ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 3-8

ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 3-8

เมื่อหยดน้ำมาคลออยู่ที่ตาของชเวอินซอบและไหลลงมา อีอูยอนก็ไอเบาๆ การที่เขาชวนผู้จัดการส่วนตัวของตนกินข้าวเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในตัวเขาแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ และมันก็ไม่ถึงกับเป็นการเลี้ยงตอบแทนผู้ช่วยชีวิตเขาไว้ ตอนที่เขาได้ยินอินซอบพูดเสริมอย่างขลาดกลัวว่าตนกินอาหารเผ็ดไม่ได้ ความรู้สึกที่ซื่อตรงทั้งหมดเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ในตัวเขาก็นึกถึงที่นี่ทันที

สมองของอีอูยอนยังทำงานหนัก เขาสงสัยว่าผู้จัดการส่วนตัวเฮงซวยคนนี้มีแผนทุเรศอะไรในใจกันแน่ ถ้าเป็นเหมือนแมลงวันปกติทั่วไปที่น่ารำคาญน่าจะโดนเขาตบให้ตายั หรือโดนไล่ให้ไปลาออกแล้ว แต่หมอนี่กลับทำให้เขาเกิดความสงสัยอย่างน่าประหลาด ทำไมแมลงวันตัวนั้นถึงบินด้วยท่าทางที่แปลกประหลาดอย่างนั้นล่ะ

พอครุ่นคิดแบบนั้น เขาก็รู้สึกว่าอาการปวดหัวไม่ได้หายไปเลย

“กินเยอะๆ นะครับ”

อีอูยอนตักปลาหมึกผัดคำใหญ่วางลงบนข้าวให้แมลงวันแปลกประหลาดที่สร้างความปวดหัวให้ตน สีหน้าของชเวอินซอบเหยเกขึ้นมาทันทีที่เห็นสิ่งนั้น

เขาได้ยินมาว่าในวัฒนธรรมการกินอาหารของคนเกาหลี ถ้ามีใครตักเครื่องเคียงหรืออาหารให้ ต่อให้สิ่งๆ นั้นจะไม่ถูกปากอย่างไร การปฏิเสธก็ไม่ใช่เรื่องที่มีมารยาท นั่นเป็นความผูกพันของคนเกาหลี และเขาก็รู้ว่าห้ามเมินเฉยต่อความผูกพันนั้นเด็ดขาด

“…จะ…กินแล้วนะครับ”

อินซอบเอาข้าวกับปลาหมึกเข้าปากพร้อมทำหน้าเหยเกเหมือนนักโทษที่ได้รับยาพิษ น้ำตายังไหลออกมาจากตาของเขาไม่หยุด ขณะที่อีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่ไม่รู้ว่าจะกินข้าวหรือจะดื่มน้ำตา อีอูยอนก็ยื่นแก้วน้ำให้และทำสีหน้าเห็นอกเห็นใจ

“กินไม่ได้เลยเหรอครับ”

“…”

“ดูเหมือนจะกินไม่ได้ใช่ไหมครับ”

ในทางแยกระหว่างความผูกพันของคนเกาหลีและความตาย ชเวอินซอบเลือกที่จะพยักหน้าเพราะเขาคิดว่าจะต้องรอดให้ได้ก่อน อีอูยอนแม้เห็นว่าน้ำตาเป็นเม็ดๆ ไหลลงมาไม่ยอมหยุด ก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด

“ถ้าลองกินไปเรื่อยๆ ก็จะดีขึ้นเองครับ เอ้า กินต่ออีกครั้งนะครับ”

ตอนที่เห็นอีอูยอนคีบปลาหมึกให้ตนด้วยใบหน้าเหมือนเทพบุตร อินซอบก็นึกถึงตัวฮันจา[1]ที่เคยตั้งใจเรียนขึ้นมาพร้อมกันถึงสองคำ

มันเป็นตัวอักษรที่เขาคิดว่าน่าอัศจรรย์มาก เพราะมีคำว่าหัวใจอยู่ในตัวอักษรที่มองดูเผินๆ แล้วคล้ายกัน แต่มีความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ความรักกับยาพิษ

“กินเลยครับ”

ชเวอินซอบคิดว่าสิ่งที่อีอูยอนยื่นให้ไม่ใช่ความผูกพันของคนเกาหลีแต่เป็นยาพิษอย่างแน่นอนพร้อมกับก้มหน้าลง

***

“ซี๊ด…ฮ่า…ซี๊ด”

“ยังเผ็ดขนาดนั้นอยู่อีกเหรอครับ”

“ขอ…โทษครับ”

สุดท้ายอีอูยอนก็ไม่ยอมบอกให้เลิกกินหลังจากเจอความสนุกในท่าทีของผู้ชายที่โตแล้วแต่ดันร้องไห้ให้กับปลาหมึกผัด

ทันทีที่กินเสร็จ ชเวอินซอบก็ขออนุญาตอีกฝ่าย เขาวิ่งไปทางห้องน้ำและลองเอาน้ำเย็นเช็ดลิ้นดู แต่ลิ้นเขาได้สูญเสียความรู้สึกไปนานแล้ว แม้กระทั่งตอนที่ออกมาจากร้านอาหารและกินไอศกรีมวานิลลาที่อีอูยอนยื่นให้เสร็จแล้ว อินซอบก็ยังน้ำตาไหลอยู่สักพัก แม้แต่ตอนที่ขับรถ เขาก็ยังรู้สึกแสบลิ้นจนส่งลมหายใจประหลาดๆ ออกมาในขณะที่ขับรถ

“ถึงแล้วครับ”

แม้จะพูดแบบนั้น แต่อินซอบก็ดื่มน้ำแร่เข้าไปอึกใหญ่ อีอูยอนมองราวกับขบขันท่าทางนั้นมากและเปิดปากพูด

“กินของเผ็ดไม่ได้เลยเหรอครับ”

“ครับ? ก็…นิดหน่อยครับ”

“ถ้าเป็นขนาดนี้คงกินกิมจิไม่ได้สินะครับ”

“กินได้ครับ กิมจิน่ะ”

เขากินกิมจิได้สบายๆ แต่ต้องล้างน้ำแล้วนะ

แต่อินซอบตั้งใจว่าจะไม่บอกความจริงนี้ เขาแค่อยากจะทำให้ข้อมูลของตนหลงเหลืออยู่ในความทรงจำของอีอูยอนให้น้อยที่สุด

อีอูยอนยิ้มพลางลงจากรถไปพร้อมกับบทละครในมือ ชเวอินซอบรีบดับเครื่องยนต์และตามอีกฝ่ายไป พวกนักข่าววิ่งตามมาถ่ายรูป อีอูยอนทักทายนักข่าวอย่างมีมารยาทแล้วเข้าไปด้านใน

“สวัสดีครับ ขอโทษที่มาสายนะครับ”

แม้เขาจะมาเร็วกว่าเวลานัดประมาณสิบนาที แต่อีอูยอนกลับพูดแบบนั้นกับนักแสดงที่มาก่อนและกำลังรอตนอยู่ พวกเขาถามอย่างอ่อนโยนว่าร่างกายของเขาไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม การพบปะกันครั้งแรกเป็นไปด้วยความอบอุ่น

“เจ้าชายเนี่ยอ่อนโยนกับทุกคนเลยน้า ปฏิบัติตัวเหมือนกับทุกคนเป็นเจ้าหญิงแน่ะ”

อินซอบจับตามองท่าทางเหล่านั้นในขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของเจนนี่ดังอยู่ในหู พวกนักแสดงหญิงปรากฏตัวต่อหน้าอีอูยอนที่กำลังทักทายคนทีละคนโดยไม่มีท่าทีถือตัวและแสดงความชื่นชม

สมกับเป็นอีอูยอน

ชเวอินซอบคิดดังนั้นขณะยืนพิงผนังมองอีอูยอนนั่งลงกับพี่ อีอูยอนทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมกลายเป็นพวกตัวเองในชั่วพริบตา

“อะไรกัน มาแล้วเหรอ”

เขาได้ยินเสียงใหญ่ๆ ของผู้ชายพร้อมกับประตูที่ถูกเปิด เป็นคังยองโมนั่นเอง เขาถือบทไว้ในมือพลางมองหาที่นั่งของตนด้วยหน้าตาน่าหมั่นไส้และนั่งลง

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้พบครับ”

แม้อีอูยอนจะก้มหัวและทักทายอย่างมีมารยาท แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมหันหน้าไปหาแถมยังบ่นพึมพำด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“สติดีอยู่หรือเปล่า ทำให้คนอื่นเขารอเพราะเรื่องของตัวเองแท้ๆ ยังจะเชื่อในความนิยมอวดดีนั่นอยู่อีก”

ทุกคนในห้องประชุมล้วนได้ยินคำพูดนั้น และถ้าไม่ใช่คนโง่ก็จะสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเนื้อความนั้นกล่าวถึงใคร

“ขอโทษครับรุ่นพี่ ที่ทำให้รุ่นพี่ต้องได้รับผลกระทบโดยไม่ได้ตั้งใจ”

แม้อีอูยอนจะก้มหัวให้และเข้าหาอย่างมีมารยาท แต่ก็ดูเหมือนคังยองโมไม่คิดจะทำหน้าให้สดใสขึ้น

“ก็ไม่รู้สินะ เราจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ คนอื่นเขาก็ยุ่งกันทั้งนั้น พวกเราจะต้องเดือดร้อนไปด้วยเพราะตารางงานของนายคนเดียวหรือไง”

คนอื่นๆ ที่ถูกรวมให้เป็น ‘พวกเรา’ อย่างคาดไม่ถึงแอบดูท่าทีของคังยองโมกับอีอูยอน

“ทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงไม่ไปนั่งที่กันล่ะ แล้วนี่ไม่เข้าไปซ้อมอ่านบทกันเหรอ ทุกคนลองอ่านบทกันมาแล้วหรือยัง คุณอีอูยอนก็ลองอ่านมาแล้วใช่ไหม”

“ครับ ผมอ่านมาแล้วครับ”

“ได้ยินมาว่าพอรับบทมาแล้ว คุณอีอูยอนก็จำบทได้ทั้งหมดแม้จะอ่านไปแค่รอบเดียวใช่ไหม”

“แค่จำเท่านั้นครับ แต่ถ้าจะให้เข้าใจบทด้วย ผมต้องอ่านซ้ำๆ ครับ”

“งั้นเหรอ”

คังยองโมหยิบบทที่วางอยู่ตรงที่นั่งของอีอูยอนขึ้นมาและโยนทิ้งถังขยะ ผู้กำกับถึงกับหุบปากไม่ลงเพราะตกใจกับการกระทำที่คาดไม่ถึงนั้น โชคดีที่เขายังไม่เรียกให้พวกนักข่าวเข้ามาข้างใน สถานการณ์นี้จึงไม่รั่วไหลออกไปข้างนอก แม้คังยองโมคงจะจงใจทำตัวแบบนั้น แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่านี่มันเกินขอบเขตไปหน่อย

“ทำไมล่ะ จำไม่ได้เหรอ ถ้างั้นก็ไปเก็บมันมาใหม่สิ”

คังยองโมใช้มือชี้ไปที่ถังขยะที่ตั้งอยู่ด้านหลัง

ตามข้อมูลที่ชเวอินซอบหามาระบุไว้ว่าแม้คังยองโมจะเป็นคนหยาบคายและหยิ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับสร้างอุปสรรคให้งาน แม้ข้อมูลเกี่ยวกับคังยองโมที่ตนรู้จะเป็นความจริง แต่แล้วอินซอบก็ได้รู้ว่ามีเรื่องที่ไม่จริงด้วยเหมือนกัน

“ไม่อยากไปเก็บมาเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่น่าจะโกหกตั้งแต่แรกหรือเปล่า โธ่ ฉันขอโทษด้วยแล้วกันนะ”

หน้าของผู้กำกับเครียดจนน่ากลัว นักแสดงคนอื่นๆ ก็เช่นกัน

นี่ไม่ใช่ระดับที่ไม่สร้างอุปสรรคให้กับงานแล้ว เขากำลังสร้างอุปสรรคอยู่เลยต่างหาก แล้วก็สร้างเยอะเสียด้วย

อีอูยอนทอดสายตามองรุ่นพี่ที่กำลังพูดจาเหน็บแนมอยู่ตรงหน้าตนนิ่งๆ สายตาของเขาไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย เขาเพียงแค่มองมนุษย์ที่ชื่อคังยองโมด้วยใบหน้าเฉยชาเท่านั้น

ชเวอินซอบเดินเข้าไปด้านหลังคังยองโมเงียบๆ ทันทีที่เข้าก้มตัวลงเพื่อจะล้วงมือเข้าไปในถังขยะ อีอูยอนก็เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“คุณชเวอินซอบ”

“…ครับ?”

“ไม่เป็นไรครับ อยู่เฉยๆ เถอะ”

แม้จะเป็นน้ำเสียงอ่อนหวานที่ได้ยินแล้วเหมือนจะละลาย แต่อินซอบกลับสัมผัสได้ถึงคมมีดที่ซ่อนอยู่ในนั้น ทำให้ไหล่ของเขาสั่นโดยไม่รู้ตัว

“เพราะผมจำได้หมดแล้ว”

สีหน้าของคังยองโมน่ากลัวขึ้นเพราะคำพูดที่อีอูยอนพูดเสริม แต่เขากลับเกร็งไหล่แล้วเชิดหน้าเพื่อเป็นการบอกว่า ‘ไหนมาลองดูกันสักตั้งซิ’

“จะเริ่มตั้งแต่ตรงไหนดีครับ”

“ตั้งแต่ตอนที่ห้าแล้วกัน โอเคไหมครับคุณผู้กำกับ”

“ไม่โอเค ฉันว่าน่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่หนึ่งนะ เพราะเราน่าจะต้องเข้าใจตัวละครก่อน…”

ต่อให้นักแสดงคนอื่นๆ อ่านบทกันมาเป็นปกติ แต่ไม่ค่อยมีใครอ่านมาจนถึงบทที่ห้าหรอก นอกเหนือจากนั้นอีอูยอนก็ไม่มีบทด้วย ดังนั้นการจะให้เขาจำบทตอนที่ห้าและเริ่มแสดงอย่างกะทันหัน ก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“ว่าไงครับ ยังไงคุณอีอูยอนก็บอกว่าจำมาหมดแล้วนี่ครับ แล้วคนอื่นๆ ก็มีบทอยู่แล้ว ท่องแค่ของใครของมันไม่ได้เหรอครับ”

ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมรู้ดีว่าคังยองโมจงใจทำแบบนั้นเพื่อกดอีอูยอน ผู้กำกับเองก็ไม่สามารถบุ่มบ่ามเข้าไปยุ่งได้ การเป็นกลางในการทะเลาะเรื่องศักดิ์ศรีระหว่างดาราน่าจะเป็นการดีสำหรับความสงบสุขในอนาคตมากกว่า

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าคังยองโมชอบเล่นสกปรก ถ้าเขาเลือกข้างผิดโดยไม่ระวังอาจกลายเป็นต้องปวดหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า บริษัทผู้ผลิตละครในคราวนี้เป็นบริษัทต้นสังกัดของคังยองโม แม้เจ้าตัวจะนิสัยแย่แต่ถ้ามีคังยองโมมาร่วมแสดงก็สามารถเรียกเรตติ้งได้ เป็นเรื่องยากที่จะจับผิดเขาในด้านการแสดง แม้เขาจะพาลไปทั่วเวลาอยู่เบื้องหลัง แต่ก็ยังมีบทเข้าหาไม่ขาดสาย

แต่ไม่ว่าอย่างไรการทำแบบนั้นก็ดูจะรุนแรงเกินไปหน่อย

คนอื่นๆ เหลือบมองคังยองโมด้วยสีหน้าไม่สู้ดี แต่ไม่มีใครมีความกล้าพอที่จะพูดความคิดนั้นออกมาจากปาก

“ผมไม่เป็นไรครับ ถ้าคนอื่นเห็นว่าดี ผมยังไงก็ได้ครับ”

คนอื่นๆ เบนสายตากลับมาที่อีอูยอน เพราะความใจกว้างที่ออกมาจากปากของเขา

“ตกลงครับ งั้นเอาตามนั้นเถอะ”

รอยยิ้มเย้ยหยันบิดเบี้ยวประดับอยู่บนปากของคังยองโม

ชเวอินซอบจับตามองอีกฝ่ายจากทางด้านหลังอย่างร้อนใจ

“เริ่มจากตรงไหนดีครับ”

“เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 5 หน้า 14 ดีไหมครับ ฉากที่คิมยองฮากับอีวอนชิกเจอกันระหว่างทาง”

“ได้ครับ”

แม้ทุกคนจะนั่งอยู่กับที่ แต่ไม่ใครกล้าบุ่มบ่ามพูดเลย เพราะมัวแต่ดูท่าทีกันไปมา

 “งั้นผมเริ่มก่อนนะครับ”

คังยองโมกระแอมพร้อมกับเริ่มพูดบทของตน


[1] ฮันจา ตัวอักษรจีนในภาษาเกาหลี

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท