ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 2-5

ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 2-5

อีอูยอนอารมณ์ดี อีกฝ่ายรู้สึกผิดกับหินที่ไม่สำคัญอะไรขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าหากแกล้งผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่อีกแค่นิดเดียว อีกฝ่ายก็คงจะหายไปเหมือนกับกระดาษ อีอูยอนสามารถทำได้ หากเขาตั้งใจแล้วล่ะก็เขาสามารถทำให้คนคนนี้ลาออกไปได้

“ช่วยไม่ได้นี่ครับ ถึงจะเป็นของสำคัญ แต่จะให้ทำยังไงล่ะครับ ในเมื่อมันหายไปแล้ว”

ของสำคัญ

เขาเปลี่ยนของสำคัญไปเรื่อยๆ เขาหยิบหิน ใบไม้ หรือพวงกุญแจใส่ไว้ในกล่องที่อยู่ในตู้เก็บของและบอกว่าเป็นเครื่องรางนำโชคหรืออะไรก็แล้วแต่ก่อนที่จะฝากมันไว้กับผู้จัดการส่วนตัวสักพัก

พอสบโอกาสเขาก็ไม่ลืมที่จะขโมยของพวกนั้นไปทิ้งถังขยะ ปฏิกิริยาของคนที่หลงเชื่อผลงานชิ้นเอกที่เหมือนเด็กเล่นของเขาค่อนข้างคล้ายกัน นั่นคือตกใจในตอนแรก ต่อมาก็รู้สึกผิดและเสียใจตามลำดับ พวกเขามักจะแก้ตัวว่าเช็คดูแน่แล้วและเอาของมาด้วยแล้ว แต่มันกลับหายไป

มันหายไปแน่นอน เพราะฉันเป็นคนเอาไปทิ้งยังไงล่ะ

“ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกครับ”

แม้อีอูยอนจะยิ้มในขณะที่พูด แต่ชเวอินซอบกลับไม่พูดอะไรเลย ความเงียบที่น่าอึดอัดใจก่อตัวขึ้นในรถตู้

“ผะ ผมขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ”

ชเวอินซอบลุกขึ้นพลางพึมพำ อีอูยอนพยักหน้าและเปิดหนังสือที่อ่านค้างไว้เมื่อกี้ขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ชเวอินซอบที่ออกไปนั้นไม่กลับมา อีอูยอนแน่ใจว่าเวลาผ่านไปตั้งยี่สิบนาทีแล้วตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายออกไปจากรถตู้ เขาปิดหนังสือลง

ไปเป็นลมที่ไหนอีกหรือเปล่าเนี่ย

เขานึกถึงใบหน้าซีดๆ ของชเวอินซอบที่ออกไปจากรถตู้ แล้วเดาะลิ้นเบาๆ ถึงเขาจะไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นลมหรือไม่ แต่ถ้าให้บอกว่าเป็นความผิดของใคร ชื่อของอีอูยอนคงถูกพูดถึงในหนังสือพิมพ์อย่างแน่นอน แม้จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่คนที่เห็นชเวอินซอบเป็นลมมีเยอะมาก

“ทำตัวน่ารำคาญจริงๆ เลย”

อีอูยอนสวมหมวกที่อยู่ในรถตู้และออกไปด้านนอก หากจะไปห้องน้ำ ก็จะต้องเดินออกไปพักสักหนึ่ง เพราะเขาสั่งให้อีกฝ่ายจอดรถในที่ที่ไม่ค่อยมีคน อีอูยอนหวังว่าชเวอินซอบจะเป็นลมอยู่บริเวณนี้และเริ่มออกเดิน

แต่ไม่มีร่างของผู้จัดการส่วนตัวที่หมดสติอยู่ในห้องน้ำหรือบริเวณใกล้ๆ เลย คำพูดของชเวอินซอบที่ถามเรื่องโทรหาหัวหน้าทีมชาโผล่ขึ้นมาในหัวของอีอูยอน

“อย่าบอกนะว่า…”

เขาเดินไปทางโรลเลอร์โคสเตอร์ที่ใช้ถ่ายทำเมื่อสักครู่นี้ เนื่องจากเป็นฤดูหนาวที่อากาศเย็น เวลานี้จึงมีลูกค้าไม่มากนัก ลมหายใจที่เป็นไอพร้อมกับคำด่าพรั่งพรูออกมาจากปากของอีอูยอน

“ไอ้โง่เอ้ย ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกันแน่วะ”

ด้านล่างของโรลเลอร์โคสเตอร์มีทะเลสาบเล็กๆ ที่ทางสวนสนุกสร้างเอาไว้ มันเป็นบ่อน้ำที่สร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มความน่ากลัวตอนที่รถไฟเหาะตีลังกา

เป็นไปตามที่อีอูยอนคิด ชเวอินซอบกำลังถกขากางเกงหากล่องอยู่ในบ่อน้ำ ร่างทั้งร่างของอีกฝ่ายสั่นเหมือนจะล้มลงไปในไม่ช้า

อีอูยอนแสร้งยิ้ม มีความจำเป็นตรงไหนไม่ทราบที่ต้องทำถึงขนาดนั้นเพื่อให้ตนดูดีขึ้น

“คุณชเวอินซอบ”

อินซอบยืดหลังขึ้นมาด้วยความตกใจทันทีที่อีอูยอนเรียก ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเสียการทรงตัวและล้มลงไปในบ่อน้ำ เจ้าโง่นี่ทำตัวประหลาดหลายครั้งแล้วนะ

อีอูยอนกดความรำคาญเอาไว้และประดิษฐ์เสียงที่ดูเป็นห่วงขึ้นมา

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“คะ ครับ ไม่เป็นอะไรครับ”

ชเวอินซอบที่พยายามจะลุกขึ้นเซไปเซมาและล้มลงไปอีกครั้ง อีอูยอนยิ้มพลางกลืนคำด่าลงคอ

“ไปทำอะไรตรงนั้นเหรอครับ”

“…กำลังหากล่องอยู่ครับ”

กล่องที่ชเวอินซอบกำลังหาอยู่ในกระเป๋ากางเกงของอีอูยอน เขาหยิบมาใส่กระเป๋าในระหว่างที่ชเวอินซอบนอนหมดสติอยู่ในรถ เขาคิดว่าพอสบโอกาสเขาจะทิ้งมันลงถังขยะ

“พอแล้วครับ รีบออกมาเร็ว”

“ผมจะหาให้เจอครับ”

ชเวอินซอบปิดปากสนิทด้วยความดื้อรั้นและหย่อนมือลงไปในบ่อน้ำอีกครั้ง

“ออกมาเถอะครับ คุณจะเป็นหวัดนะ”

“ไม่เป็นไรครับ คุณกลับเข้าไปก่อนเลย”

เขาดูไม่เหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรเลยสักนิด ภาพชเวอินซอบควานหาของในน้ำท่ามกลางความมืดมิดพร้อมกับไหล่บางที่สั่นเทาเข้ามาในสายตาของอีอูยอน

“คุณอินซอบ ผมบอกว่าไม่เป็นไรไงครับ ออกมาได้แล้ว”

แม้เขาจะพูดแบบนั้น ชเวอินซอบกลับไม่แม้แต่จะแกล้งทำเป็นได้ยินด้วยซ้ำ อีอูยอนพิงต้นไม้และรอให้อีกฝ่ายเดินออกมาด้วยเท้าของตัวเอง

แต่ผ่านไปแล้วสิบนาทีชเวอินซอบก็ยังคงพยายามควานหากล่องที่ไม่ได้อยู่ในน้ำ

“ถึงไม่มีก็ไม่เป็นไรหรอกครับ มันก็แค่หินธรรมดา”

“ไม่ได้ครับ”

“ครับ?”

“ถึงจะเป็นหินธรรมดา แต่มันก็เป็นของสำคัญนี่ครับ”

“…”

อีอูยอนถอดรองเท้าและถกขากางเกงขึ้น

“…!”

ชเวอินซอบอ้าปากด้วยความตกใจกับภาพของอีอูยอนที่เดินลงน้ำมา

“จะไม่ออกไปจนกว่าจะหาเจอใช่ไหมครับ”

“…ครับ”

“งั้นก็หาด้วยกันครับ อย่างนั้นน่าจะดีกว่า”

“ผมหาคนเดียว…”

“คุณเปียกไปหมดแล้วนะครับ มันหนาวนะ รีบหาเร็วๆ”

อีอูยอนจุ่มมือลงไปในน้ำพลางพูด

น้ำเย็นจนหนาวไปถึงกระดูก ริมฝีปากของชเวอินซอบซีดด้วยความหนาว ถ้าทิ้งเอาไว้แบบนี้ เขาอาจจะต้องเก็บศพจริงๆ ก็ได้ และนั่นก็จะเป็นข่าวที่เลวร้ายที่สุดที่เขาไม่สามารถควบคุมได้

และสิ่งที่เขาสงสัยมากกว่าอะไรทั้งหมดคือทำไมผู้จัดการส่วนตัวที่โง่งมคนนี้ถึงต้องโกหกว่าเป็นแฟนคลับของเขาและทำจนถึงขนาดนี้ด้วย

อีอูยอนหยิบกล่องออกมาจากกระเป๋าในระหว่างที่ชเวอินซอบหันหลังและโยนไปในที่ที่เหมาะสม เขาแตะไหล่ของชเวอินซอบและชี้ให้ไปใกล้ๆ

“ผมจะไปตรงนั้นนะครับ ส่วนคุณอินซอบก็ไปทางโน้น”

“ครับ เข้าใจแล้วครับ”

ในขณะที่ตอบเชวอินซอบก็มองอีอูยอนด้วยสายตาเป็นห่วงไปด้วย เขาอยากจะพูดว่าห่วงตัวเองเถอะ ไอ้โง่เอ๊ย แต่อีอูยอนกลับด่าทางสายตาแทน

“โอ๊ะ!”

ชเวอินซอบตาเป็นประกายและวิ่งเข้าไปทันทีเพราะเขาเจอกล่องแล้ว เขาหยิบกล่องที่เปียกน้ำขึ้นมาและตะโกน

“เจอแล้วครับ!”

“อย่างนั้นเหรอครับ”

อีอูยอนสะบัดน้ำออกจากมือพลางตอบ

“ออกมาเร็วครับ เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ”

“ครับ ขอโทษนะครับ”

ทันทีที่ขึ้นจากน้ำชเวอินซอบก็เช็ดน้ำบนกล่องที่กำลังถืออยู่และตรวจสอบด้านใน

“ปล่อยภัยดีครับ”

“…จริงด้วยครับ”

เขายื่นกล่องให้อีอูยอน อีอูยอนเอากล่องใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงพลางเอ่ยขึ้น

“ขอบคุณนะครับ เป็นเพราะคุณแท้ๆ ถึงหาเจอ”

“ไม่หรอกครับ ถ้าผม…”

หน้าของชเวอินซอบซีดขึ้นไปอีกหนึ่งระดับทันทีที่ขึ้นจากน้ำ ร่างกายสั่นจนทำให้คนที่ผ่านไปมาเหลือบดู อีอูยอนถอดเสื้อคลุมที่ใส่อยู่ออกและห่มลงบนร่างของอีกฝ่าย

“ไม่เป็…”

“หยุดเลยครับ ใส่ไปเถอะ”

เหมือนอีกฝ่ายจะปฏิเสธอยู่ตลอด อีอูยอนจึงสวมเสื้อคลุมให้ด้วยตัวเอง ชเวอินซอบพึมพำว่าขอบคุณในขณะที่ยังก้มหน้าอยู่ อีอูยอนเช็ดน้ำบนเท้าของตนและสวมรองเท้า ร่างของชเวอินซอบไม่หยุดสั่นแม้จะสวมเสื้อผ้าเพิ่มอีกชั้นก็ตาม

“ขอโทษนะคะ…”

มิหนำซ้ำผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่เหมือนจะจำอีอูยอนได้ก็ยืนล้อมคนทั้งคู่ไว้ อีอูยอนดึงหมวกให้ต่ำลงพลางดึงเสื้อของชเวอินซอบเอาไว้ ชเวอินซอบแหวกทางผ่านผู้หญิงกลุ่มนั้น เขาเอ่ยขอโทษพร้อมเอ่ยขอทาง แม้อีอูยอนจะรู้สึกอึดอัดใจกับผู้จัดการส่วนตัวที่มีมารยาทแม้กระทั่งในช่วงเวลาแบบนี้ แต่เขาก็ทำเพียงเดินไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร

“ใช่พี่อีอูยอนหรือเปล่าคะ”

“ไม่ใช่ครับ”

อีอูยอนลองตอบไปด้วยเสียงต่ำๆ แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เหล่าผู้หญิงที่มีตาเหมือนเหยี่ยวล้อมเขาเอาไว้ทันทีพลางส่งเสียงกรี๊ด

“กรี๊ด! ตายแล้ว อีอูยอนจริงๆ ด้วย”

“พี่คะ ขอลายเซ็นหน่อยค่า”

“ถ่ายรูปด้วยกันสักครั้งเถอะนะคะ ฉันเป็นแฟนคลับของพี่ค่ะ”

ผู้หญิงพวกนั้นล้อมเขาไว้และส่งเสียงกรี๊ด แต่อีอูยอนกลับทำเป็นไม่รู้และเดินมองไปข้างหน้าอย่างเดียว ชเวอินซอบรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์ไม่ดีมาก

“พี่คะ! เดี๋ยวค่ะ พี่!”

เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งจับชายเสื้อของอีอูยอนพร้อมกับดึงเขาเอาไว้ แล้วผู้หญิงกลุ่มเดียวกันก็ใช้จังหวะนี้เข้าล้อมอีอูยอน คนที่ได้ยินเสียงกรี๊ดของพวกเธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเบนสายตามาทางนี้

“พี่อูยอน ฉันชอบพี่มากเลยค่ะ”

“พี่คะ ขอลายเซ็นหน่อยค่ะ”

คนค่อยๆ เริ่มเข้ามามุง การขยับตัวรวมถึงความสามารถในการตัดสินใจของชเวอินซอบช้าลงเพราะอากาศหนาว เขาจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี

จู่ๆ อีอูยอนก็จับมือของชเวอินซอบเอาไว้ และเริ่มก้าวเร็วๆ พวกผู้หญิงที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเดินตามพวกเขาไม่หยุดพร้อมกับเรียกอีอูยอนไปด้วย แต่เขาก็ไม่หันกลับไปมองแม้แต่ครั้งเดียว

“คือว่า…”

เขาพยายามจะบอกว่าทางนี้ไม่ใช่ทางไปลานจอดรถ แต่เป็นทางโน้นต่างหาก แต่เพราะอีอูยอนจับมือเขาลากไปอย่างแรง อินซอบจึงทำได้แค่หุบปากเอาไว้ อินซอบต้องเดินจะเหมือนวิ่งเพราะความสูงที่ต่างกัน

ผู้หญิงที่ส่งเสียงกรี๊ดพวกนั้นตกใจกับการกระทำที่เย็นชาของผู้ชายที่พวกเธอเชื่อว่าเป็นอีอูยอนและทำได้แค่วิ่งตามด้วยระยะห่างที่พอดีเท่านั้น

อีอูยอนพาชเวอินซอบเข้าไปด้านในชิงช้าสวรรค์

“เอ่อ คุณลูกค้าคะ ตอนนี้เครื่องเล่นปิดแล้วค่ะ…”

“ช่วยเปิดให้สักรอบเถอะนะครับ”

อีอูยอนถอดหมวกที่ใส่อยู่ออกพลางยิ้ม พนักงานจำเขาได้และแสดงออกทางสีหน้าว่าจะขอให้เขาเซ็นลายเซ็นให้

“รอบเดียวนะครับ แต่หมุนช้าๆ ได้ไหมครับ เพราะผมกำลังโดนตามอยู่”

อีอูยอนชี้ไปทางพวกผู้หญิงที่เดินมาทางนี้จากที่ไกลๆ พลางพูด พนักงานยิ้มให้กับน้ำเสียงขี้เล่นของเขาและช่วยปิดประตูชิงช้าสวรรค์ให้ ชเวอินซอบถอนหายใจออกมาทันทีที่พวกเขาค่อยๆ ห่างจากพื้นและนั่งลง อีอูยอนเองก็นั่งลงตรงข้ามกับเขา

“…ขอโทษนะครับ”

ชเวอินซอบที่ปากซีดเหมือนคนตายเอ่ย

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“เป็นเพราะผมเองครับ ถ้าผมรักษากล่องนั้นไว้ดีๆ ตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็คงเกิดขึ้น…ขอโทษครับ”

อีอูยอนพิงหน้าต่างพลางมองชเวอินซอบที่กำลังก้มหัวอยู่ตรงหน้าตน เขารู้ว่าคำขอโทษที่ออกมาเมื่อสักครู่นั้นถูกกลั่นออกมาจากใจ

เขาจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่อีอูยอนแค่หันหน้าไปเสียเฉยๆ ทำไมตอนนี้เขาถึงไม่มีอารมณ์แกล้งทำตัวเป็นคนใจดีก็ไม่รู้ มีเพียงเสียงฟันของชเวอินซอบกระทบกันกึกกึกเท่านั้นที่ดังขึ้นภายในชิงช้าสวรรค์ที่เงียบสงบ

“หนาวเหรอครับ”

อีอูยอนมองชเวอินซอบที่ตัวสั่นงกๆ พลางเอ่ยถาม

“…ครับ นิดหน่อย”

“มานั่งข้างผมสิครับ”

อีอูยอนชี้ไปที่ที่นั่งข้างตัว แต่ชเวอินซอบกลับส่ายหัวและไม่ยอมขยับไปไหนเลย

“ทำไมล่ะครับ ไม่อยากมานั่งข้างๆ ผมเหรอ”

“ปะ…เปล่าครับ”

อินซอบที่ตัวสั่นเทาเดินมานั่งข้างอีอูยอนอย่างเสียไม่ได้ แม้เขาจะรู้สึกว่าตัวของอีอูยอนอุ่น แต่เขากลับรู้สึกผิดบาป นั่นเพราะอีอูยอนเป็นมนุษย์ที่ไม่มีเลือดอุ่นๆ ไหลเวียนอยู่ในร่างกายตามที่เขาเชื่อหรือเปล่านะ แต่พอถูกจับให้มาอยู่ในสถานที่แคบๆ นี้ด้วยกัน เขาจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงอีอูยอนได้ ชเวอินซอบคิดว่าถ้าหากเป็นแฟนคลับหรือผู้จัดการส่วนตัวธรรมดาก็คงจะต้องทำแบบนี้และปรับการกระทำของตนให้เหมาะสม

“คุณชเวอินซอบครับ”

“ครับ?”

จากท่าทางของชเวอินซอบที่ตัวสั่นเทาด้วยความหนาวทำให้อีอูยอนนึกถึงลูกหมาที่เปียกน้ำขึ้นมา แต่เป็นลูกหมาผอมแห้งที่ยั่วยุนิสัยที่โหดร้ายของมนุษย์ ไม่ใช่ลูกหมาตัวอวบอ้วนน่ารัก

อีอูยอนยิ้มให้ชเวอินซอบที่เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว

“ทำไมถึงเป็นแฟนคลับของผมเหรอครับ”

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท