“ตายแล้ว!”
“กรี๊ด อะไรกันเนี่ย!”
“บ้าไปแล้วเหรอ นี่มันคนบ้าชัดๆ เลยไม่ใช่หรือไง”
คำประณามหลั่งไหลออกมาจากพวกผู้หญิงที่อยู่รอบๆ ชเวอินซอบที่ได้รับพิธีล้างบาปด้วยกาแฟอย่างคาดไม่ถึงจึงทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เท่านั้น หญิงสาวเจ้าของชื่อซูมีที่เป็นคนสาดกาแฟร้องคร่ำครวญขอให้อีอูยอนจำเธอได้ด้วยสีหน้าที่บอกว่าเธอไม่สนใจเรื่องนั้นเลยสักนิด
มีคนที่เป็นแบบนั้นอยู่เหมือนกัน พวกคนที่ทำเรื่องไร้มารยาทหรือแปลกประหลาดเพื่อที่จะได้อยู่ในความทรงจำของอีอูยอนที่ตนรัก มีเรื่องเล่าน่าขำเรื่องหนึ่งบอกว่าถ้าอยากให้พวกนักธุรกิจที่ร่ำรวยหรือดาราตกหลุมรักตัวเองตั้งแต่แรกเห็น ให้ตบหน้าพวกเขาโดยไม่มีเหตุผล หลังจากที่เรื่องเล่านั้นถูกเผยแพร่ออกไปทางอินเทอร์เน็ตก็มีคนบ้าทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ อยู่บ้าง
จนถึงตอนนี้อีอูยอนจับข้อมือของพวกผู้หญิงที่ง้างมือเพื่อจะตบหน้าเขามาแล้วสองถึงสามครั้ง มันรู้สึกน่ารังเกียจแค่ไหนกันนะ แม้เขาอยากจะหักข้อมือนั้นทิ้งมากแค่ไหน แต่เขาก็พยายามระงับความโกรธไว้ และตักเตือนอีกฝ่ายว่า ‘หวังว่าคุณจะไม่ทำแบบนี้อีกนะครับ’ เบาๆ แทน
แต่กาแฟเลยเหรอ ตั้งใจจะสาดกาแฟใส่หน้าคนเลยเหรอ ให้ตายเถอะว่ะ ความบ้ามันก็มีขีดจำกัดเหมือนกันนะเว้ย
รอยยิ้มบิดเบี้ยวประดับอยู่บนริมฝีปากของอีอูยอน ตอนที่เขายื่นแขนออกไปเพื่อที่จับไหล่ของผู้หญิงที่ชื่อว่าซูมี ชเวอินซอบก็อ้าปากพูดขึ้นมา
“อย่าทำแบบนี้เลยครับ”
คนที่อีกฝ่ายพูดด้วยคือหญิงสาวชื่อจินซูมีที่ถือแก้วกาแฟเอาไว้
“การทำให้คนจำได้ด้วยวิธีนี้มันไม่มีอะไรดีหรอกครับ ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่ามันเป็นการปลอบใจแบบขอไปทีหรือเปล่า แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงความเจ็บปวดเท่านั้น”
อีอูยอนมองผู้จัดการส่วนตัวที่เกลี้ยกล่อมหญิงสาวผู้บ้าคลั่งอย่างใจเย็น เขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวที่ไม่สามารถพูดอย่างเป็นปกติได้ด้วยซ้ำ แต่เขากลับมีฝีมือในการจัดการหญิงสาวพอสมควร จินซูมีที่ถือแก้วกาแฟอยู่หน้าแดงขึ้นมา ชเวอินซอบส่งสายตาหาอีอูยอนเพื่อบอกให้เขาเข้าไปก่อน
อีอูยอนหันหลังกลับไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาเดินเข้าไปด้านในสถานที่ถ่ายทำ ผู้กำกับและสตาฟที่ทราบข่าวเข้ามารุมเขาและถามว่าเขาไม่เป็นไรใช่ไหม อีอูยอนบอกว่าเขาเป็นห่วงผู้จัดการส่วนตัวพลางตอบกลับไปอย่างนุ่มนวลว่าเขาไม่เป็นอะไร แน่นอนว่าคำพูดที่บอกว่าเป็นห่วงผู้จัดการส่วนตัวไม่ใช่ความจริง
ถ้าอีกฝ่ายไม่สามารถห้ามพิธีล้างบาปด้วยกาแฟเอาไว้ได้ ชเวอินซอบจะต้องถูกบันทึกไว้ว่ามีประวัติการเข้ามาทำงานและลาออกสั้นที่สุดคือสองวันอย่างแน่นอน
เนื่องจากเป็นการถ่ายนิตยสารสำหรับโฆษณา การถ่ายทำทั้งหมดจึงเสร็จลงภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
อีอูยอนที่ถ่ายเสร็จแล้วบอกลาผู้กำกับและสตาฟ จนกระทั่งตอนที่เขาเดินออกจากประตูมา เขายังไม่เห็นตัวชเวอินซอบเลย
ถึงแม้ว่าแฟนคลับที่ยังไม่ยอมออกไปจากสถานที่ถ่ายทำจะเดินเข้ามาหาเขา และยื่นกระดาษมาเพื่อขอลายเซ็นต์ แต่เขากลับไม่มีอารมณ์ที่จะทำอย่างนั้น แม้ในใจเขาจะอยากพาหญิงบ้าเมื่อสักครู่นี้ไปหาทนายความเงียบๆ และทำให้เธอได้ใช้ชีวิตในคุกสักหน่อย แต่เพราะผู้จัดการส่วนตัวของเขา เขาถึงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลย แม้ว่าเขาจะรู้ความจริงว่าแบบนี้มันดีกับภาพลักษณ์ของเขามากกว่า แต่ภายในใจของเขากลับรู้สึกไม่ดีเพราะนิสัยเน่าเฟะของตัวเอง
ร่างของผู้จัดการส่วนตัวที่ตัวสั่นงกๆ อยู่หน้ารถโผล่เข้ามาในสายตาของอีอูยอนที่กำลังมีความคิดน่าเกลียดน่ากลัวอยู่ภายใต้ใบหน้าที่อ่อนโยน
“…!”
ทันทีที่สบตากัน ใบหน้าของชเวอินซอบก็ซีดขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ เขานึกสงสัยขึ้นมาว่าคำพูดที่บอกว่าคนคนนั้นเป็นแฟนคลับของเขาเป็นความจริงหรือเปล่า เพราะมันเป็นปฏิกิริยาที่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เขามีคำถามที่อยากจะถามก่อนตั้งมากมาย แต่คำพูดที่เขาพูดได้กลับมีเพียงเท่านี้ อีอูยอนแสดงสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยและเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้จัดการส่วนตัว
“ขอโทษนะครับ เป็นเพราะผมแท้ๆ”
“มะ ไม่ใช่นะครับ”
ชเวอินซอบพูดต่อว่าเขาแค่ทำเรื่องที่ถูกต้องเท่านั้นด้วยเสียงเบาๆ แม้ว่าเขาจะโดนกาแฟสาดแทนอีอูยอนไปตามธรรมเนียม แต่เขากลับทำหน้าเหมือนตัวเองถูกลงโทษ
“ทำไมคุณถึงอยู่ตรงนี้ ไม่ไปรอในรถล่ะครับ”
“…เพราะเสื้อผ้ามันยังไม่แห้งดีน่ะครับ ขอโทษนะครับ”
เสื้อของชเวอินซอบเปียกโชก เพราะเขาถอดเสื้อออกไปซักในระหว่างที่อีอูยอนไม่เห็น อีอูยอนนึกถึงหญิงเสียสติที่สาดกาแฟใส่ขึ้นมาตอนที่เขาเห็นเสื้อที่มีคราบกาแฟเหลืออยู่ จากนั้นความรำคาญก็ฉายอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างเลือนลาง
“ขอโทษนะครับ ผมพยายามจะทำให้มันหายไปแล้ว แต่มันล้างไม่ออก…ขอโทษด้วยนะครับ”
“ครับ?”
“ผมรู้ครับว่าท่านอีอูยอนไม่ชอบเสื้อผ้าสกปรก ขอโทษนะครับ ถ้าท่านต้องการ ผมจะไปเรียกแท็กซี่มาให้ครับ หรือจะให้ผมรบกวนหัวหน้าทีมชาให้มารับตอนนี้เลยก็ได้นะครับ”
ชเวอินซอบทำท่าเหมือนจะคว้านท้องตัวเองตอนนี้ แค่เพราะมีคราบกาแฟเลอะอยู่ที่เสื้อ นี่ไม่ใช่ว่ากรรมการผู้จัดการคิมไม่ได้หาผู้จัดการส่วนตัว แต่ไปพาเทพเจ้าลงมาจากสวรรค์หรอกใช่ไหม
“คุณชเวอินซอบครับ”
“ครับ?”
ตอนนี้เป็นฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ และลมที่พัดมาก็เย็นพอที่จะทำให้ฟันของอีกฝ่ายสั่นกึกๆ ได้ด้วยการสวมเสื้อที่เปียกน้ำ ชายผู้แสร้งทำหน้าอบอุ่นกลางฤดูหนาวพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลจนหูชั้นในของอีกฝ่ายแทบจะละลาย
“ตอนที่เรียกผมอย่าใช้คำว่าท่านเด็ดขาดเลยนะครับ เรียกแค่คุณอีอูยอนเฉยๆ ก็พอแล้ว หรือจะเรียกว่าพี่ก็ได้ครับ เพราะผมอายุมากกว่า”
“อ่า คือผม…”
“แล้วก็ไม่ต้องขอโทษเพราะเรื่องนั้นด้วยนะครับ ผมสิครับที่ควรจะต้องขอโทษ ที่คุณอินซอบเป็นแบบนี้มันเป็นเพราะผมนะครับ”
ชเวอินซอบตอบกลับไปด้วยสีหน้าล่องลอย
“ไม่เลยครับ มันเป็นงานที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”
“ผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนที่คอยช่วยงานผมตั้งแต่ต้นจนจบเฉยๆ นี่ครับ”
“…”
ตอนที่ผู้จัดการส่วนตัวคนที่เก้าของอีอูยอนลาออก กรรมการผู้จัดการคิมก็เรียกตัวอีอูยอนไปพบ อีกฝ่ายหน้าแดงและตะโกนถามเขาว่านี่นายต้องการผู้จัดการส่วนตัวแบบไหนกันแน่ ตอนนั้นอีอูยอนยิ้มอย่างงดงามราวกับเป็นดอกไม้พลางเอ่ยตอบ
“ทาสที่เหมือนกับเป็นคนหูหนวก ตาบอด และเป็นใบ้ครับ แต่แน่นอนว่าจะต้องรู้ว่าควรจะฟัง พูด หรือเห็นอะไรด้วย”
ตอนนั้นเขาคิดว่าสีหน้าของกรรมการผู้จัดการคิมน่าสนุกดี อีอูยอนก็เลยหัวเราะอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับไปว่าเขาล้อเล่น และปล่อยมันผ่านไป
“รีบไปเถอะครับ มันหนาวนะ”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
ชเวอินซอบถอนหายใจออกมาเพราะคำพูดของอีอูยอน อีอูยอนมองด้านหลังของผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ที่ขยับไปตามคำพูดของเขาอย่างนึกสนุก
***
ในขณะที่ถอดรองเท้าชเวอินซอบก็ยังสั่นกลัวอย่างกับนักเรียนที่ถูกดุด่าอย่างรุนแรง และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เมื่อชเวอินซอบได้ยินอีอูยอนสั่งให้เขาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านของตัวเอง เขาก็ตกตะลึงจนหน้าซีดอยู่ตรงนั้น พออีอูยอนเห็นว่าแม้อีกฝ่ายจะงุนงงและตื่นตระหนกจนไม่รู้จะขยับตัวไปทางไหน แต่ก็ไม่ปฏิเสธ เขาก็คิดว่าผู้จัดการส่วนตัวคงจะเป็นแฟนคลับของตัวเองจริงๆ
อีอูยอนอาบน้ำเสร็จก่อนและออกมาจากห้องอาบน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอน เขารินกาแฟและรอให้ชเวอินซอบออกมา แม้การที่เขายกห้องน้ำให้ผู้จัดการส่วนตัวจะเป็นการกระทำที่ไม่ใช่ตัวเขาสักเท่าไร แต่เขาก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าการปล่อยให้ผู้จัดการส่วนตัวที่รับพิธีล้างบาปด้วยกาแฟแทนตนกลับไปทั้งอย่างนั้นไม่ใช่ทางของนักแสดงอีอูยอนผู้เป็นที่รักด้วยเช่นกัน
เขาดื่มกาแฟที่รินมาจนหมด ขณะที่กำลังคิดว่า เมื่อคิดว่าเป็นผู้ชายแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวของเราก็ใช้เวลาอาบน้ำนานเหมือนกันนะ เสียงกริ่งก็ดังขึ้น พอเขาเช็คไปที่หน้าจอของอินเตอร์โฟน[1] เขาก็เห็นยูมินจูที่เคยเจอและดื่มเหล้าด้วยกันสองสามครั้งก่อนหน้านี้ ตอนที่เขารู้ความจริงว่าผู้หญิงคนนั้นพักอยู่ในอพาร์ทเมนต์เดียวกันกับเขา เขาก็รู้สึกผิดกับความจริงที่ว่าเขาตัดสินใจนอนกับเธอไปแล้ว และเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ หลังจากที่รู้ความจริง ยูมินจูก็มักจะมาหาเขาอย่างกะทันหันเพื่อคุยเรื่องที่ไม่สำคัญอะไร ชวนไปกินข้าว หรือไม่ก็ชวนให้เขานอนกับเธอด้วยวิธีแบบนี้ แต่เพราะพวกเขาทั้งคู่อยู่ในฐานะที่เป็นดาราเหมือนกัน เขาจึงคิดว่าจะบอกให้เธอตัดใจอย่างนุ่มนวล
ตอนที่เขาเปิดประตูหน้าบ้านออกไป อีอูยอนก็ได้รู้ว่าตนกะเวลาพลาดอย่างร้ายกาจ
“อะไรกันเนี่ย นายอยู่บ้านหรอกเหรอ”
“…”
กลิ่นเหล้าที่รุนแรงลอยออกมาทุกครั้งที่ยูมินจูพูด ทันทีที่อีอูยอนพูดว่าคุณเมาแล้วนะครับ หญิงสาวก็ถลึงตาใส่เขาและถามกลับมา
“งั้นเหรอคะ ฉันเมาแล้ว แล้วคุณจะช่วยอะไรเพิ่มล่ะ”
“คุณเมามากแล้วจริงๆ นะครับ”
“ฮึ แต่วันนี้คุณไม่ได้แกล้งทำเป็นว่าไม่อยู่บ้านทั้งๆ ที่อยู่นี่คะ คุณอีอูยอน”
“…”
“คราวที่แล้วฉันลองมาดู ฉันเห็นนะคะว่าที่บ้านมีไฟเปิดอยู่ แต่พอฉันลองกดกริ่ง ทำไมคุณถึงไม่มาเปิดประตูล่ะคะ”
“ผมคงไม่ได้ยินเพราะฟังเพลงอยู่น่ะครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
คำพูดที่บอกว่าเขาไม่ได้ยินเพราะฟังเพลงอยู่ไม่ใช่เรื่องโกหก อีอูยอนใช้โทรศัพท์มือถือเร่งเสียงเครื่องเล่นเพลงตอนที่ยูมินจูกดกริ่ง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“ทำไมคะ ต้องมีเรื่องอะไรเท่านั้นเหรอ ฉันถึงจะมาได้ ฉันมาไม่ได้หรือไงคะ”
ยูมินจูที่พูดแบบนั้นยกขวดไวน์ที่เธอถืออยู่ขึ้นมาโชว์
“ดื่มนี่ด้วยกันสักแก้วนะคะ”
“ผมดื่มไม่ได้หรอกครับ เพราะพรุ่งนี้ผมมีตารางงานตอนเช้า”
“มีใครไม่มีตารางงานพรุ่งนี้บ้างล่ะ”
นี่คือความดื้อรั้น ยูมินจูเข้ามาในบ้านด้วยความดื้อรั้นทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านปฏิเสธอย่างชัดเจน แม้ว่าเธอจะมาหาเขาแล้วถึงสองสามรอบ แต่ความมั่นใจของเธอกลับถูกทำลายด้วยการกระทำของอีอูยอนที่ไม่สนใจเธอ และดูเหมือนว่าวันนี้เธอตั้งใจที่จะมาเสียด้วย หญิงสาวค้นลิ้นชักในห้องครัวราวกับเป็นบ้านของตัวเองเพื่อหาที่เปิดขวดไวน์ คราวนี้ยูมินจูที่เปิดจุกไม้ก๊อกได้ก็เริ่มหาแก้วไวน์โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“คุณมินจูครับ วันนี้กลับไปก่อน แล้วคราวหน้า…”
“คราวหน้าเนี่ย เมื่อไหร่เหรอคะ คุณเมินการติดต่อของฉันเองนะ บางทีตอนนี้คุณคงมีผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน…”
ยูมินจูหยุดพูดและเบนสายตาไปทางห้องน้ำ ใบหน้าของหญิงสาวพลันนิ่งค้างเพราะเสียงที่ได้ยินจากห้องน้ำ
“ผู้จัดการส่วนตัวน่ะครับ”
อีอูยอนพูด
“ผู้จัดการส่วนตัวเหรอ เหอะ”
หญิงสาวดื่มไวน์ที่เทจากขวดและตวาดขึ้นมา
“อย่ามาทำเป็นตลกไปหน่อยเลย คิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดพวกนั้นเหรอ”
อีอูยอนปิดประตูอย่างเงียบๆ เพราะเขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผู้หญิงที่ไม่มีสติแล้วยังจะดื่มเหล้าเข้าไปมากจะเผลอพูดอะไรออกมาบ้าง
“ผู้หญิงคนไหนเหรอ ขอดูหน้าหน่อยซิ”
“ผู้จัดการส่วนตัวครับ”
“นี่มันไม่ตลกเลยนะ คังโซฮยอนเหรอ ยัยนั่นเหรอ ช่วงนี้นายมีข่าวว่ากินๆ กันอยู่กับยัยนั่นใช่ไหม หรือว่าอีจองฮวาล่ะ”
“วันนี้คุณกลับไปก่อนเถอะครับ เพราะดูเหมือนคุณจะเมามากแล้ว”
ตอนที่เขากำลังจะบอกว่าคราวหน้าคุณอย่ามาอีกเลย ยูมินจูก็วิ่งไปที่ห้องน้ำ
“จะทำอะไรครับ”
“จะดูหน้าหน่อยน่ะสิ ว่าเป็นผู้หญิงคนไหน ผู้หญิงที่เปลือยและแช่น้ำอยู่ในห้องน้ำของอีอูยอนผู้ยิ่งใหญ่คือใครกันแน่…!”
ยูมินจูพยายามจะเปิดประตูห้องน้ำ ชเวอินซอบที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวหันกลับมามองด้วยความตกใจ อีอูยอนลากยูมินจูออกไป อีอูยอนกล่าวขอโทษ ขณะเดียวกันเรือนร่างของชเวอินซอบเข้ามาในสายตาของเขา เขาหันหน้ากลับไปก่อนจะปิดประตูลงโดยไม่พูดอะไรออกมาทั้งนั้น
[1] อินเตอร์โฟน ระบบกริ่งแบบเห็นหน้า มักใช้ติดตรงประตูเพื่อที่เจ้าของบ้านจะได้สามารถตรวจสอบดูได้ว่าใครว่ากดกริ่งที่หน้าบ้านของตัวเอง