกระบี่เทพสังหารกับตนมาอีก
บนโลกนี้มีรากฐานของผลงานแนวกำลังภายใน หลายปีก่อนหน้านี้ แนวกำลังภายในเฉิดฉายสุดๆ
กอปรกับมีพื้นฐานจากเรื่องมหาศึกเทพปะทะมารด้วย
ยังขาดก็แค่ผลงานที่สดใหม่มากพออย่างกระบี่เทพสังหาร ซึ่งไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นเทพเซียนกำลังภายในมาดึงดูดตลาด…
‘เริ่มอ่าน’
หลินเยวียนคิดในใจ ชั่วพริบตาเดียวเนื้อหาของเรื่องกระบี่เทพสังหารทั้งเรื่องก็ปรากฏขึ้นในห้วงสำนึกของเขา
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”
ก็เหมือนกับเจ้าชายลูกสักหลาด
เรื่องกระบี่เทพสังหารที่ระบบมอบให้ ถูกปรับแก้แล้วเรียบร้อย หรือที่เรียกว่าฉบับปรับปรุงโดยระบบ
พล็อตเรื่องไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร
ที่สำคัญก็คือด้านรายละเอียดบางอย่าง
ถึงอย่างไรเรื่องกระบี่เทพสังหารก็เขียนขึ้นในยุคหลังกว่านั้น
นิยายเรื่องนี้ถือกำเนิดขึ้นหลังจากเรื่องการเดินทางอันพร่าเลือนประมาณสองปี ดังนั้นจึงนับว่าได้ปูพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับนิยายแนวเทพเซียนกำลังภายในกับผู้อ่านมาบ้างแล้ว
ทว่านักอ่านบนโลกนี้ไม่มีการปูพื้นฐานจากเรื่องการเดินทางอันพร่าเลือน
ฉะนั้นความเข้าใจต่อนิยายแนวเทพเซียนกำลังภายในของพวกเขาก็หยุดอยู่ที่ยุคของเรื่องมหาศึกเซียนปะทะมารเมื่อแปดสิบปีก่อน
เรื่องกระบี่เทพสังหารฉบับปรับปรุงโดยระบบก็อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลนี้
ในเนื้อเรื่องเน้นการถ่ายทอดและนำเสนอแนวคิดของความเป็นเทพเซียนกำลังภายใน เผยให้เห็นถึงโลกเทพเซียนกำลังภายในซึ่งดูประหนึ่งมีอยู่จริงโดยละเอียด และทำให้นักอ่านเข้าใจนิยายเทพเซียนกำลังภายในได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น!
“ฝีมือของระบบไม่เลวเลยนะเนี่ย”
หลินเยวียนเอ่ยชมเชยสักประโยคอย่างห้ามไม่อยู่
ระบบตอบ “ระบบเลือกฝีมือในการเขียนของลั่วหยาง[4]จากจักรวาลนับไม่ถ้วนมาเป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็นนิยายครั้งก่อนหรือว่ากระบี่เทพสังหาร ก็ใช้ความสามารถของเขามาปรับแก้การเขียนทั้งนั้น”
“ลั่วหยางคือใคร”
“นักเขียนคนหนึ่งในโลกคู่ขนาน”
หลินเยวียนพยักหน้า ยอมรับในฝีมือของนักเขียนท่านนี้ แต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความ ยังไงซะตนก็ไม่ได้แซ่ลั่ว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา
………………………………………………………
[1] กระบี่เทพสังหาร (《诛仙》) เขียนโดยเซียวติ่ง
[2] สกินหมัดมังกรลีซิน เป็นสกินหนึ่งในเกม League of Legends (LOL)
[3] ตำนานมือกระบี่ขุนเขาซู่ เขียนโดยหวนจูโหลวจู่ หรือนามจริงคือหลี่ซ่านจี
[4] ลั่วหยางเป็นชื่อตัวเอกจากนิยายเรื่องแรกของนักเขียนเรื่องนี้ มีบทบาทเป็นนักเขียน