“ข้อควรระวังในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน…”
หลินเยวียนนึกไม่ถึงว่าตนเป็นถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว ยังต้องได้รับ ‘คู่มือความปลอดภัยในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย’
ของพรรค์นี้แจกกันก็แค่ช่วงประถม
ที่น่าทึ่งยิ่งไปกว่านั้นก็คือเนื้อหาของคู่มือนี้ เหมือนกับ ‘คู่มือความปลอดภัยในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนสำหรับนักเรียนประถม’ ไม่มีผิดเพี้ยน
อย่าเล่นไฟ
อย่าลงไปว่ายน้ำในแม่น้ำ
อย่าฝ่าไฟแดง ฯลฯ
หากจะให้บอกว่ามีตรงไหนต่างกันละก็ เห็นจะเป็นตรงที่คู่มือความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าอย่าไปไนต์คลับและดิสโก้เท็ก เพราะนี่เป็นมิติเวลาที่เด็กประถมยังไม่มีทางข้ามมาได้
ไม่ว่าจะอย่างไร ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนซึ่งหนึ่งปีมีครั้งเดียวก็วนมาถึงในที่สุด
เมื่อกลับไปยังบริษัทอีกครั้ง หลินเยวียนก็ขึ้นไปชั้นบน ตรงไปหาหัวหน้าเหล่าโจว
“มาแล้วเหรอ” เหล่าโจวพูด “ดื่มชามั้ย”
หลินเยวียนพยักหน้า ดื่มใบชาชั้นดีของเหล่าโจวฟรีๆ ไม่ดื่มก็แย่แล้ว
“บอกมา มีเรื่องอะไร”
เหล่าโจวรินชาให้หลินเยวียนหนึ่งถ้วย เขาคิดว่าหลินเยวียนจะพูดถึงเรื่องเพลงความฝันแรก
หลินเยวียนถาม “ตอนปีสามผมไปฉีโจวได้มั้ยครับ”
เหล่าโจวชะงัก ทันใดนั้นก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ทำไมเหรอ”
หลินเยวียนเล่าเรื่องนักศึกษาแลกเปลี่ยนให้เขาฟังรอบหนึ่ง พร้อมทั้งอธิบายว่า “เวลาทั้งหมดสองเทอม ผมเขียนเพลงที่นั่นแล้วส่งให้ในอีเมลก็ได้ครับ”
เขาไม่อยากให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบกับงาน
เหล่าโจวเหลือบมองหลินเยวียน กล่าวเสียงทุ้ม “นายได้ยินข่าวลือที่นั่นมาแล้ว?”
หลินเยวียนอึ้งไป
เหล่าโจวเห็นปฏิกิริยาของหลินเยวียน ก็รู้ทันทีว่าเขาไม่เข้าใจ จึงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขื่น พลางเอ่ย “เรื่องที่หยางจงหมิงกลับมาฉินโจว นายรู้แล้วใช่ไหม”
หลินเยวียนพยักหน้า
หยางจงหมิงเป็นบุคคลระดับพ่อเพลง ย่อมตกเป็นประเด็นสนทนาได้ง่าย ดังนั้นในเวลางานก็จะได้ยินเพื่อนร่วมงานเอ่ยถึงเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง
“ครับ”
นิ้วมือของเหล่าโจวเคาะกับโต๊ะ “ที่จริงแล้วสตาร์ไลท์ของเรามีบริษัทย่อยที่สเกลไม่ใหญ่อยู่ในฉีโจว ก่อนหน้านี้หยางจงหมิงอยู่ในฉีโจวก็ไม่ได้ใส่ใจบริษัทย่อยสักเท่าไหร่ เข้าไปคอยดูบ้างเป็นครั้งคราว ตอนนี้หยางจงหมิงกลับมาแล้ว สถานการณ์ทางบริษัทย่อยเลยย่ำแย่ ถึงยังไงฉีโจวกับฉินโจวเราก็ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมของตลาดดนตรีนี่ต่างกันราวฟ้ากับดินเชียวละ…”
หลินเยวียนพยักหน้า แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตนก็เถอะ
“ต้องบอกให้นายเข้าใจก่อน”
เหล่าโจวถอนหายใจ “สถานการณ์ของบริษัทย่อยในฉีโจวไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ เบื้องบนเร่งให้ฉันส่งคนไปช่วยมาตลอด แต่มือทองของบริษัทเราไม่ค่อยมีคนอยากไปหรอก ยังไงซะสภาพของทางนั้นก็ลำบากกว่า เรื่องนี้เลยคั่งค้างไม่ถูกสะสางสักที ถ้านายไปฉีโจว ความรับผิดชอบนี้ก็จะตกมาอยู่ที่นาย โยนทิ้งไปก็ไม่ได้ผลักให้คนอื่นก็ไม่ดี ใครให้ตอนนี้นายเป็นมือทองซะแล้วล่ะ ฉันถึงไม่อยากให้นายไปไง…”
หลินเยวียนนึกออกแล้ว ก่อนหน้านี้เคยบังเอิญได้ยินเหล่าโจวคุยโทรศัพท์ พูดว่าจะส่งคนไปฉีโจว
ดูท่าตนต้องกลายเป็นผู้ถูกเลือกไปซะแล้ว
เขาเอ่ยถามว่า “พอไปถึงที่นั่น งานของผมก็ยังเป็นการเขียนเพลงใช่มั้ยครับ”
เหล่าโจวกล่าวกลั้วหัวเราะ “แน่นอนอยู่แล้ว”
หลินเยวียนพยักหน้า “ผมรับได้ครับ”
ต่อให้สภาพแวดล้อมด้านงานดนตรีจะไม่เหมือนกัน ขอเพียงเป็นการเขียนเพลง เขาก็ไม่กังวลว่าตนจะทำไม่ได้
เหล่าโจวจ้องหลินเยวียนอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะพูดว่า “ก็ได้ ยังไงก็ไม่ถึงหนึ่งปี ทำได้ไม่ดีก็ไม่เป็นไร คิดซะว่าให้นายหยุดปีหนึ่งก็แล้วกัน…”
“ถ้างั้นผมไม่ต้องส่งเพลงกลับมาแล้วเหรอครับ”
“ไม่จำเป็นหรอก นายยังต้องไปตามเก็บกวาดภาระที่ฉีโจวอีก พอถึงตอนนั้นเจอเรื่องปวดหัว จะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจเรื่องทางนี้ บริษัทจะจัดการให้นายไปในนามผู้ที่สำนักงานใหญ่ส่งไปเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้นายขยับขยายได้สะดวก พอถึงตอนนั้นนายก็จะเป็นตัวแทนของแผนกประพันธ์เพลงจากสำนักงานใหญ่ ตำแหน่งน่าจะพอๆ กับผู้จัดการของทางนั้น”
“ครับ”
เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องที่ตนจะไปฉีโจว ก็จัดการเป็นที่เรียบร้อย
……
ไม่รู้ว่าทางแผนกประพันธ์เพลงชั้นสิบไปรู้เรื่องที่หลินเยวียนจะไปประจำที่สาขาย่อยในฉีโจวกันมาจากไหน
เพื่อนร่วมงานอย่างอู๋หย่งรีบกระวีกระวาดมาหาหลินเยวียน “นายจะกระโดดลงขุมนรกที่ฉีโจวไปทำไม”
หลินเยวียนนึกฉงนใจ “ขุมนรก?”
“ก็ขุมนรกน่ะสิ เขียนเพลงที่นั่นทรมานสุดๆ เลยละ มีแต่ท่านพ่อผู้ว่าจ้างเต็มไปหมด ผู้ว่าจ้างพวกนั้นรู้เรื่องเพลงซะที่ไหนล่ะ รู้แต่ชี้นิ้วสั่งเอาแบบโน้นเอาแบบนี้ไปเรื่อย ไม่เหมือนพวกเราในฉินโจวที่ผลิตเพลงได้อิสระ!” อู๋หย่งพูดด้วยท่าทางปวดเศียรเวียนเกล้า
“อ้อ”
หลินเยวียนแลดูราวกับกำลังใช้ความคิด
อู๋หย่งจนใจ กล่าวโน้มน้าวต่อไป “เรื่องที่คนอื่นหนีกันหัวซุกหัวซุน นายกลับแย่งเอาไปทำซะงั้น เพื่ออะไรกัน บริษัทย่อยในฉีโจวท่าทางร่อแร่เต็มที น่าจะไม่เกินสองสามปีก็คงปิดตัวแล้ว พอถึงตอนนั้นนายก็ยังต้องรับผิดชอบ…”
หลินเยวียนตอบ “ผมจะพยายามครับ”
อู๋หย่งได้ยินดังนั้นก็อดกลอกตาไม่ได้
ถ้าความพยายามมันมีประโยชน์ละก็ บริษัทย่อยจะกลายเป็นแบบนี้ได้หรือ
แต่ถึงอย่างนั้นหลินเยวียนก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว เขาทำได้เพียงถอดใจเลิกโน้มน้าว
วันเวลาหลังจากนั้น หลินเยวียนก็มาเข้างานตามปกติ
ในเวลาว่าง เขาก็เขียนเรื่องกระบี่เทพสังหาร
แน่นอนว่า สำหรับหลินเยวียนแล้ว การเข้ามาทำงานก็นับว่าเป็นเวลาว่างเช่นเดียวกัน
และในช่วงเวลานั้นเอง หลินเหยาน้องสาวก็สอบเกาเข่าเสร็จเรียบร้อย และกำลังรอจดหมายตอบรับเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัย
เจี่ยนอี้ถือโอกาสใช้เวลาช่วงปิดเทอมกลับบ้าน
และซย่าฝานก็ได้เข้าร่วมรายการสะพรั่งแล้ว ถ้าไม่ได้ฝึกซ้อม ก็กำลังแข่งขันอยู่
ทุกคนโผล่เข้าไปในกลุ่มแช็ตบ้างเป็นครั้งคราว พูดคุยถึงความเป็นไปในช่วงนี้
สรุปแล้ว แต่ละคนต่างก็มีเรื่องที่ต้องจัดการ
ทว่าเมื่อหลินเยวียนเข้าไปในกลุ่ม บอกว่าตนจะไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ฉีโจว เจี่ยนอี้ก็ตื่นเต้นดีใจสุดๆ
เดิมทีเขาคิดว่าตนต้องไปฉีโจวคนเดียวซะแล้ว ไม่คิดว่าจะมีหลินเยวียนไปเป็นเพื่อนด้วย
‘งั้นพวกเราเจอกันที่วิทยาลัยศิลปะฉีโจวนะ!’
วิทยาลัยศิลปะฉีโจว มีชื่อย่อว่าฉีอี้
ผ่านไปหลายนาที เจี่ยนอี้ก็เข้ามาในกลุ่มแช็ตอีกครั้ง ‘ฉันลองเสิร์ชมาแล้ว คณะที่ฉีอี้แยกกัน ฉันอยู่คณะศิลปะการละคร นายอยู่คณะดนตรี อยู่ห่างกันตั้งสองกิโล มาเจอกันคงจะไม่ค่อยสะดวกแฮะ’
‘ดีใจกันใหญ่เลยนะ’
ซย่าฝานโผล่เข้ามา “หลินเยวียนก็ไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน งั้นปีหน้าฉันก็อยู่ที่ฉินโจวคนเดียวน่ะสิ”
หลินเซวียนตอบ ‘พี่อยู่เป็นเพื่อนเธอเอง จริงสิ เธอแข่งเสร็จยัง’
ซย่าฝานตอบ ‘แข่งเสร็จแล้วค่ะ! ตอนนี้หนูเป็นยี่สิบคนสุดท้ายของประเทศแล้ว! ต้องทำให้คนดูลุ้น วันนี้ตอนเย็นรอดูทีวีได้เลย!’
‘ดีใจด้วย!’
‘ขอลายเซ็นหน่อยค้าบ!’
‘สู้ๆ นะ!’
ทุกคนล้วนแต่รู้สึกดีใจแทนซย่าฝาน
เย็นวันนั้น หลินเยวียนและหลินเซวียนเปิดดูการแข่งขันรอบใหม่ล่าสุดของรายการสะพรั่ง
ช่วงนี้ ตราบใดที่มีการแข่งขันรายการสะพรั่ง หลินเซวียนไม่เคยพลาดเลย หลินเยวียนเองก็ดูตามไปด้วยจนจบ
การแข่งขันฉายทุกวันเสาร์
ทันทีที่พิธีกรประกาศว่าซย่าฝานได้เข้ารอบยี่สิบคนสุดท้าย หลินเซวียนก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้น “ยี่สิบคนสุดท้าย ยี่สิบคนสุดท้าย!”
หลินเยวียนไม่เข้าใจ
ตอนกลางวันก็รู้ผลล่วงหน้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ
ในฐานะเพื่อนสนิท เขาเองก็ย่อมติดตามความเป็นไปของซย่าฝานเช่นกัน
ตอนนี้บนโลกออนไลน์มีโพสต์ที่พูดคุยเกี่ยวกับรายการสะพรั่งเต็มไปหมด
ซย่าฝานในฐานะหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ย่อมพอจะมีชื่อเสียงในระดับหนึ่งแล้ว
ด้วยสภาพการณ์ในปัจจุบันนี้ หลินเยวียนรู้สึกว่าซย่าฝานมีความหวังที่จะเดินไปถึงการแข่งขันรอบสุดท้ายจริงๆ…
…………………………………………………..