หลังจากที่นักศึกษาสาขาจิตรกรรมเงียบงันไปหลายวินาที ในห้องเรียนอันเงียบงัน ก็พลันมีเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ!
“แม่เจ้าโว้ย!”
“นี่มันเทพเซียนจากไหนเนี่ย”
“ก่อนหน้านี้ใครมันบอกฟระว่าท่านเทพฝีมือสีกวอชไม่ดี เลยให้พวกเรามาช่วย แบบนี้บ้านแกเรียกว่าไม่ดีเรอะ”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว”
“ถ้าแบบนี้เรียกไม่ดี เด็กจิตรกรรมทั้งหมดควรเก็บของกลับบ้านเลยนะ กลับบ้านไปแล้วแม่ก็ต้องถามอีกว่าจะคุกเข่าวาดรูปทำไม”
“พวกเรามาช่วยจริงๆ นั่นแหละ”
“ไม่ได้มาช่วยวาดรูปนะ แต่มาช่วยยกน้ำถือพู่กันจับเก้าอี้ถือจานสีต่างๆ”
“…”
นักศึกษากลุ่มนี้งงไป
เฉาปินหัวหน้าห้องก็งงเหมือนกัน
เขาคิดว่าหลินเยวียนเรียกรุ่นพี่สาขาจิตรกรรมมาช่วยวาดภาพ แต่เขานึกไม่ถึงว่าหลินเยวียนจะเรียกคนกลุ่มนี้มาก็เพื่อให้รุ่นพี่สาขาจิตรกรรมซึ่งถนัดเฉพาะทางมาเป็นผู้ช่วย!
นี่มันเรียกว่าแค่มีมือก็ใช้ได้ไม่ใช่เหรอ?
จงอวี๋กลืนน้ำลายลงคอ อ้าปากพูดอย่างยากลำบาก “ที่แท้นอกจากสเก็ตช์ภาพแล้ว สีกวอชท่านก็สุดยอดขนาดนี้เลยเหรอ”
ขอเสริมเกร็ดความรู้เรื่องวิจิตรศิลป์สักหน่อย
การสเก็ตช์ให้ความสำคัญระหว่างรูปทรงและพื้นที่ แต่สีกวอชนั้นเป็นการถ่ายทอดสีสันและองค์ประกอบแวดล้อม หากจะต้องกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเภทนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องของมิติซึ่งทุกคนล้วนให้ความสำคัญ ดังนั้นจิตรกรส่วนใหญ่มักจะมุ่งไปเพียงทิศทางเดียว
บ้างก็เชี่ยวชาญการสเก็ตช์
บ้างก็เชี่ยวชาญสีกวอช
บ้างก็เชี่ยวชาญสีน้ำมัน
บ้างก็เชี่ยวชาญภาพวาดน้ำหมึก
นอกเหนือจากแขนงที่ตนถนัดแล้ว เมื่อจิตรกรชื่อดังบางคนเหยียบย่างเข้าไปในจิตรกรรมแขนงอื่นๆ โดยพื้นฐานแล้วฝีมือจะไม่แย่ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีน้อยเหลือเกินที่จะแตะได้ถึงระดับเดียวกับแขนงที่ตนถนัด
เพราะฉะนั้น…
ก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนแต่คิดไปโดยปริยายว่าหลินเยวียนเป็นศิลปินประเภทหนึ่งซึ่งค่อนข้างถนัดไปทางการสเก็ตช์ ใครจะไปคิดว่าหลินเยวียนจะเป็นอัจฉริยะที่ชำนิชำนาญทั้งการสเก็ตช์และสีกวอชในเวลาเดียวกัน
นี่สิถึงจะเรียกว่าเทพตัวจริง!
ต้องเข้าใจว่าคนที่มานั่งกันอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญสีกวอชกันทั้งนั้น แต่ในตอนนี้นักศึกษากลุ่มนี้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดฝีมือสีกวอชของปีสามคณะวิจิตรศิลป์ ก็เข่าอ่อนลงไปแล้ว ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า
“ท่านเทพสอนสีกวอชฉันหน่อย!”
คำพูดนี้เตือนสติทุกคน ชั่วขณะนั้นก็ก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ นักศึกษาทั้งกลุ่มต่างคนต่างแย่งกันพูด “อ๊าาาา ฉันจะเรียนสีกวอชกับท่านเทพ!”
“ท่านเทพมองผมหน่อย!”
“ขอร้องละท่านเทพสอนฉันหน่อย!”
สอนคนจนกลายเป็นยอดฝีมือด้านการสเก็ตช์ตั้งกลุ่มหนึ่ง ฝีมือในการสอนของหลินเยวียนเป็นประจักษ์แล้ว ในตอนนี้หลินเยวียนแสดงความสามารถในการใช้สีกวอชอีก คนกลุ่มนี้ย่อมรู้ว่าโอกาสนี้หาได้ยากมากแค่ไหน แต่ละคนดูเหมือนคลุ้มคลั่งไปอย่างไรอย่างนั้น!
“ชั่วโมงละห้าร้อยหยวนครับ”
สีหน้าของหลินเยวียนไม่เปลี่ยนแปลง
จงอวี๋แทรกขึ้นมาด้านหน้าสุดด้วยความตื่นเต้น “พวกนายก็อย่าแย่งกันสิ อยากเรียนสีกวอชก็มาจองคิวที่ฉัน อย่าลืมว่าฉันเป็นลูกศิษย์หมายเลขหนึ่งของท่านเทพนะ!”
“หน้าไม่อาย!”
ทันใดนั้นก็มีคนโมโหขึ้นมา “คนมีจิตสาธารณะปลอมๆ อย่างนายต้องเขียนชื่อตัวเองลงไปคนแรกแน่ๆ!”
“…”
แน่นอนว่าถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ทุกคนก็ยังมานัดหมายจองคิวเรียนสีกวอชกับหลินเยวียน และจงอวี๋เองก็ใส่ชื่อตนเองลงไปในคิวแรกจริงๆ โดยไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น
“ไปละ”
หลินเยวียนบอกกับเฉาปินประโยคหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป
“ท่านเทพไปไหนอะ”
“ไปกินข้าวที่โรงอาหารครับ”
สมาชิกชมรมจิตรกรรมกลุ่มนี้จึงปรี่ตามไปด้วย แต่ละคนต่างพูดประมาณว่าจะเลี้ยงข้าว เหลือเพียงเฉาปินซึ่งยืนใจลอยอยู่หน้าหนังสือพิมพ์กระดานดำ
เหยียนเมิ่งเจียและฝ่ายศิลป์กินข้าวเสร็จแล้วก็กลับหอพักไป เพราะทุกคนรู้ว่าหนังสือพิมพ์กระดานดำนี้หมดหนทางเยียวยาแล้ว ทว่าจู่ๆ เฉาปินก็โทรศัพท์ตามให้พวกเขามา ทั้งหมดจึงลุกขึ้นกลับห้องเรียน
“น่าจะมาผิดห้องนะ”
เมื่อมาถึงห้องเรียนของอาคารตะวันออก หลังจากที่เหยียนเมิ่งเจียเดินเข้ามาแล้วเห็นหนังสือพิมพ์กระดานดำ ก็หันหลังไปพูด
“หา?”
ผู้ชายด้านหลังของเหยียนเมิ่งเจียก็เดินเข้าประตูมามองเช่นกัน แต่ก็ชะงักไป “เหมือนจะมาผิดห้องจริงๆ นะ นี่อาคารไหนเนี่ย”
“ไม่ผิดนะ”
นักศึกษาด้านหลังมองเห็นแผ่นหลังของเฉาปินด้านหน้ากระดานดำ “นั่นไม่ใช่หัวหน้าห้องเราเหรอ”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
ผ่านไปหลายวินาที พวกเขาก็กรูเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกัน ยืนเหม่อมองภาพวาดทิวทัศน์ของหนังสือพิมพ์กระดานดำ ราวกับสะกดจุดไว้อย่างไรอย่างนั้น
“พวกนายมาแล้วเหรอ”
เฉาปินหันหลังมาเห็นเหยียนเมิ่งเจีย จึงพูดว่า “ฉันต้องไปกินข้าวแล้ว ไม่รู้ว่าโรงอาหารปิดไปหรือยัง”
“นี่คือ?”
เหยียนเมิ่งเจียมองหนังสือพิมพ์กระดานดำอย่างตกตะลึง ชั่วขณะนั้นก็งุนงงอยู่บ้าง หนังสือพิมพ์กระดานดำก่อนหน้านี้ก็ลบไปแล้ว และถูกแทนที่ด้วยภาพวาดทิวทัศน์ที่ชวนให้ประหลาดใจ
ช่วงพักกลางวันของพวกเขาเพิ่งจะผ่านมาประมาณสองชั่วโมงเองล่ะมั้ง?
เวทมนตร์?
เป็นเวทมนตร์ใช่มั้ย
เฉาปินเข้าใจปฏิกิริยาของทุกคนเป็นอย่างดี จึงยิ้มพลางอธิบาย “หลินเยวียนเป็นคนวาด”
ผู้ชายด้านหลังเหยียนเมิ่งเจียรู้สึกไม่แน่ใจ “หลินเยวียนที่พวกเรารู้จักน่ะเหรอ”
เฉาปินไม่ได้ตอบ แต่กลับมองไปยังเหยียนเมิ่งเจีย “หลินเยวียน ผู้รับผิดชอบหนังสือพิมพ์กระดานดำให้ใส่ชื่อพวกนาย แต่ฉันรู้สึกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่งั้นเขียนชื่อพวกนายไว้ข้างหลังก็แล้วกัน ได้หน่วยกิตด้วย”
“อื้มๆ”
เหยียนเมิ่งเจียแทบจะตอบรับไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
……
ช่วงบ่ายยังมีคลาสเรียนอีก เมื่อหลินเยวียนกินข้าวเสร็จและกลับมาถึงห้องเรียน ก็มีคนในชั้นตะโกนขึ้นมาว่า
“หลินเยวียนมาแล้ว!”
“หลินเยวียนเจ๋งสุดยอด!”
“นายเป็นคนวาดหนังสือพิมพ์กระดานดำเหรอ?”
“สองชั่วโมงก็วาดออกมาได้?”
ทุกคนล้วนมองไปยังหลินเยวียน ราวกับว่ารู้จักเขาใหม่อีกครั้ง
เหยียนเมิ่งเจียเดินมาข้างหลินเยวียน เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณนะ”
“อื้ม”
หลินเยวียนนั่งลงในที่ของตน
เพื่อนในห้องต่างก็ผุดยิ้มอย่างรู้กัน ไม่ได้รู้สึกแปลกต่อปฏิกิริยาเช่นนี้ของหลินเยวียนแม้แต่นิดเดียว
หยิ่งเหรอ?
ไม่เลย
นี่มันหลินเยวียนมากต่างหาก
ในตอนนั้นมีการเคลื่อนไหวดังมาจากระเบียงทางเดิน อาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ซึ่งรับผิดชอบการตรวจหนังสือพิมพ์กระดานดำมาถึงแล้ว และผู้ที่เป็นหัวหน้าก็คือข่งอัน ผู้ทรงคุณวุฒิของคณะวิจิตรศิลป์!
นักศึกษาทุกคนยืนขึ้นทันที
คณะกรรมการตัดสินทยอยกันเดินเข้ามา ข่งอันผู้ซึ่งเดินนำมาด้านหน้าสุดมองไปยังหนังสือพิมพ์กระดานดำ แล้วก็ต้องชะงักงัน
ไม่เพียงข่งอัน
อาจารย์สอนสีกวอชด้านหลังของเขาอีกหลายคน ก็ถลึงตาจ้องมองอย่างอดไม่ได้ หนังสือพิมพ์กระดานดำนี่เป็นระดับที่นักศึกษาทำได้หรือ?
พวกเขาจ้างคนจากข้างนอกมาล่ะมั้ง
หรือว่าอาจารย์คนไหนแอบมาช่วย
ผ่านไปชั่วครู่ ข่งอันถึงได้ค่อยๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขัง “หนังสือพิมพ์กระดานดำของพวกคุณใครเป็นคนทำ”
“หลินเยวียน!”
เหยียนเมิ่งเจียตอบเป็นคนแรก
หลินเยวียนทำได้เพียงยกมือขึ้นอย่างให้ความร่วมมือ
ความคลางแคลงใจของข่งอันมลายหายไปในชั่วพริบตา
เขามองหลินเยวียน แล้วหันไปมองกระดานดำ มองหลินเยวียนอีกครั้ง แล้วหันไปมองหนังสือพิมพ์กระดานดำ แล้วมองหลินเยวียน แล้วมองหนังสือพิมพ์กระดานดำ แล้วมองหลินเยวียน…
จากนั้น เขาก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าแลดูซับซ้อนอยู่สักหน่อย “คุณวาดคนเดียวเหรอ”
หลินเยวียนตอบ “ครับ”
ข่งอันขยับเข้าไปใกล้หนังสือพิมพ์กระดานดำเพื่อดื่มด่ำผลงานเงียบๆ กล่าว “ที่แท้คุณก็วาดสีกวอชได้ดีขนาดนี้ด้วย เพียงแต่รายละเอียดบางอย่างยังไม่แม่นยำมากพอ มีพื้นที่สำหรับพัฒนาได้อีก”
“…”
ขอร้องละ กระดานดำที่ใหญ่ขนาดนี้ มีเวลาวาดแค่สองชั่วโมง จะไปเก็บรายละเอียดทั้งหมดได้ยังไง
เหยียนเมิ่งเจียและคนอื่นๆ อยากพูดออกไป แต่ในเมื่อหลินเยวียนไม่ได้พูด พวกเขาจึงทำได้แค่อดทนไว้
ในยามนั้นอาจารย์คนหนึ่งมองไปยังหลินเยวียน “ศาสตราจารย์ตั้งมาตรฐานสูงเกินไปแล้วครับ สำหรับผม ภาพนี้สมบูรณ์แบบมากแล้ว แค่สีดูเหมือนกับไม่แห้งดี?”
หลินเยวียนตอบ “ช่วงนี้ฟ้าครึ้ม เลยชื้นนิดหน่อยครับ”
ทุกคนในห้อง “…”
ลูกพี่ ทำไมไม่บอกไปล่ะว่าที่สียังไม่แห้ง เก็บรายละเอียดไม่ดี ก็เพราะที่จริงแล้วนายใช้เวลาสองชั่วโมงเร่งวาดหนังสือพิมพ์กระดานดำนี้ออกมา
เอาเถอะ
เขาขี้เกียจจะอธิบาย
จุดนี้ก็หลินเยวียนมากอยู่ดี
……………………………………