หลังจากการแข่งขันจบลง การถกเถียงกันก็ปรากฏไปทั่วทั้งโลกออนไลน์ ความถี่ของชื่อซย่าฝานนั้นสูงมาก นอกจากนั้นแล้ว บทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับเซี่ยนอวี๋ก็เกิดขึ้นอย่างล้นหลามเป็นครั้งแรก!
เซี่ยนอวี๋มีชื่อเสียงแล้วจริงๆ
กระแสความฮ็อตฮิตผลงานทั้งหมดของเขาในตอนนี้ ไม่มีเพลงไหนด้อยไปกว่ากันเลย เพียงแต่เพราะเป็นการทำงานอยู่เบื้องหลัง จึงไม่มีโอกาสได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่มาโดยตลอด และบนเวทีรายการสะพรั่งแห่งนี้ ในที่สุดก็ไม่มีใครมองข้ามการมีตัวตนของเขาได้อีกต่อไป!
‘พวกเธอเห็นหรือยังล่ะ’
มีคนแดกดัน ‘บวกกับจ้าวอิ๋งเก้อเมื่อคราวก่อน ผู้ชนะรายการสะพรั่งสองครั้งล่าสุดล้วนแต่ร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋ ต่อไปผู้ชนะรายการนี้ก็คงจะร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋ ทำเพลงสักเพลงถึงจะนับว่าเป็นความสำเร็จ?’
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการประชดประชัน
ความสนใจของทุกคนล้วนไปรวมอยู่ที่เพลงความฝันแรก เฉกเช่นที่จ้าวเจวี๋ยพูดเอาไว้ เพลงนี้ปล่อยออกไปในเช้ามืดวันแรกของเดือนสิงหาคม และเวอร์ชันที่ปล่อยออกมาไม่ใช่เวอร์ชันในสตูดิโอ
หากแต่เป็นเวอร์ชันไลฟ์สดจากรายการสะพรั่ง!
แน่นอนว่าเสียงที่บันทึกไว้ได้ผ่านการปรับแต่ง
ตัวอย่างเช่นเสียงเชียร์ของฝูงชนและเสียงปรบมือล้วนถูกตัดทิ้งไปส่วนมาก เหลือไว้เพียงเสียงกู่ร้องทั่วทั้งห้องส่งหลังจากที่เพลงจบลง
หากใช้คำพูดของจ้าวเจวี๋ยเอง ก็คือให้ปล่อยเวอร์ชันไลฟ์สดบนเวทีก่อน จากนั้นค่อยปล่อยเวอร์ชันสตูดิโอ
ถึงอย่างไรการอัดเพลงใหม่จะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
ทางหลินเยวียนมีเวอร์ชันสตูดิโอ ซึ่งก็เป็นผลงานในการประเมินประจำปีการศึกษาของเขา แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้เหนือไปกว่าเวอร์ชันไลฟ์สดบนเวที
ผู้ชมจำนวนมากที่ดูรายการนี้จบ ก็รีบไปดาวน์โหลดเพลงความฝันแรกทันที
‘เพลงนี้ต้องดังแน่!’
‘คว้าแชมป์เดือนนี้ได้สบายไร้ปัญหา’
‘ถ้าเพลงนี้ไม่ได้ที่หนึ่งสิแปลก เพลงของแชมป์รายการสะพรั่ง แถมยังเป็นเพลงใหม่ของเซี่ยนอวี๋ด้วย!’
ในตอนนี้อยู่ๆ ก็มีคนนึกขึ้นได้ ‘เดือนสิงหามีนักร้องแถวหน้าอีกสองคนไม่ใช่เหรอ’
‘ศึกสองอวี่?’
‘เมื่อกี้ฉันเพิ่งฟังเพลงของเฉินจื้ออวี่กับจินซูอวี่ เพลงนี้ของเฉินจื้ออวี่ดีมากเลย เพราะกว่าเพลงของจินซูอวี่อีก!’
‘เดี๋ยวนะ…’
‘งั้นเฉินจื้ออวี่…’
‘คงไม่ได้…’
‘อันดับหนึ่ง…’
‘อีกสินะ…’
เรียกว่าประโยคเดียวปลุกคนให้ตื่นได้อย่างแท้จริง
หรือว่าเฉินจื้ออวี่อยากจะครองสมญานาม ‘ลูกคนรองตลอดกาล’ ไปเรื่อยๆ?
……
ในช่วงเช้ามืดของเดือนสิงหาคมนั้นเอง
เฉินจื้ออวี่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในห้องนอนด้วยความหวั่นวิตก
เขาไถแพลตฟอร์มฟังเพลงใหญ่ๆ แต่ละแห่ง แต่เมื่อได้เห็นหัวข้อโปรโมตของเพลง สายตาของเขาก็นิ่งค้าง ทั้งตัวแทบกลายเป็นประติมากรรมสีเทาเข้มชิ้นหนึ่ง
ตั้งชื่อประติมากรรมชิ้นนั้นได้ว่า ‘คนครุ่นคิด[1]’
ฉันต้องเปิดผิดวิธีแน่ๆ
ผ่านไปสิบนาทีเต็มๆ เฉินจื้ออวี่ถึงได้ผุดรอยยิ้มเบาใจออกมา
ระบบขัดข้องก็เป็นเรื่องสุดแสนจะปกติ มีครั้งหนึ่งตนปล่อยเพลงใหม่ไปแล้วแท้ๆ ทว่ากว่าแต่ละแพลตฟอร์มจะขึ้นเพลงให้ก็ปาไปตีหนึ่งแล้ว
เฉินจื้ออวี่กดปิดแพลตฟอร์มฟังเพลง
แล้วเปิดขึ้นมาใหม่
จากนั้นเขาก็นิ่งค้างกลายเป็นประติมากรรมไปอีกครั้ง
ผู้จัดการปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูพอดี เปิดประตูเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง แต่ทันทีที่ผู้จัดการเห็นเฉินจื้ออวี่นั่งนิ่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ในใจก็พลันเกิดลางสังหรณ์ประหลาดที่อธิบายไม่ถูก รู้สึกว่าภาพเหตุการณ์นี้โคตรจะคุ้นเคย
“นายโอเคหรือเปล่า”
เขาเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
เฉินจื้ออวี่ได้สติกลับมา เขามองผู้จัดการด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและอบอุ่น กวักมือไหวๆ “ผมไม่เป็นไร ครั้งนี้ไม่มีปัญหาแน่ คุณมาเร็ว เราฟังเพลงกันเถอะ!”
ยอดเยี่ยมไปเลย!
ผู้จัดการพรูลมหายใจอย่างโล่งอก เมื่อกี้เขาเดินเข้ามายังคิดซะอีกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อมาคิดให้ถี่ถ้วนแล้วจะไปเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะ เดือนนี้ไม่มีเซี่ยนอวี๋ ส่วนเพลงของจินซูอวี่ก็ไม่ได้ดีพอให้กังวล
“เพลงอะไรล่ะ”
เขานั่งลงพลางหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะร้องขึ้นมาด้วยความตกใจกลัว “เฉินจื้ออวี่นายทำอะไรน่ะ!”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ!”
เฉินจื้ออวี่หยิบสายของหูฟังมาพันรอบคอของผู้จัดการ กดร่างของผู้จัดการซึ่งดิ้นต่อสู้ “ตายซะตายซะตายซะตายซะคนนำพาลางร้ายอย่างคุณคุณบอกไม่ใช่หรือไงว่ารับรองว่าเดือนนี้ไม่มีเซี่ยนอวี๋ผมนอนรอมงแชมป์ทำไมเซี่ยนอวี๋ยังโผล่มาอีกจะนั่งคิดนอนคิดก็เพราะคุณพูดเป็นลางนั่นแหละ!” เฉินจื้ออวี่เป็นนักร้องที่ยอดเยี่ยม พลังปอดของเขาน่ากลัวเหลือเกิน
“จะฆ่ากันหรือไง!”
ผู้จัดการร้องลั่น ใบหน้าซีดเผือด วิธีการปล่อยเพลงในครั้งนี้ของเซี่ยนอวี๋พิเศษเกินไป ใครจะไปคาดคิดกันฟระ!
ถึงยังไงก็บ้านเมืองก็มีขื่อมีแป ท้ายที่สุดเฉินจื้ออวี่ก็ควบคุมความพยาบาทของตน และสงบสติอารมณ์
ผ่านไปห้านาที
เขากับผู้จัดการนั่งอยู่ด้วยกัน ฟังเพลงความฝันแรกจนจบ
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
พาดหัวข้อข่าวมีข่าวหนึ่งวิ่งมา ‘ซย่าฝานเอาชนะถังเยวี่ย คว้าแชมป์สะพรั่ง เพลงใหม่ความฝันแรกสั่นสะเทือนทั้งฮอลล์ มองเทพเซี่ยนอวี๋ลงมาจุติ!’
“ข่าวนี้เพ้อเจ้อจริงเลย”
น้ำเสียงของผู้จัดการไม่เปลี่ยนแปลง “เทพจะลงมาจุติจริงๆ ไปได้ยังไง ก็แค่เซี่ยนอวี๋ปล่อยเพลงใหม่ ยังไงฉันก็คิดแบบนั้น”
“เหอะ ก็แค่นี้แหละ”
สีหน้าของเฉินจื้ออวี่ฉายแววเหยียดหยาม
ทั้งสองคนลุกขึ้นพร้อมกัน เดินไปยังตู้เย็นอย่างหมดอาลัยตายอยากราวกับซอมบี้ หยิบไวน์แดงซึ่งครั้งก่อนนำมาฉลองอันดับหนึ่ง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้เปิดด้วยซ้ำไป
“…”
เฉินจื้ออวี่เอ่ย “ผมกลัวว่าผมจะไม่ได้กินไวน์แล้ว ไม่สู้วันนี้กินให้หมดไปเลยดีกว่า”
ผู้จัดการพยักหน้า “ถูกต้อง”
ว่าพลาง ผู้จัดการก็ส่งข้อความหาภรรยา ‘คืนนี้ผมไม่กลับนะ’
ภรรยาตอบกลับมา ‘ดีใจขนาดนั้น?’
ผู้จัดการบอก ‘ผมกลัวว่าเขาจะทำเรื่องโง่ๆ ผมต้องอยู่เป็นเพื่อนเขา ขอโทษนะ’
ภรรยาตอบ ‘…’
ขณะที่กำลังจะวางโทรศัพท์ลง จู่ๆ ผู้จัดการก็เห็นข้อความหนึ่งในเวยปั๋ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นพิลึกกึกกือทันที
“จื้ออวี่เอ๊ย”
“อะไรครับ”
เฉินจื้ออวี่กำลังรินไวน์
ทันใดนั้นผู้จัดการก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงซับซ้อน “นายขึ้นอันดับหนึ่งในฮ็อตเสิร์ชแล้ว”
เฉินจื้ออวี่เงยหน้าขึ้นมามองผู้จัดการ “คุณอ่านผิดหรือเปล่า เหมือนว่าผมจะไม่ได้ขึ้นฮ็อตเสิร์ชมาสองปีแล้วนะ ปีนี้ก็ยิ่งไม่เคยติดท็อปสิบเลยด้วยซ้ำ”
“แต่ตอนนี้นายติดแล้ว”
ผู้จัดการบอก “ดูนี่ แฟนคลับนายเพิ่มขึ้นมาอีกหลายแสนคน จริงสิ ปกติแล้วนายโพสต์เวยปั๋วมีคอมเมนต์เท่าไหร่”
เฉินจื้ออวี่ครุ่นคิด ก่อนตอบไป “สักแสนกว่าๆ ล่ะมั้งครับ”
ผู้จัดการกล่าว “คอมเมนต์เพลงใหม่ของนายในเวยปั๋วทะลุแสนไปแล้ว…เหมือนว่านาย…จะดังแล้ว?”
เพลงของฉัน ชนะแล้ว?
เฉินจื้ออวี่พลันเงยหน้าขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น คว้าโทรศัพท์ของผู้จัดการมาอ่านความคิดเห็นด้วยความคาดหวัง
ความคิดเห็นซึ่งมียอดไลก์อันดับหนึ่ง: ปวดใจ
ความคิดเห็นซึ่งมียอดไลก์อันดับสอง: โอ๋ๆ น้า
ความคิดเห็นซึ่งมียอดไลก์อันดับสาม: พยายามเข้านะ
ความคิดเห็นซึ่งมียอดไลก์อันดับสี่: …
สีหน้าของเฉินจื้ออวี่ซับซ้อนซะยิ่งกว่าอะไร ทันใดนั้นก็พูดขึ้นด้วยความเดือดดาลระคนช้ำใจ “ฮ็อตเสิร์ชแบบนี้ ไม่ต้องขึ้นก็ได้ปะ!”
……
ขณะเดียวกันนั้นเอง
จินซูอวี่ก็เปิดเพลงใหม่ของเฉินจื้ออวี่ฟังอย่างกระอักกระอ่วน หลังจากฟังไปได้สามสี่นาที หัวคิ้วของเขาก็ขมวดมุ่น
อันดับหนึ่ง นอนมาแล้ว
เมื่อกวาดตามองไปยังแบนเนอร์โปรโมต เฉินจื้ออวี่ก็เห็นข้อความแนะนำบรรทัดหนึ่ง ‘เพลงใหม่ของเซี่ยนอวี๋ซึ่งพาซย่าฝานคว้าแชมป์รายการสะพรั่ง ความฝันแรกปล่อยแล้ว!’
เขารีบคลิกเข้าไป
ฟังไปได้เพียงครึ่งเพลง จู่ๆ เขาก็ถอดหูฟังออก
จินซูอวี่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โพสต์ข้อความลงในโมเมนต์วีแช็ตสามคำ
‘ตายเรียบแน่!’
โดยมีภาพประกอบเป็นปลาตัวหนึ่ง
มาคิดๆ ดูแล้ว จินซูอวี่รู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่ดีเท่าไหร่ ถึงอย่างไรเพื่อนสนิทตั้งหลายคนของตนล้วนเป็นพนักงานในบริษัท
ถ้าเกิดในบริษัทมีคนเอาไปพูดพล่อยจะทำยังไง
ถ้าอาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่พอใจกับการแสดงออกของเขาจะทำยังไง
เขาจึงตั้งค่าจำกัดการมองเห็นของโพสต์นี้
‘มีเพียงเฉินจื้ออวี่ที่เห็น’
เป็นนักร้องแถวหน้าในวงการเหมือนกัน ทั้งสองเพิ่มเพื่อนกันไว้เป็นเรื่องปกติมาก เพียงแต่หลังจากที่ทั้งสองเพิ่มเพื่อนกันไปแล้ว ก็ไม่เคยพูดคุยกันก็เท่านั้น
ห้านาทีให้หลัง
จินซูอวี่ก็ได้รับการกดไลก์จากเฉินจื้ออวี่เป็นครั้งแรกในชีวิต
และสองนาทีต่อมา อีกฝ่ายก็ถึงกับมาแสดงความคิดเห็น ‘คำพูดนี้ของนายฉันรู้สึกคุ้นหูมาก เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนนะ…ช่างมันเถอะไม่คิดละ ฉันสงสัยว่าทำไมครั้งก่อนนายไม่พักไปให้นานกว่านี้หน่อย’
จินซูอวี่ตอบกลับ ‘นั่นน่ะสิ ทำไมไม่พักไปให้นานกว่านี้หน่อย’
เฉินจื้ออวี่ตอบกลับอีกว่า ‘เรื่องบางเรื่องทำตัวให้ชินก็พอแล้ว บนโลกนี้ ไม่มีใครเข้าใจจินซูอวี่ได้ดีเท่าฉันแล้ว แต่ว่ากันตามตรงเลยนะ บริษัทนายมันเหี้ยมว่ะ’
จินซูอวี่จึงตอบไปว่า ‘เรื่องของบริษัท พนักงานโปรดอย่าแทรกแซง’
…………………………………………
[1] คนครุ่นคิด (Le Penseur) ประติมากรรมบรอนซ์และหินอ่อนโดยโอกุสต์ โรแด็ง ศิลปินชาวฝรั่งเศส