ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 2-7

ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 2-7

 

วันนั้นเขามีธุระที่ต่างจังหวัด แต่พอโดนเรียกตัวกลับอย่างกะทันหัน เขาก็เตรียมใจที่จะได้รับใบสั่งจากการขับรถเร็วเกินกำหนดสักสิบใบและเหยียบคันเร่งเหมือนกับคนบ้ามาจนถึงสวนสนุก แต่พอเขามาถึง เขากลับเห็นว่าคนสองคนกำลังเล่นชิงช้าสวรรค์กันอยู่ทั้งๆ ที่ตัวเปียก ด้วยเสียงของอีอูยอนที่สั่งให้หมุนชิงช้าไปอีกสามรอบ หัวหน้าทีมชาเลยคิดว่า หมอนี่แสดงผลงานชิ้นเอกอะไรอีกแล้ววะ แม้เขาจะถามชเวอินซอบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่อีกฝ่ายกลับปิดปากสนิทและส่ายหัวลูกเดียว หัวหน้าทีมชาตัดสินใจปล่อยให้เรื่องวันนั้นจบไปเงียบๆ เพราะเขาไม่คิดว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างอีอูยอนจะยอมพูด 

“คุณอินซอบเขาต้องเข้าใจผมดีอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นแฟนคลับของผม ใช่ไหมครับ”

“ครับ…ขอบคุณนะครับที่มองผมเป็นอย่างนั้น”

เป็นความจริงที่ว่าทุกคนที่อยู่ในห้องทำงานรู้ว่าชเวอินซอบเป็นแฟนคลับของอีอูยอน รายงานที่อินซอบส่งมาพร้อมกับเรซูเม่กลายเป็นหัวข้อสนทนา และกลายเป็นว่าทุกคนได้ลองอ่านกันคนละครั้ง 

“ผมรู้สึกโชคดีมากเลยครับที่ได้คนอย่างคุณอินซอบมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว”

หัวหน้าทีมชามองอีอูยอนที่พูดอย่างนั้นในขณะที่หลับตาอยู่เหมือนกับไม่ไว้ใจ 

มันบ้าหรือเปล่า ทำไมถึงทำพฤติกรรมบ้าๆ แบบนั้นนะ เขาไม่ใช่คนประเภทนั้นนี่

และแล้วหัวหน้าทีมชาก็ได้รู้ว่ากรรมการผู้จัดการคิมกำลังทำสีหน้าแบบเดียวกับตนอยู่

“นี่อีอูยอน”

“ว่าไงครับกรรมการผู้จัดการ”

“นายไม่ได้แกล้งอินซอบใช่ไหม”

“เปล่านะครับกรรมการผู้จัดการ!”

คำตอบไม่ได้หลุดออกจากปากของอีอูยอน แต่เป็นปากของชเวอินซอบ อีอูยอนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“เชิญบอกเขาไปเลยครับว่าผมแกล้งใคร กรรมการผู้จัดการก็พูดเป็นเล่นไปได้ ฮ่าๆๆ”

“…อย่าพูดแบบนั้นเชียว”

กรรมการผู้จัดการคิมส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดพลางหันหน้าไป

“ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหนใช่ไหมคะ”

“ครับ ครับ ผมไม่เป็นอะไรเลยครับ”

ชเวอินซอบเอ่ยตอบกับพนักงานนวดที่กำลังนวดเท้าของตนอย่างสุภาพ

“ถ้าอย่างนั้นก็เสร็จแล้วค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

แม้เขาจะยืนกรานว่าตนจะรอในรถแล้วก็ตาม แต่ก็ถูกหัวหน้าทีมชาลากมานวดเท้าในที่สุด อินซอบรู้สึกลำบากใจกับเรื่องทั้งหมดนี้เป็นอย่างมาก

“จะเกรงใจอะไรขนาดนั้นล่ะคุณอินซอบ ไม่เป็นไรหรอก เราจะได้เซอร์วิสจากกรรมการผู้จัดการขี้เหนียวนั่นเมื่อไหร่ล่ะ ถ้าไม่ใช่ตอนนี้”

หัวหน้าทีมฝังตัวลงกับเก้าอี้หนังพลางเอ่ยพึมพำ

“ถึงหัวหน้าทีมชาจะไม่รู้ แต่อินซอบเขาน่าจะได้เซอร์วิสแล้วนะ ฉันฝากอีอูยอนให้เขาดูแลอย่างไม่มั่นใจ เพราะเขาเป็นมือใหม่ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะทำงานได้ดีขนาดนี้”

“ไม่มั่นใจเหรอครับ ฮ่าๆๆ เกินไปแล้วนะครับกรรมการผู้จัดการ คุณเลือกผู้จัดการส่วนตัวให้ผมด้วยความรู้สึกแบบนั้นเหรอครับ”

เพราะคำพูดล้อเล่นของอีอูยอน กรรมการผู้จัดการคิมถึงได้จ้องอีกฝ่ายตาเขียว 

ความรู้สึกแบบนั้นเหรอ ไอ้หมอนี่ นายรู้ไหมว่าฉันเลือกผู้จัดการส่วนตัวให้นายด้วยความรู้สึกแบบไหน! ฉันรู้สึกจะกระอักเลือดเลยล่ะ ไอ้ลูกหมาเอ๊ย! 

…หัวใจของกรรมการผู้จัดการคิมที่ไม่สามารถจะตะโกนแบบนั้นออกไปได้ถูกไฟเผาไหม้จนดำปี๋ 

ถ้าทำได้เขาก็อยากจะตัดโคนลิ้นที่ชั่วร้ายของอีอูยอนทิ้ง แต่กรรมการผู้จัดการคิมกลับทำได้แค่กำหมัดและอดกลั้นไว้ เพราะเขารู้ดีกว่าใครว่าประโยชน์ของลิ้นนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน

“ยังไงก็ตามคุณก็เลือกมาได้ดีไม่ใช่เหรอครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมตอบว่า แน่นอน และพยักหน้าให้กับคำพูดของหัวหน้าทีมชา

“เลือกได้ดี เลือกได้ดีมากเลยล่ะ เพราะฉะนั้นอีอูยอน…นายก็ทำตัวให้ดีล่ะ”

กรรมการผู้จัดการคิมเก็บคำพูดมากมายที่อยากจะพูดไว้ในใจ และจ้องอีอูยอนเขม้ง

“ผมทำตัวดีอยู่นะครับ เพราะคุณอินซอบเขาก็ทำตัวดี”

ชเวอินซอบที่นวดเท้าเสร็จแล้ว และนั่งใจลอยอยู่คนเดียวบนเก้าอี้ทำเพียงเหลือบมองไปทางที่อีอูยอนนอนอยู่ด้วยแววตาไม่สบายใจ

หัวหน้าทีมชาเอียงคอไปมา ความคิดแปลกๆ โผล่มาในหัวของเขาอยู่เรื่อยๆ ถึงขนาดที่บางครั้งก็มีเรื่องของผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ที่บอกว่าตัวเองเป็นแฟนคลับของอีอูยอนโผล่เข้ามาด้วย และเขาก็ลอบสังเกตสายตาของอีอูยอน

ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกกลัวว่าอีอูยอนจะทำแบบนั้นเพราะอีกฝ่ายเป็นแฟนคลับ เฮ้ย ไม่เอาน่า เจ้าอีอูยอนนั่นเป็นคนเสแสร้งอยู่แล้ว เขาคงไม่แสดงนิสัยนั่นออกไปให้คนที่มาใหม่เห็นหรอกมั้ง

หัวหน้าทีมชาปัดความคิดที่โผล่มาในหัวทิ้งพลางหลับตา

“หัวหน้าทีมชา นายไม่ได้ลืมใช่ไหมว่าสุดสัปดาห์นี้เราจะไปตกปลากัน”

“แน่นอนสิครับ คราวนี้ผมตั้งตารอเลยล่ะครับ เพราะผมน่าจะได้แสดงความสามารถที่ฝึกฝนมาตลอดเพื่อสัปดาห์นี้”

“พวกคุณจะไปตกปลาอีกแล้วเหรอครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมพูดเสียงดังว่า ‘อะไรกัน’ ทันทีที่อีอูยอนเอ่ยถามโดยเน้นเสียงที่คำว่า ‘อีกแล้ว’

“เปล่าครับ เป็นเรื่องดีครับที่เห็นว่าคุณทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจริงๆ”

“ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วใครจะไปตกปลากับกรรมการผู้จัดการของเราล่ะ ก็ต้องไปกับนักต้มตุ๋นจอมโกงนี่อยู่แล้วสิ”

“ทำไมฉันถึงเป็นนักต้มตุ๋นล่ะ ยกเว้นครั้งที่แล้วที่ฉันทำแบบนั้น ทำไมนายถึงดึงเหยื่อล่อของฉันทิ้งตอนที่ฉันหลับล่ะ”

“ผมไปช่วยดูให้เพราะทุ่นมันขยับต่างหาก ให้ตายเถอะ คุณถูกหลอกอยู่ตลอดหรือไง ถึงได้ไม่เชื่อที่คนเขาพูดเลย”

“ยังไงก็ตามคราวนี้ฉันจะจับนายให้ได้คาหนังคาเขาเลย”

“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะครับ”

ชเวอินซอบมองภาพที่คนทั้งคู่เถียงกันไปมาเหมือนกับเด็กเล็กๆ อย่างตื่นเต้น นั่นก็เพราะตามที่ตนรู้ลำดับขั้นในสถานที่ทำงานในประเทศเกาหลีเป็นเรื่องที่ชัดเจน แต่คนทั้งคู่ดูเหมือนกับเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว

“พวกคุณสนิทกันเหรอครับ”

อินซอบถามสิ่งที่สงสัยในหัวของออกไปอย่างไม่รู้ตัว พอเขาทำแบบนั้นลงไป เขาก็เอามือมาปิดปากพลางพูดว่า ‘ขอโทษครับ’ พร้อมกับก้มหัวขอโทษ

“มีเรื่องอะไรให้ต้องขอโทษล่ะ ก็หัวหน้าทีมชาเป็นโร้ดเมเนเจอร์[1] ให้ฉันสมัยฉันเป็นนายแบบน่ะ”

“จริงเหรอครับ”

“ใช่ ตอนนั้นเขายังเป็นโร้ดเมเนเจอร์ที่ยังเป็นเด็กอยู่เลย โตขึ้นมากเลยนะ หัวหน้าทีมชาเนี่ย”

“กรรมการผู้จัดการก็เหมือนกันครับ ใครจะคิดว่าคุณชายบ้านรวยที่ทำงานนายแบบเป็นงานอดิเรกจะกลายมาเป็นกรรมการผู้จัดการให้กับเอเจนซี่ของพวกดาราล่ะครับ”

ชเวอินซอบหัวเราะเบาๆ ให้กับบทสนทนาที่คนทั้งคู่โต้เถียงกันไปมา เขาคิดถึงตอนที่คนทั้งคู่ยังเป็นหนุ่ม

“อะไรกัน นี่นายหัวเราะนี่”

หัวหน้าทีมชามองอินซอบที่เป็นแบบนั้นพลางเอ่ยพึมพำด้วยความตกใจ

“ครับ?”

“ก็นายไม่เคยยิ้มเลย ก็เลยนึกว่าเป็นคนยิ้มไม่เก่งน่ะสิ”

“…ขอโทษครับ”

พอมาคิดดูแล้วตั้งแต่ที่มาเกาหลี เขาก็จำไม่ได้เลยว่าตัวเองเคยยิ้มจริงๆ จังๆ ต้องบอกว่าไม่มีเรื่องที่น่าผ่อนคลายขนาดนั้นมากกว่าถึงจะถูก กรรมการผู้จัดการคิมเห็นภาพชเวอินซอบเกาหัว ก็นึกอะไรขึ้นมาได้และเอ่ยปากพูด

“สุดสัปดาห์นี้ทำอะไรล่ะชเวอินซอบ”

“ครับ?”

“สุดสัปดาห์นี้น่ะ นายหยุดใช่ไหมอีอูยอน”

“ครับ ผมจะพักครับ”

เป็นวันที่สามารถเรียกได้ว่าวันหยุดสุดท้ายสำหรับอีอูยอนที่จะเริ่มถ่ายละครตั้งแต่สัปดาห์หน้า

“สุดสัปดาห์นี้นายมีนัดหรือเปล่าอินซอบ”

“ไม่มีครับ”

นอกจากจะไม่มีคนรู้จักอยู่ที่เกาหลีแล้ว เขายังไม่มีเรื่องที่ต้องทำเป็นพิเศษข้างนอกด้วย เขาวางแผนของตัวเองเอาไว้ว่าสุดสัปดาห์นี้เขาจะอ่านต้นฉบับของละครที่อีอูยอนจะเริ่มถ่ายพร้อมกับทำตามตารางงานในสัปดาห์หน้า

“งั้นอินซอบไปตกปลากับพวกเราที่ทะเลตะวันออกไหมล่ะ เพราะนายก็ไม่มีงานอะไร”

“ตกปลาเหรอครับ”

“ไม่เคยลองตกปลาตอนฤดูหนาวเหรอ”

“ไม่เคยลองตกปลาอะไรเลยครับ”

“ไปกันเถอะ ต้องสนุกแน่ๆ”

“นั่นสิ ไปด้วยกันเถอะ มาตัวเปล่าก็ได้ เพราะสิ่งที่กรรมการผู้จัดการเอามาก็มีแค่เงินเท่านั้น เราก็เลยมีทั้งเรือ ทั้งบ้านพักตากอากาศ แน่นอนว่ามีข้าวให้ด้วย กรรมการผู้จัดการต้มแมอุนทัง[2] ได้เด็ดมาก และก็แน่นอนว่าเขาจะซื้อปลาดิบให้ด้วย”

“ดีเลย ถ้าเป็นอินซอบแล้วล่ะก็ฉันจะเลี้ยงมื้อใหญ่เลย ไปกันเถอะ!”

“ไม่ดีกว่าครับ ผมว่าผมจะ…”

ชเวอินซอบคิดที่จะปฏิเสธ เขาจะต้องอยู่และหายไปอย่างเงียบๆ เขาไม่อยากสร้างความสนิทสนมกับใครที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เขาหาจุดอ่อนของอีอูยอนเจอในอนาคต คนที่จะได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงที่สุดนอกจากตัวอีอูยอนแล้วก็คือคนสองคนนี้

“น่าสนุกนะครับ”

อีอูยอนที่ไม่พูดอะไรเลยจนถึงตอนนี้ก็พูดแทรกขึ้นมา

“นั่นสิ สนุกเนอะ อย่าบอกนะว่า…นายจะไปด้วย”

กรรมการผู้จัดการคิมลอบสังเกตสายตาของอีอูยอนอย่างระมัดระวังพลางเอ่ยถาม อีอูยอนตอบว่า ไม่มีทางครับ กรรมการผู้จัดการคิมสามารถเข้าใจความคิดที่ถูกต้องภายในใจของอีอูยอนได้อย่างถ่องแท้จากดวงตาที่ยิ้มอยู่ของเขา

‘บ้าไปแล้ว ผมจะไปที่นั่นทำไมล่ะครับ’

กรรมการผู้จัดการคิมเองก็เหมือนกัน

‘นายจะไปที่นั่นทำไม’

ถ้าพาอีอูยอนไปเที่ยวด้วย บางทีมันอาจจะไม่ใช่การท่องเที่ยว หัวหน้าทีมชาส่งสายตาว่า นั่นสิ นายจะไปที่นั่นทำไม และพำพึมเสียงเบา

“ยังไงก็ตามอินซอบจะไปใช่ไหม”

“นายจะทำอะไรที่บ้านล่ะ นายบอกว่านายอยู่คนเดียวนี่ แล้วนายจะทำอะไรคนเดียวในวันหยุดล่ะ หรือว่าจะไปเจอแฟน”

“เปล่าครับ ถึงจะไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ว่า…”

“ไปกันเถอะ ต้องสนุกแน่ๆ”

แม้กระทั่งหัวหน้าทีมชายังโน้มน้าวเขา ชเวอินซอบไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับความยุ่งยากนี้ และเริ่มรู้สึกหนักใจ

“ทำไมถึงไปบังคับคนที่เขาไม่อยากไปแบบนั้นล่ะครับ”

“ไม่นะครับ ผมไม่ได้ไม่อยากไปนะครับ”

“ก็ต้องไม่อยากอยู่แล้วสิครับ คุณไม่ค่อยจะมีวันพักในช่วงสุดสัปดาห์อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผมเริ่มถ่ายละครคุณก็แทบจะไม่ได้นอนอย่างเต็มที่ไปพักหนึ่งเลยไม่ใช่เหรอครับ คุณไม่อยากไปก็บอกไปเลยสิครับว่าไม่อยากไป เพราะบางทีกรรมการผู้จัดการก็ใจดีมากเกินไปเหมือนกัน”

อีอูยอนยิ้มและเข้าข้างผู้จัดการส่วนตัว แต่ถ้าลองฟังดีๆ แล้วนี่เป็นข้อความที่เขากล่าวตำหนิทั้งกรรมการผู้จัดการคิมและชเวอินซอบอย่างอ้อมๆ

“เอ่อ พอลองคิดดูแล้ว ฉันก็เป็นแบบนั้นแหละ อินซอบถ้านายเหนื่อย นายก็พักเฉยๆ เถอะ”

“ไม่เลยครับ ผมไม่ได้ไม่อยากไปนะครับกรรมการผู้จัดการ”

“ฉันคิดน้อยไปเอง”

ชเวอินซอบรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่เห็นว่ากรรมการผู้จัดการคิมยิ้มอย่างลำบากใจ

เขาตั้งใจว่าพอมาถึงเกาหลีแล้วเขาจะไม่สร้างความสนิทสนมกับใคร เขายุ่งเกี่ยวกับคนในบริษัทด้วยเรื่องงานเท่านั้น แม้แต่วันหยุดเขาก็ไม่ออกไปนอกบ้าน และส่วนใหญ่เขาก็ใช้เวลาอยู่ตามลำพัง ส่วนเวลาส่วนตัวเขาจะติดต่อกับครอบครัวบ้างเป็นบางครั้ง

ถามว่าเหงาไหมนะเหรอ

เหงาสิ เหงาจนเข้ากระดูกดำเลยล่ะ ทั้งเหงา ทั้งว้าเหว่จนเขาพยายามทำใจแข็งและไม่ติดต่อกับครอบครัวบ่อยๆ

บางครั้งเขาก็อยากจะออกไปดูหนัง กินอาหารที่ชอบ และตากลมข้างนอกบ้าง เขาอยากลองทำดูเหมือนกันว่าการตกปลาในฤดูหนาวคืออะไร และเขาก็อยากลองชิมแมอุนทังที่เขาเคยเห็นแค่ในหนังสือและกรรมการผู้จัดการคิมต้มได้เด็ดมากดูสักครั้ง

“ไม่นะครับ กรรมการผู้จัดไม่ได้คิดน้อยเลยครับ ผมแค่…แค่…”

ชเวอินซอบไม่สามารถพูดต่อได้ เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะต้องพูดอะไร เขาไม่เคยลองคิดถึงสถานการณ์แบบนี้เอาไว้เลย แม้เขาจะเคยลองจิตนาการคนเดียวนับครั้งไม่ถ้วนในตอนที่นอนป่วยว่าเขาได้ไปเที่ยวรอบโลก หรือกลายเป็นคนที่เล่นบาสเกตบอลเก่งที่สุดในโลก หรือเป็นหมอที่เก่งที่สุดในโลก แต่เขาไม่เคยจินตนาการถึงการรับมือกับคำเชิญให้ไปเที่ยวในวันหยุดเลย

“พอแล้วครับ คุณอินซอบ ผมก็พูดไปเรื่อยเปื่อย ก็แค่การเที่ยวเล่นที่น่าเบื่อพวกคนแก่น่ะ”

หัวหน้าทีมชาเองก็เกาหัว ด้วยเหตุนั้นชเวอินซอบจึงรู้สึกผิดเป็นสองเท่า

“ไม่เลยครับ ดูเหมือนจะเป็นการไปเที่ยวที่น่าสนุกนะครับ ผมคิดว่าต้องเป็นการไปเที่ยวของผู้สูงวัยที่น่าสนุกแน่นอนครับ”

 นี่เป็นการปฏิเสธที่ไม่ผ่านเอาเสียเลย กรรมการผู้จัดการคิมคิดพลางขมวดคิ้ว แต่อินซอบยังพยายามปฏิเสธในส่วนอื่นต่อไป

“ผมคิดว่าน่าจะเป็นการไปเที่ยวที่น่าสนุกมากๆ เลยครับ ผมเองคิดแบบนั้นนะครับ ผมไม่ได้ไม่อยากตามไปเพราะคิดว่าเป็นการเที่ยวเล่นที่น่าเบื่อของผู้สูงวัยนะครับ ผมแค่…ผม…ผมจะไปครับ”

“พอแล้วน่า ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องฝืนใจไปก็ได้”

“ผมไม่ได้ฝืนใจนะครับ ผมจะไปครับ”

ชเวอินซอบตอบด้วยสีหน้าแน่วแน่ กรรมการผู้จัดการคิมเป็นเหมือนกับผู้มีพระคุณที่รับตนเข้ามาในบริษัท ส่วนหัวหน้าทีมชาเองก็เป็นคนที่คอยดูแลเขามากกว่าคนอื่นๆ ถึงสองสามเท่า แม้จะมีตอนที่พวกเขาเดาะลิ้นและตบไหล่ตนด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจอยู่บ้าง แต่คนทั้งคู่เป็นคนที่ชเวอินซอบรู้สึกขอบคุณมากที่สุดที่เขาได้พบที่เกาหลี

“ผมจะไปตกปลาครับ”

“จริงเหรอ มันไม่เกินไปใช่ไหม”

“ไม่เกินไปเลยครับ ผมไปด้วยความรู้สึกยินดี”

หัวหน้าทีมชาระเบิดหัวเราะออกมาทันทีที่ชเวอินซอบก้มหัวพร้อมกับพูดแบบนั้น เขาใช้ฝ่ามือยืดไหล่ของอินซอบขึ้นพลางเอ่ยพูด

“บางครั้งตอนที่เห็นคุณอินซอบ ผมว่าวิธีการพูดของคุณพิเศษมากเลย จะบอกว่าอะไรดีนะ บางครั้งมันเหมือน…”

“เหมือนพวกบริกรใช่ไหมครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชาปรบมือพร้อมกับหัวเราะให้กับคำพูดของอีอูยอนที่นอนคว่ำหน้าอยู่

“ฮ่าๆๆๆ ใช่เลย”

“ใช่แล้ว แบบนั้นแหละ ไปเรียนคำพูดพวกนั้นมาจากไหนเหรอ”

“…ผมใช้คำพูดแบบนั้นเหรอครับ”

ชเวอินซอบรู้มาว่าจะต้องพูดด้วยคำว่า ครับ หรือ เหรอครับ กับเจ้านายในที่ทำงานถึงจะสุภาพ เขาคิดว่าคืนนี้เขาหลังจากกลับบ้านไป เขาต้องรู้ให้ได้ว่าสำนวนแบบที่บริกรใช้คืออะไร

“งั้นถ้ามีเวลาว่างช่วงสุดสัปดาห์ก็ไป ถ้าคิดว่ามันเกินไปก็ไม่ได้ต้องไปก็ได้ อ่า เดี๋ยวนะ”

ตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือของกรรมการผู้จัดการคิมก็ดังขึ้น หัวหน้าทีมชายื่นโทรศัพท์มือถือให้เขา

“ฮัลโหล ครับ อ๋อ ครับ เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะไปแล้วครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วลุกขึ้น เขาทำมือให้หัวหน้าทีมชาลุกตาม

“หัวหน้าทีมชาออกไปกันเถอะ ช่วยไปส่งฉันหน่อย”

“ไปคนเดียวสิครับ ผมจะนวดต่ออีกหน่อยแล้วค่อยไป”

“ไม่รู้หรือไงว่าอีกเดี๋ยวฉันต้องดื่มไวน์ ช่วยขับรถให้หน่อย เร็วๆ เลย”

“เอ่อ ถ้างั้นก็เรียกคนมาขับแทนสิครับ!”

“ฉันจะฝากรถไว้กับคนมาขับแทนได้ยังไงล่ะ! มันเป็นรถราคาแพงนะ!”

หัวหน้าทีมชาบ่นพึมพำพลางลุกขึ้น ทันทีที่ชเวอินซอบตั้งใจจะไปส่งและลุกขึ้นมาพร้อมกัน กรรมการผู้จัดการคิมก็ส่ายหน้า

“ไม่เป็นไร ทำตัวตามสบายเถอะ ฉันไปแล้วนะ”

“ขอบคุณครับ”

“ยังไงก็เจอกันสุดสัปดาห์นี้นะ ส่วนอีอูยอนสุดสัปดาห์นี้นายก็…พักซะนะ”

กรรมการผู้จัดการคิมยิ้มเจื่อนพลางตบไหล่ของอีอูยอน อีอูยอนบอกว่า ‘ผมจะลองคิดดูครับ’ และกล่าวลา

 

[1] โร้ดเมเนเจอร์ ผู้จัดการส่วนตัวที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับดาราที่ตนรับผิดชอบ

[2] แมอุนทัง แกงเผ็ดที่ใส่ปลา ผัก โคชูจังลงไปต้มด้วยกัน

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท