ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 3-6

ภาค 1 เล่ม 1 ตอนที่ 3-6

“อูยอน! อีอูยอน! ฟื้นแล้วเหรอ”

อีอูยอนนิ่วหน้าโดยอัตโนมัติ เพราะเสียงของกรรมการผู้จัดการคิมที่วิ่งเข้ามาทันทีที่เขาลืมตา เขาหลับตาลงอีกครั้ง เพราะความรู้สึกเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นบริเวณศีรษะ

“ผมอยู่ที่ไหนครับ”

“โรงพยาบาลน่ะสิ ไอ้บ้านี่ รู้ไหมว่าฉันตกใจแค่ไหนที่จู่ๆ ตำรวจก็โทรมาถามว่ารู้จักนายหรือเปล่า…”

“นึกว่าผมฆ่าคนตายสินะครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมทำสีหน้าเจ็บปวดพลางคิดว่าหมอนี่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน

ตอนที่เขานั่งอยู่ข้างๆ หัวหน้าทีมชาและกำลังเถียงกันอย่างไร้สาระว่าปลาของใครใหญ่กว่ากัน กรรมการผู้จัดการคิมก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ สิ่งที่เขาคิดถึงทันทีที่ได้ยินปลายสายบอกว่าเป็นตำรวจคืออีอูยอนที่เขาทิ้งไว้ที่บ้านพักตากอากาศ เขาคิดก่อนเลยว่า ในที่สุดหมอนั่นก็ก่อเรื่องน่ากลัวขึ้นจนได้สิน่า! ให้ตายเถอะ เป็นไปอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย!

แต่พอได้ฟังรายละเอียดเกี่ยวกับอุบัติเหตุแล้ว มันก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่เขาสามารถวางใจได้เหมือนกัน ตอนที่ได้ยินตำรวจบอกว่ากำลังพาอีอูยอนและผู้จัดการส่วนตัวที่กระโดดลงไปช่วยไปส่งที่โรงพยาบาล กรรมการผู้จัดการคิมก็แทบจะไม่มีสติอยู่กับตัวแล้ว เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตนกำลังร้องไห้จนกระทั่งหัวหน้าทีมชาแหวใส่ว่า ‘ตาแก่! จะร้องก็ร้องไปเถอะ แต่ก็ช่วยร้องเงียบๆ หน่อย! เพราะมันเปล่าประโยชน์’

อีอูยอนลองขยับแขนกับขาของตัวเองแล้วก็ได้แต่นิ่วหน้า จากการที่เขารู้สึกเจ็บแปลบๆ บริเวณหน้าอกดูเหมือนกระดูกซี่โครงจะร้าว

“ยังไงก็เถอะ โชคดีมากนะที่เป็นแค่นี้ ฉันนึกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ ซะแล้ว”

“จับได้หรือเปล่าครับ”

แม้จะไม่ระบุชื่อ แต่เขาก็รู้ว่าอีอูยอนกำลังถามถึงใคร กรรมการผู้จัดการคิมส่ายหน้าด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

“พวกคนจรจัดแถวนั้นบอกว่าเหมือนจะเป็นพวกคนงาน พวกเขาเจอรถที่จอดทิ้งไว้ เพราะฉันบอกลักษณะรูปร่างกับการแต่งกายรวมไปถึงรถที่ใช้กับตำรวจไว้ก่อนแล้ว แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหาตัวเจอได้จากรอยนิ้วมือ เพราะครึ่งหนึ่งของคนพวกนั้นเป็นคนที่ลักลอบอยู่อาศัยอย่างผิดกฎหมาย”

อีอูยอนเกร็งไหล่และพยายามจะลุกขึ้น แม้กรรมการผู้จัดการคิมจะเตือนว่าอย่าทำอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะแกล้งทำเป็นฟังเลยสักนิด

“แล้วเขาบอกไหมครับว่าจะหายังไง”

“แน่นอนว่าตำรวจได้ตามหาแล้ว แต่…”

“แม่งเอ๊ย งานที่ตำรวจทำแล้วได้เงินคืออะไรกันแน่ นี่มันพยายามฆ่าชัดๆ เข้าใจไหม การจับไอ้ขยะเฮงซวยพวกนั้นเป็นงานของตำรวจไม่ใช่เหรอ”

กรรมการผู้จัดการคิดว่าโชคดีมากที่ประตูห้องพักฟื้นถูกปิดเอาไว้

“แต่นายก็ต้องทำตัวให้มีขอบเขตสิ การโยนประแจโดยไม่มีเหตุผลอย่างนั้นน่ะ…”

กรรมการผู้จัดการคิมเห็นว่าอีอูยอนจ้องตนอยู่จึงหุบปาก

แม้สมองจะรับรู้ว่าหมอนี่ไม่ทำอะไรเขาหรอก แต่ร่างกายกลับผงะและถอยหลังไปเอง การที่เขารู้สึกเสียววาบที่ต้นคอเป็นปฏิกิริยาตอบกลับตามสัญชาตญาณในทุกครั้งที่อีอูยอนมองคนด้วยสายตาแบบนั้น

“นั่นสินะครับ เป็นความผิดของผมเอง”

“…”

“ถ้าผมโยนประแจใส่หน้าคนพวกนั้น แทนกระจกรถ ก็คงไม่มีเรื่องโชคร้ายแบบนี้เกิดขึ้น”

“…”

ฉันล็อกประตูเอาไว้แล้วใช่ไหมนะ

กรรมการผู้จัดการคิมทำได้แค่ชำเลืองมองด้านหลังด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

อีอูยอนยันตัวขึ้นมานั่งพิงกำแพง

“ผลออกมาหรือยังครับ”

“ผลอะไร”

“ผลตรวจร่างกายผมไง”

“…ไหล่กับซี่โครงร้าวนิดหน่อย ตรงส่วนอื่นไม่เป็นอะไรเลย แต่ต้องนอนอยู่เฉยๆ นะ หมอบอกว่าถ้าไม่ขยับตัวสักพักก็น่าจะหายแล้ว ดูเหมือนว่าจะต้องเลื่อนการถ่ายละครออกไปด้วย แต่นายเป็นแค่นี้ก็โชคดีมากแล้วล่ะ อินซอบเขากระโดดลงทะเลสาบที่เย็นเป็นน้ำแข็งเพื่อช่วยนายเลยนะ ให้ตายสิ ตอนที่เขาบอกว่ากำลังพาพวกนายไปโรงพยาบาล…เฮ้ย จะไปไหน”

“เด็กนั่นอยู่ไหนครับ”

“หมายความว่าไงที่ว่าอยู่ไหน ตำรวจเขากำลังตามหาอยู่…”

“ไม่ใช่ไอ้เวรพวกนั้น ผมหมายถึงเด็กนั่นต่างหากครับ ชเวอินซอบน่ะ”

เป็นครั้งแรกที่อีอูยอนเรียกชื่อของผู้จัดการส่วนตัวออกมา ต่อให้เป็นคนที่เพิ่งลาออกไป เมื่ออยู่ต่อหน้ากรรมการผู้จัดการคิม เขาก็จะเรียกโดยเติมคำว่าคุณไว้หน้าชื่อเสมอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ หรือว่าสมองจะได้รับความกระทบกระเทือน

“อีอูยอนรู้ไหมว่าฉันชื่ออะไร”

“คิมฮักซึง”

“…แล้วชื่อของหัวหน้าทีมชาล่ะ”

“ชาฮยอนคยู ถ้าจะตรวจสอบเพราะคิดว่าสมองผมผิดปกติก็พอเถอะครับ ตอนนี้ผมกำลังอารมณ์ไม่ดี”

อีอูยอนสวมสลิปเปอร์และลุกขึ้น เขารู้สึกรำคาญสายน้ำเกลือจึงดึงเข็มที่ปักอยู่บนแขนทิ้ง

“ร่างกายแบบนี้คิดจะไปไหน หา!”

“ผมถามว่าชเวอินซอบอยู่ที่ไหน”

“ห้อง ICU …เอ้ย ไอ้นี่”

อีอูยอนออกจากห้องพักฟื้นไปโดยไม่ทันฟังคำพูดที่เหลือ โชคดีที่ทางเดินของโรงพยาบาลมีคนไม่มากนัก เพราะเป็นช่วงเช้ามืด เขาถามตำแหน่งที่ตั้งของห้อง ICU จากพยาบาลและวิ่งขึ้นบันไดไป

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง ICU พยาบาลที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็ห้ามเขาด้วยความตกใจ

“จะเข้ามาที่นี่แบบนี้ไม่ได้นะคะ”

“ผู้ป่วยที่ชื่อชเวอินซอบอยู่ที่ไหนครับ”

“คะ? เอ่อ…”

ตอนนั้นเองที่พยาบาลจำอีอูยอนได้และเบิกตาโต

“ตอนนี้คุณชเวอินซอบอยู่ที่ไหนครับ”

อีอูยอนเอามือกุมหัวพร้อมกับเอ่ยถาม หัวเขาเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เขารู้สึกเหมือนมีใครใช้มืดแหลมๆ หั่นหัวของเขาออกเป็นชิ้นบางๆ

“คุณชเวอินซอบ…”

“อีอูยอน!”

กรรมการผู้จัดการคิมวิ่งตามมาจับไหล่เขาไว้ กรรมการผู้จัดการคิมรีบขอโทษพยาบาลและลากอีอูยอนออกมาด้านนอก

“ไอ้นี่หนิ ฟังให้จบก่อนสิ ตอนนี้ชเวอินซอบไม่ได้อยู่ที่ห้อง ICU หรอก ตอนแรกเขาอยู่ที่ห้อง ICU เพราะอาการหนักมาก แต่พอดีขึ้นตอนนี้เขาเลยได้ไปอยู่ห้องพักฟื้นธรรมดาแล้ว”

“…”

“ก็นายเล่นหลับไปตั้งครึ่งวันเลยนี่นา”

“งั้นเขาอยู่ที่ไหนล่ะครับ”

อีอูยอนนิ่วหน้าและเอ่ยถามพลางหลับตาลง พอกรรมการผู้จัดการคิมตอบว่าห้องพักฟื้นที่อยู่ข้างๆ ห้องนาย เขาก็เดินไปตามทางเดินของโรงพยาบาลโดยไม่หันหลังกลับ กรรมการผู้จัดการคิมยอมแพ้และถอนหายใจออกมาก่อนจะตามหลังอีกฝ่ายไป อีอูยอนลงบันไดมาอีกครั้งและเข้าไปในห้องพักฟื้นที่มีชื่อชเวอินซอบแปะไว้

หัวหน้าทีมชาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเสริมลุกขึ้นด้วยความตกใจ อีอูยอนชี้ไปที่ประตูที่อยู่ด้านหลังพลางเอ่ย

“ช่วยออกไปข้างนอกหน่อยได้ไหมครับ”

“อีอูยอนนายไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ”

“ผมเป็นแบบนี้เพราะสภาพร่างกายผมไม่ดีโคตรๆ และการพูดรอบสองก็เกินกว่ากำลังของผม ช่วยออกไปทีนะครับ”

“ว่าไงนะ นายจะ…”

กรรมการผู้จัดการคิมวิ่งตามมาจับแขนของหัวหน้าทีมชาไว้และพาเขาออกไปเงียบๆ แม้ทั้งคู่จะทำสีหน้าไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่บรรยากาศแบบนี้พวกเขาคงต้องทำตามที่อีอูยอนพูดไปก่อน

ภายในห้องพักฟื้นที่มีเพียงเสียงลมหายใจของชเวอินซอบที่นอนอยู่ อีอูยอนยืนอยู่ข้างเตียงพลางมองใบหน้าของผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังหลับเงียบๆ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะกระโดดลงไปช่วยเขาในทะเลสาบด้วยร่างที่ผอมและดูไม่ได้แบบนี้

เขาทำไปทำไม

มีเพียงความคิดนี้เท่านั้นที่เข้ามาในหัวตอนที่ได้ยินว่าชเวอินซอบช่วยตนเอาไว้

ตามที่เขารู้ ชเวอินซอบยืนเฉยๆ และมองร่างของเขาจมลงไปในน้ำไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมชเวอินซอบถึงช่วยเขาไว้ล่ะ

เขาเอื้อมมือออกไปและเปิดเสื้อผู้ป่วยของชเวอินซอบออก มีรอยแผลเป็นยาวๆ เหลืออยู่ตรงหน้าอกด้านซ้ายอย่างชัดเจน เขาดูไม่ผิดแน่

อีกฝ่ายอาจตายได้ การกระโดดลงไปช่วยคนในทะเลสาบที่เย็นแบบนั้นกลางฤดูหนาวเป็นเรื่องยากแม้แต่กับคนปกติ

นี่เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย อีอูยอนปวดหัว การกระทำของชเวอินซอบอยู่นอกเหนือขอบเขตของสิ่งที่เขาคิดว่าคนปกติเขาทำกัน อีอูยอนรู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่มีเหตุผลกับความจริงที่ว่าผู้ชายผอมแห้งที่ไม่มีอะไรโดดเด่นและไม่มีอะไรพิเศษอยู่นอกเหนือจากการคาดเดาของตน

เขาอยากทำให้มันชัดเจน เขาอยากเข้าไปในหัวของอีกฝ่าย เพื่อที่จะได้รู้ให้แน่ชัดว่าชเวอินซอบคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้

เขาหยิบขวดน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาด้วยคิดจะปลุกชเวอินซอบและถามถึงเหตุผลที่ช่วยตนไว้ แต่ชเวอินซอบที่รู้สึกว่ามีคนอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาก่อนที่เขาจะทันได้สาดน้ำเพื่อปลุกเจ้าตัว

อีกฝ่ายสำรวจรอบๆ อย่างระมัดระวังด้วยดวงตาที่ขุ่นมัวเพราะไข้ยังไม่ลด เมื่อเห็นอีอูยอนก็หยุดหายใจไปครู่หนึ่ง ฝ่ายนั้นมองตนที่ยืนอยู่ในห้องพักฟื้นและกะพริบตาอยู่สองสามครั้งด้วยความตกใจ อีอูยอนเกิดอารมณ์เสียขึ้นมา

“…ไม่เป็น…”

เป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่าชเวอินซอบพูดอะไรถ้าไม่เงี่ยหูฟัง เพราะแม้แต่เสียงก็ไม่ออกมาตามปกติ

“ไม่เป็นอะไรแล้วเหรอคะ…ครับ”

ในรอบที่สองเสียงของเขาชัดขึ้นมาเล็กน้อย อีอูยอนไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ที่ชเวอินซอบถามถึงความปลอดภัยของตนและไม่สามารถตอบอะไรออกไปได้

“…เปล่านะครับ”

“อะไรนะครับ”

“ผม…ไม่ได้ผลักคุณนะครับ ก็แค่…”

ชเวอินซอบกะพริบตา เขาดูไม่มีแรงแม้แต่จะฝืนลืมตาเอาไว้ เพราะรู้สึกง่วงขึ้นมาด้วยฤทธิ์ยา

“แค่?”

อีอูยอนรอคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย แต่ชเวอินซอบกลับหลับตาและส่งเสียงหายใจแรงๆ ออกมาเท่านั้น เขาหลับไปแล้ว

อีอูยอนอยากจะเอาน้ำที่ถืออยู่ราดใส่หน้าอีกฝ่ายและถามว่าพยายามจะพูดอะไรต่อกันแน่

“…”

เขาวางขวดน้ำลงบนโต๊ะอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจหนักหน่วงเปลี่ยนเป็นแผ่วลงของชเวอินซอบ เขาก็คิดว่าไว้ฟังคำตอบตอนที่อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ได้

อีอูยอนลากเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างเตียง เขาปวดหัวเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ กรรมการผู้จัดการคิมพูดถูก การเคลื่อนไหวยังมากเกินไปสำหรับเขา

***

ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาลอีอูยอนก็ยุ่งจนไม่มีเวลาหายใจหายคออย่างที่พูด พวกนักข่าวที่ชอบตามเขาลงข่าวคาดเดาอย่างนั้นอย่างนี้เกี่ยวกับการเข้าโรงพยาบาลอย่างกะทันหันของเขา แต่ต้นสังกัดของเขาแถลงว่ากระดูกหักเล็กน้อยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เท่านั้น พอเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ดี พวกเขาก็ตัดสินใจปิดปากตำรวจด้วยเหมือนกัน

เขายกเลิกการนัดอ่านบทที่ตัดสินใจไว้ว่าจะเข้าร่วมทันที และการจัดตารางสำหรับถ่ายละครก็คลาดเคลื่อนไปด้วย แม้จะมีการพูดคุยให้เปลี่ยนตัวเป็นนักแสดงคนอื่นแล้ว แต่โปรดิวเซอร์และคนเขียนบทกลับบอกว่าถ้าไม่ใช่อีอูยอน ก็ไม่มีใครสามารถเล่นบทนี้ได้พร้อมกับนำกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลด้วย สุดท้ายพวกเขาก็ได้ข้อตกลงว่าการถ่ายทำจะเลื่อนออกไปประมาณสองสัปดาห์

คุณหมอบอกว่าความจริงแล้วเขาอยากจะให้อีอูยอนนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลสักหนึ่งเดือน แต่อีอูยอนบังคับให้หมอยอมให้ตนออกจากโรงพยาบาลภายในหนึ่งสัปดาห์ด้วยความดื้อรั้น เป็นพรหมลิขิตของอินซอบที่จะต้องยุ่งไปด้วยเหมือนกัน แต่เขาก็ให้อีกฝ่ายหยุดอีกสามถึงสี่วันเป็นกรณีพิเศษ อีอูยอนยิ้มให้อินซอบที่ปฏิเสธอย่างถึงที่สุดด้วยความเกรงใจว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วพร้อมกับไม่ลังเลที่จะพูดคำพูดที่น่ากลัวกับผู้ที่ช่วยชีวิตตนไว้ว่า ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ทำถึงขนาดนี้ ตนก็คงไม่ได้มีชีวิตรอดขึ้นมาจากก้นทะเลสาบแน่นอน สุดท้ายชเวอินซอบก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในมุมห้องคนเดียวถึงสี่วันอย่างน่าเสียดาย

แม้การพักจะเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับอินซอบที่จะต้องได้ยินหมอพูดอยู่บ่อยๆ ว่าต้องนอนอยู่เฉยๆ แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่อยากเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว

ตอนที่เขากลับมาหลังจากหยุดพักไปสี่วัน หัวหน้าทีมชาที่ซีดเซียวจนเขาตกใจก็จับมือเขาไว้แน่นพร้อมกับถามทำนองว่า ร่างกายนายปกติดีแล้วใช่ไหม ไม่ได้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นจริงๆ ใช่ไหม ไม่ลองไปโรงพยาบาลดูหน่อยเหรอ หลังจากที่อีกฝ่ายตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าอินซอบไม่เป็นอะไรแล้ว เขาก็บอกว่าตอนนี้ตนจะได้พักเสียทีพร้อมกับออกจากห้องทำงานไป

กรรมการผู้จัดการคิมเองก็ถามอินซอบอยู่สองสามรอบว่าร่างกายเขาไม่เป็นอะไรแล้วแน่เหรอ อินซอบลังเลที่จะตอบไปว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วจึงตอบไปว่าไม่ต้องเป็นห่วงแทน แม้เขาจะอยากขอบคุณหัวหน้าทีมชาหรือกรรมการผู้จัดการคิมที่เป็นห่วงตน แต่เขาก็กลัวว่าการทำแบบนั้นจะเป็นการสร้างมิตรภาพขึ้นมาหรือเปล่า และเขาก็ไม่สบายใจเลยสักนิดที่ไม่อาจพูดขอบคุณออกไปได้อย่างเหมาะสม

แม้กระทั่งระหว่างทางที่จะไปรับอีอูยอน ชเวอินซอบก็ครุ่นคิดว่าเขาจะส่งข้อความไปหาสองคนนั้นดีไหมอยู่สองสามครั้งก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลง

“… ฉันทำไม่ได้หรอก”

คำดูถูกตัวเองที่แสนขมขื่นสลักลงไปในใจ อินซอบขับรถต่อไปและพยายามทำจิตใจที่ยุ่งเหยิงให้สงบลง

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท