ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 2-6

ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 2-6

“ครับ? อ๋อ คือผมได้ดูหนัง…”

ชเวอินซอบรู้สึกสับสน แม้เขาจะเคยคิดว่าอาจเจอคำถามประเภทนี้ แต่เขาไม่แม้แต่จะฝันเลยว่าคนถามจะเป็นตัวอีอูยอนเอง

“หนังเป็นไงเหรอครับ”

“ดีครับ”

“แล้ว?”

เป็นคำถามที่เขารู้สึกถึงความดื้อดึงโดยไม่รู้ที่มาที่ไป ชเวอินซอบใช้เล็บนิ้วโป้งกดลงบนปลายนิ้วและพยายามตอบอย่างสุขุม

“ผมคิดว่ามันดีเพราะ…สายตาที่คุณมองทะเล…กับสีหน้าที่คุณแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี…มันทำให้เหมือนกับคุณอยู่ตัวคนเดียว”

คำพูดนี้เป็นความจริง ชเวอินซอบย้อนดูภาพยนตร์ที่อีกฝ่ายแสดงเป็นสิบเป็นร้อยรอบเพื่อที่จะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับนักแสดงที่ชื่ออีอูยอน ผลงานที่เขาดูบ่อยมากที่สุดคือภาพยนตร์นอกกระแสที่อีกฝ่ายเล่นเป็นเรื่องแรก

ภาพยนตร์เรื่องนั้นเริ่มต้นด้วยการที่เขาโปรยเถ้าของผู้หญิงที่เขารักลงทะเล และมีฉากหลังเป็นทะเลตลอดทั้งเรื่อง เป็นผลงานที่เขาได้รับคำชมว่าแสดงถึงความเศร้าที่อยู่ในชีวิตประจำวันเล็กๆ น้อยๆ และธรรมดาได้อย่างโดดเด่น ชเวอินซอบไม่สามารถลืมฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนั้นได้เลย

ใบหน้าของอีอูยอนที่มองทะเลลำพังโดยไม่พูดอะไรนั้นเปล่าเปลี่ยวอย่างร้ายกาจ เขาแสดงสีหน้าของคนที่อยู่ลำพังออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบราวกับว่าทุกคนในโลกหายไปและเขาเป็นคนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลก

คนที่อยู่ลำพัง เขาไม่รู้ว่าคำนี้เป็นคำอธิบายที่ถูกหรือเปล่า แต่ชเวอินซอบมักจะนึกถึงคำนี้ขึ้นมาในหัวทุกครั้งที่เขาเห็นอีอูยอน

“ก่อนหน้านี้ผมว่าจะถาม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถาม”

น้ำเสียงอ่อนโยนของอีอูยอนเรียกให้ชเวอินซอบกลับมาสู่ความเป็นจริง

“เมื่อไหร่ และคือคำพูดอะไรเหรอครับ”

“วันที่เราทานข้าวด้วยกันน่ะครับ”

ชเวอินซอบพยักหน้า เขานึกขึ้นได้ว่าวันนั้นอีกฝ่ายพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ก็ลุกออกไปเพราะอาหารของเชฟ

“ที่ผ่านมาผมเจอแฟนคลับที่บอกว่าชอบผมมาเยอะมากเลยนะครับ”

“…ครับ”

ภายในปากที่เอ่ยตอบออกไปแห้งผาก แม้ชเวอินซอบจะพยายามทำตัวเป็นแฟนคลับ แต่เขากลับกังวลว่าท่าทีของตนดูน้อยเกินไปหรือเปล่า

“ความจริงแล้วผมเหนื่อยกับการเผชิญหน้ากับคนที่บอกว่าชอบผมนิดหน่อยน่ะครับ”

“…ครับ”

“ผมไม่รู้เลยว่าเขาชอบส่วนไหนของผม แล้วก็คิดว่าพวกเขาจริงใจหรือเปล่า ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกชอบคุณแฟนๆ ที่ชอบและคอยให้กำลังใจผมอยู่เสมอก็ตาม”

ความจริงใจของอีอูยอนในคำพูดที่เขาพูดออกมาจากหมดเปลือกมีไม่ถึงปลายเล็บด้วยซ้ำ อีอูยอนรำคาญพวกแฟนคลับ เขาเกลียดคนที่วิ่งตามเขาอย่างไม่มีมารยาทบนถนน และเกลียดพวกเด็กผู้หญิงที่กรี๊ดออกมาอย่างไม่รู้จักอายด้วย สำหรับอีอูยอนแล้วแฟนคลับเป็นเพียงหนทางเพื่อยืนยันอันดับของตนเท่านั้น

“คือมันเป็นอย่างนี้นะครับ ถ้าคนคนหนึ่งบอกว่าชอบเรา เราก็จะสนใจกับการกระทำของตัวเองมากขึ้น และเราก็จะกังวลว่าเราจะทำให้เขาผิดหวังหรือเปล่า”

“ครับ”

แม้เขาจะตอบรับอยู่ตลอด แต่ชเวอินซอบกลับไม่รู้ถึงจุดประสงค์ที่อีอูยอนมาพูดแบบนี้กับตนเลยสักนิด …อย่าบอกนะว่าเขาพยายามจะพูดอ้อมๆ ว่ารำคาญ เพราะเราแกล้งทำตัวเป็นแฟนคลับมากเกินไป ชเวอินซอบคิดว่าคืนนี้เขาจะกลับบ้านไปจดโน้ตว่าตนเองสามารถแสดงได้ดีเกินคาด

“คุณอินซอบชอบผมหรือผลงานที่ผมแสดงกันแน่ครับ”

คำถามที่เหนือความคาดหมายทำให้ชเวอินซอบเบิกตาโพลงและมองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ และคำถามนั้นทำให้เขาเผยสีหน้าไม่พร้อมรับมือออกมา

“ผมอยากรู้น่ะครับว่าคุณชอบอะไร”

“เอ่อ คือผม…”

เกิดปรากฏการณ์บิ๊กแบง[1] ขึ้นในหัวเล็กๆ ของเขา

บอกว่าชอบเขาหรือชอบแค่ผลงานของเขาจะดีกว่ากันนะ เขาคิดว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไรถ้าบอกว่าผมไม่ค่อยชอบคุณ แต่ชอบผลงานของคุณ แต่ถ้าหากใครสักคนมาบอกว่าชอบตนตรงหน้า อีอูยอนจะต้องแสดงความไม่สบายใจออกมาอย่างแน่นอน ความกังวลที่ว่าต้องเลือกทางไหนถึงจะสามารถช่วยเรื่องงานของเขาได้ในอนาคตผุดขึ้นเต็มหัวสมองของชเวอินซอบ

 

“ผมว่าผม…น่าจะเป็นแฟนคลับของคุณอีอูยอนในฐานะนักแสดงครับ”

ถ้าจะให้พูดตรงๆ เขาน่าจะใกล้เคียงกับแอนตี้แฟนของอีอูยอนมากที่สุด แต่ตอนนี้เขาทำดีที่สุดแล้วกับการพูดแบบนั้นออกไป

“ดังนั้นผมเลยอยากช่วยอยู่ข้างๆ เพื่อให้คุณสามารถถ่ายผลงานที่ดียิ่งขึ้นได้น่ะครับ ตอนนี้ผมก็เลย…เป็นแบบนี้”

ชเวอินซอบฝึกหน้ากระจกมานับครั้งไม่ถ้วนเพื่อวันนี้ การที่เขาซึ่งไม่เคยโกหกคู่สนทนาเลยสักครั้งต้องมาหลอกใครสักคนเป็นเรื่องยากกว่าที่คิด แต่เขาก็จะต้องทำให้ได้

“เป็นแฟนคลับของนักแสดงอีอูยอนน่ะเหรอครับ”

“ครับ”

อีอูยอนระเบิดหัวเราะเสียงดังให้กับคำตอบที่ไม่มีความลังเลของชเวอินซอบ อินซอบมองภาพที่อีกฝ่ายหัวเราะจนหัวเอนไปทางด้านหลังอย่างเหม่อลอย

หรือว่าเขาจะตอบผิด

“โล่งอกไปทีนะครับ”

“…!”

“ผมโล่งอกน่ะครับ เพราะผมคิดว่าถ้าคุณอินซอบคาดหวังในตัวผมมากๆ ผมจะต้องรู้สึกลำบากใจแน่”

อีอูยอนวางมือลงบนบ่าของชเวอินซอบ ท่าทางนั้นดูเป็นธรรมชาติ และการขยับมือก็รักษาระยะห่างกับความชื่นชมเอาไว้ได้อย่างพอดิบพอดี

“ขอให้โชคดีในอนาคตนะครับ”

“…ครับ”

ฝ่ามือของอีอูยอนตบลงบนหลังของชเวอินซอบอย่างร่าเริง เขารู้สึกว่าหลังของเขาไหม้เกรียม ทั้งยังมีความรู้สึกที่เขาไม่รู้จักชื่อปกคลุมไปทั่วทั้งตัว แม้เขาจะพยายามไม่เป็นแบบนั้น แต่ชเวอินซอบกลับตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

รอยยิ้มแปลกๆ หายไปจากใบหน้าของอีอูยอนหลังจากเห็นท่าทางนั้น

“หนาวเหรอครับ”

“…ครับ”

แม้ตัวเขาจะอุ่นขึ้นกว่าเมื่อสักครู่และไม่ได้รู้สึกหนาวขนาดนั้นแล้ว แต่อินซอบกลับมีแค่คำพูดนั้นคำพูดเดียวเป็นคำแก้ตัว

“ขยับเข้ามาใกล้อีกสิครับ”

“ครับ ขอบคุณครับ”

อีอูยอนทอดสายตามองสีหน้าของอีกฝ่ายที่ตึงเครียดขึ้นทุกครั้งที่ไหล่แตะกัน ชเวอินซอบไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี เพราะรู้สึกได้ถึงสายตาของอีกฝ่าย เขาจึงหันหน้าไปทางนอกหน้าต่าง

เขาต้องเกลียดเราแน่นอน

อีอูยอนเท้าคางมองชเวอินซอบและยกยิ้มมุมปาก แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกสนุกกับการมองท่าทางสับสนของผู้จัดการส่วนตัวที่ไม่รู้ว่ามีแผนอะไรในใจ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกสงสัย

ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงแสดง ‘ผลงานชิ้นเอก’ ได้เงอะงะขนาดนั้นนะ

เขาคิดว่าจะลองปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่ข้างๆ ต่ออีกสักหน่อย เขาไม่สนใจอยู่แล้ว ไม่มีใครขี้เบื่อเท่าเขาอีกแล้ว ถ้าเขามองแล้วเบื่อ ก็แค่ไล่ออกเท่านั้นเอง

คนทั้งคู่มองแสงไฟที่ไกลออกไปในขณะที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองภายในชิงช้าสวรรค์แคบๆ

 

***

 

“รายการที่ช่องเอสจะทำเหรอ ไม่ได้เด็ดขาด”

กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงที่นอนคว่ำอยู่พูดอย่างเฉียบขาด

“ทำไมล่ะครับ”

อีอูยอนเอ่ยถาม เขานอนคว่ำอยู่เช่นกันบนเตียงข้างๆ ที่ค่อนข้างห่างออกมา

“ก็ที่นั่นเขาจะเชิญแขกรับเชิญไปสาดคำถามใส่แบบตรงไปตรงมาน่ะสิ เสน่ห์ของนายคือความลึกลับนะ นายจะไปที่นั่นเพื่อพูดอะไรล่ะ!”

“พูดแค่พอสมควรก็ไม่ได้เหรอครับ”

“พูดแค่พอสมควรบ้าอะไรล่ะ!…”

กรรมการผู้จัดการคิมพูดถึงตรงนั้น เขาเห็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนหลับตาอยู่ตรงหน้าพลางกัดริมฝีปาก อีอูยอนเป็นคนที่ชอบทำอะไรบ้าๆ เขาน่าจะเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพราะสามารถซ่อนนิสัยเสียๆ ของตัวเองได้ดีมาก แม้หัวหน้าทีมชากับกรรมการผู้จัดการคิมจะรู้สึกสังหรณ์ใจว่าหมอนั่นจะไม่สามารถเอาชนะนิสัยเสียๆ นั่นได้และเกิดเรื่องขึ้นในสักวัน แต่มันก็ถูกความเพ้อฝันรบกวนไว้

“ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีรายการอื่นแล้วเหรอ”

“ผมไม่จำเป็นต้องไปออกรายการโชว์นี่ครับ”

“ไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นมารยาทก่อนที่จะเข้าร่วมละครหรือหนัง”

“งั้นผมจะให้สัมภาษณ์เพิ่มอีกสองสามที่ก็แล้วกัน”

“อันนั้นก็ไม่ได้ โปรดิวเซอร์เพิ่งติดต่อมาเมื่อวานให้เราช่วยโปรโมทให้ได้มากที่สุด ใช่ไหมอินซอบ”

“ครับ ผมเพิ่งได้รับการติดต่อมาเมื่อวานนี้เอง”

ชเวอินซอบที่นั่งอยู่ตรงข้ามตอบ

“ยังไงมันก็ต้องลงทุนเยอะอยู่แล้ว เพราะมันเป็นละครย้อนยุค เขาเลยต้องการให้เราช่วยโปรโมท

“ก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะ เพราะเขาโปรยเงินลงไปแล้วนี่ ถ้าเป็นตัวกรรมการผู้จัดการเอง คุณจะไม่ทำแบบนั้นเหรอครับ”

หัวหน้าทีมชาที่นวดเท้าอยู่ข้างๆ พูดเสริม

“ทำไมนายถึงต้องตามมาบ่นถึงที่นี่ด้วย”

“ร่างผมก็ทำงานหนักเหมือนกันนะครับ แล้วผมจะทนมองพวกคุณนวดกันอยู่สองคนได้ยังไง”

ความสนุกในชีวิตของกรรมการผู้จัดการคิมมีอยู่สามอย่าง แฟชั่น ตกปลา และการนวด หัวหน้าทีมชาฉวยโอกาสตามหลังกรรมการผู้จัดการคิมที่ฮัมเพลงระหว่างพาอีอูยอนไปที่สปาระดับสูงที่ต้องจองล่วงหน้าหนึ่งเดือนถึงจะได้ใช้บริการไปเงียบๆ เขายืนกรานว่าคนอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ต้องพาเขาไปด้วย

แม้อีกฝ่ายจะโวยวายว่าตนจะประชุมทางการกับอีอูยอน ให้เขาออกไปก่อน แต่หัวหน้าทีมชาก็ไม่คล้อยตาม เพราะกรรมการผู้จัดการคิมจะฮัมเพลงแค่ตอนที่จะไปซื้อเสื้อผ้า ตกปลา หรือนวดเท่านั้น

ในที่สุดผู้ชายสี่คนก็ได้นวดในห้องเดียวกัน เพราะอินซอบยืนกรานว่าให้ตายเขาก็จะไม่นวดทั้งตัวเด็ดขาด เขาจึงนั่งนวดเท้าอยู่ข้างๆ หัวหน้าทีมชา

“ไม่มีรายการทอล์คโชว์ที่ใช้ได้บ้างเลยเหรอ”

“อีอูยอนไม่ใช่สไตล์ของทอล์คโชว์เลยครับคุณกรรมการผู้จัดการ”

หัวหน้าทีมชาที่รู้ธาตุแท้ของเขาแสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวัง

“เอ่อ แล้วรายการแบบไหนถึงจะดีล่ะครับ คุณอินซอบคิดว่ายังไงบ้าง”

ทันทีที่สายตาของอีอูยอนหันมาที่ตน ชเวอินซอบก็ยืดตัวขึ้นพลางเอ่ยตอบ

“ผมเห็นด้วยกับหัวหน้าทีมชานะครับ”

“นี่นายกำลังประชุมห้องเรียนอยู่หรือไง”

หน้าของชเวอินซอบแดงขึ้นมาทันทีที่กรรมการผู้จัดการคิมล้อ พอหน้าของเขาแดง รอยกระที่เรียงตัวยาวไปจนถึงตรงสันจมูกก็ชัดขึ้น และมันก็ทำให้อินซอบดูเด็กลงไปอีก อีอูยอนเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ บางทีเขาก็รอคำพูดล้อเล่นที่ไม่มีสาระของกรรมการผู้จัดการคิมเหมือนกัน

“เพราะฉะนั้นในความคิดของผม”

ชเวอินซอบหยิบสมุดโน้ตที่อยู่ในกระเป๋าออกมา เขาพลิกกระดาษไปสองสามหน้าก่อนจะพูดต่ออย่างใจเย็น

“มีรายการที่ชื่อว่า ‘ตามทางเดินของประวัติศาสตร์’ ของช่องเคอยู่ครับ รายการนี้ดำเนินรายการเหมือนกับสารคดี แต่จะบอกเล่าถึงเหตุการณ์หรือไม่ก็บุคคลที่สำคัญในประวัติศาสตร์ครับ ปกติแล้วนักพากย์จะเป็นคนบรรยาย แต่บางครั้งพวกนักแสดงก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บรรยายเหมือนกันครับ ผมได้ยินมาว่าเขากำลังเตรียมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับยุคสมัยที่คุณอีอูยอนตัดสินใจแสดงอยู่ ผมคิดว่าถ้าหากคุณอีอูยอนเป็นคนให้เสียงพากย์ เขาก็น่าจะแก้ไขเนื้อหาให้นะครับ ทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ครับ”

“อินซอบ นายนอนตอนไหนกันแน่”

“ครับ? เมื่อคืนผมก็นอนนะครับ”

“ฮ่าๆๆๆ นายนี่ตลกจริงๆ เลย”

กรรมการผู้จัดการคิมหัวเราะเหมือนคนบ้า ชเวอินซอบนึกว่าตนทำอะไรผิดอีกแล้วและก้มหน้าลง แม้เขาจะใช้ภาษาเกาหลีที่เรียนมาจากพ่อได้เหมือนเป็นภาษาแม่ แต่เขาก็ยังขาดความเข้าใจในเรื่องการใช้ประโยคคำถาม ตัวอย่างเช่น เป็นเรื่องยากมากๆ สำหรับเขาที่จะแยกว่าอีกฝ่ายถามเพราะสงสัยจริงๆ หรือใช้ประโยคคำถามที่มีความหมายอื่นแฝงเอาไว้

“งั้น…ที่ถามว่าได้นอนตอนไหนเนี่ย เป็นคำทักทายเฉยๆ เหรอครับ”

ตอนนั้นเองชเวอินซอบก็ได้เข้าใจถึงจุดประสงค์ในคำถามที่กรรมการผู้จัดการคิมโยนมาให้

“ใช่ นายคอยตามอีอูยอนทั้งวันน่าจะเหนื่อยนะ แต่นายก็ยังตั้งใจหาข้อมูลอะไรแบบนี้มาอีก”

“ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าเขาทำงานเก่ง”

อีกฝ่ายกล่าวคำชมที่อ่อนโยนออกมา เพราะคำพูดของอีอูยอน ชเวอินซอบจึงวางตัวไม่ถูกเหมือนกับคนต้อยต่ำได้รับบุญคุณจากคนสูงศักดิ์

“ผมจะทำตามที่ผู้จัดการส่วนตัวของผมบอกครับ”

หัวหน้าทีมชาที่ได้ยินคำพูดของอีอูยอนผิวปากออกมา แม้อีอูยอนจะทำตัวมีมารยาทกับพวกผู้จัดการส่วนตัว แต่เขากลับไม่สามารถจินตนาการถึงภาพที่อีกฝ่ายทำตามความคิดเห็นนั้นได้เลย หัวหน้าทีมชาคิดไม่ออกเลยว่าหมอนั่นทำแบบนี้ด้วยความคิดอะไรกันแน่

 

[1] ปรากฏการณ์บิ๊กแบง การระเบิดครั้งใหญ่ เป็นการระเบิดที่ทำให้เกิดเอกภพ เอกภพประกอบไปด้วยดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ และกาแล็กซีต่างๆ

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท