“ผู้จัดการส่วนตัวของคุณอีอูยอน!”
ใครบางคนตามหาอินซอบพร้อมกับวิ่งมาทางนี้ อินซอบเด้งตัวขึ้นทันที
“ครับ!”
“คุณอูยอนตามหาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วครับ ทำไมถึงมาอยู่ตรงมุมนี้ล่ะครับ รีบไปเถอะครับ เขาอยู่ที่หน้าเซต[1] หมายเลขสอง”
อินซอบวางข้าวกล่องที่กำลังกินอยู่ลงบนที่นั่ง
“กินต่ออีกนิดแล้วค่อยไปสิคะ ยังไงซะนี่ก็เป็นการกระทำที่ต้องกินให้หมดเพื่อมีชีวิตอยู่อยู่แล้ว”
“ขอโทษนะครับ คุณกินหมดแล้วก็วางไว้ที่นี่ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมกลับมาเก็บ”
“เอ๋ ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันเก็บให้เอง ไม่ต้องกังวลแล้วก็กลับเข้าไปเถอะค่ะ”
อินซอบขอบคุณเธอและรีบก้าวเท้าไปเซตหมายเลขสอง ตลอดทางที่เดินไปเขาคิดว่าเขาจะต้องมองหน้าอีอูยอนอย่างไรดีและรู้สึกหนักใจ อินซอบไม่พูดอะไรกับอีอูยอนเลยแม้แต่คำเดียวตลอดการเดินทางมาที่กองถ่ายวันนี้ อันที่จริงถ้าจะบอกว่าวันนี้เขาพยายามหนีอีอูยอนอยู่ตลอดทั้งวันก็ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงนัก
ปกติแล้วเขาจะรอให้อีอูยอนเรียกอยู่เงียบๆ ในที่ที่มองเห็นได้เสมอ แต่วันนี้เขาซ่อนตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าอีกฝ่ายกำลังถ่ายละครอยู่ เขาจะไปซ่อนที่ด้านหลังต้นไม้ และถ้าอีกฝ่ายพัก เขาก็จะไปซ่อนที่ด้านหลังฉาก
ตอนกินข้าวก็เหมือนกัน เขาจงใจหามุมเพื่อกินข้าวคนเดียว แต่สุดท้ายมันก็เปล่าประโยชน์เพราะการเรียกตัวของอีอูยอน
“เฮ้อ…”
เงาที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาที่กำลังถอนหายใจเฮือกใหญ่
“กลุ้มใจอะไรอยู่เหรอครับ”
“…!”
”ทำไมถึงทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะครับ”
“เปล่าครับ เปล่า ผมได้ยินว่าคุณตามหาผมอยู่…”
อินซอบลูบชายเสื้อในขณะที่ก้มหน้าอยู่ แม้เขาจะรู้ว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่เป็นผู้ใหญ่ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แค่ความจริงที่ว่าเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าอีอูยอนในตอนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวสมองขาวโพลนแล้ว
“ผู้กำกับบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาเพราะตารางการถ่ายทำน่ะครับ ผมตามหาคุณอินซอบเพราะผมบอกเขาไปว่าถ้าเป็นเรื่องตารางงานผู้จัดการส่วนตัวน่าจะรู้ดีกว่าผม”
“ผู้กำกับเหรอครับ”
ชเวอินซอบกะพริบตาพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
“คุณลองปรึกษากับผมก่อนแล้วค่อยไปคุยกับผู้กำกับนะครับ”
“…ครับ”
อีอูยอนมองผู้จัดการส่วนตัวที่ไร้ความมีชีวิตชีวาในดวงตาและกำลังก้มหน้าเพราะคำพูดนั้น เขาอยากจะคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายมาและพูดว่า ‘ถ้าอยากจะหลอกคน ก็ช่วยทำให้มันดีๆ หน่อยสิ’ แต่เขายังคงสนุกกับสภาพของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนสีหน้าไปเรื่อยๆ เพราะคำพูดของตน
“วันพุธผมว่างตั้งแต่กี่โมงเหรอครับ”
“อาจจะว่างช่วงบ่ายสามโมงครับ เพราะตอนเช้ามีให้สัมภาษณ์หนึ่งที่”
“แล้ววันศุกร์ล่ะครับ เราสามารถหาเวลาตอนเช้าได้หรือเปล่า”
“ไม่ได้ครับ แต่ถ้าเป็นเช้าวันเสาร์ก็ได้อยู่ครับ ขอผมเช็กสักครู่…”
อินซอบหยิบสมุดโน้ตออกมาจากกระเป๋า
“ครับ เช้าวันเสาร์…!”
อีอูยอนยื่นหน้าเข้ามาจ้องสมุดโน้ตของอินซอบ อินซอบที่ตื่นตกใจพยายามจะปิดสมุด แต่อีอูยอนกลับคว้ามันไว้ก่อน อินซอบที่โดนแย่งสมุดไปตกใจและวิ่งเข้าใส่อีกฝ่าย
“เอาคืนมานะครับ!”
อีอูยอนชูสมุดโน้ตไว้เหนือหัวพร้อมกับแกล้งกางมันออก อินซอบรีบเอื้อมมือออกไป เขาพยายามเอื้อมมือสุดชีวิต เพราะมันเป็นเหมือนกับไดอารี่ที่เขาจดข้อมูลเกี่ยวกับอีอูยอนและความรู้สึกทั้งหมดของตนเอาไว้
“เอาคืนมานะครับ! ห้ามดูนะครับ! ดูไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ!”
คนที่ผ่านไปมามองอินซอบที่กระโดดโหยงเหยงไปรอบๆ ตัวอีอูยอนพร้อมกับส่งเสียงร้อง แล้วระเบิดหัวเราะ อินซอบอยากจะร้องไห้ ถึงมันจะดูเป็นการแกล้งกันเล่นสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเขานี่เป็นปัญหาร้ายแรง
ที่หน้าแรกของสมุดโน้ตมีรูปที่เขาถ่ายกับเจนนี่เสียบไว้อยู่ ถ้าใช้สมุดโน้ตจนหมดแล้วเขาก็จะเอารูปไปเสียบไว้ที่สมุดโน้ตเล่มใหม่เสมอ เขาไม่อยากให้อีอูยอนเห็นอะไรทั้งนั้น
“เอาคืนมานะครับ! คืนมาสิครับ!”
ตอนแรกมันก็เป็นแค่การล้อเล่น แต่ทันทีที่อินซอบทำหน้าตาซีเรียสแบบนี้และขึ้นเสียง ความคิดที่จะคืนสมุดโน้ตให้อีกฝ่ายของอีอูยอนก็ค่อยๆ หายไปทีละน้อย
“เขียนด่าผมไว้เหรอครับ”
อินซอบกระโดดสุดแรงที่มีและเอื้อมมือออกไปทันทีที่อีอูยอนกางสมุดโน้ตออก อีอูยอนที่ใส่ใจกับการออกกำลังกายจนไม่สามารถเทียบกับคนทั่วไปได้เอี้ยวตัวเบาๆ หลบมือของอินซอบ ดังนั้นอินซอบจึงล้มลงไปบนพื้นด้วยสภาพที่นอนแผ่เหมือนกับกบที่โดนไฟดูด
คนอื่นๆ ระเบิดหัวเราะให้กับท่าทางของเขาที่ล้มเสียงดัง แผละ
“ฮ่าๆๆ คุณอีอูยอนทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะคะ”
“คุณอูยอนขี้เล่นกว่าที่เห็นอีกนะคะเนี่ย”
อีอูยอนหัวเราะอย่างร่าเริงพร้อมกับใส่หน้ากากของดาราดังที่ขี้เล่น
“เพราะผู้จัดการส่วนตัวน่ารักน่ะครับ ผมก็เลยอยากแกล้งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเลย”
เขานั่งยองๆ ลงข้างตัวของอินซอบที่นอนคว่ำอยู่บนพื้น
“ผมจะคืนให้นะครับ ลุกขึ้นมาเถอะครับ”
“…”
“ไม่ลุกเหรอครับ อย่างนั้นผมเอาไอ้นี่ไปได้ไหมครับ”
อินซอบเงยหน้าขึ้นมา อีอูยอมก้มมองอีกฝ่ายที่อยู่ในสภาพกัดฟันเพื่อกลั้นน้ำตาพร้อมเผยยิ้มจางๆ ใครบอกให้เล่นซ่อนหาอยู่ได้ทั้งวันกันล่ะ พอหาเจอแล้วก็ยังทำให้รำคาญโคตรๆ อีก แค่วันนี้วันเดียวเขาไม่รู้เลยว่าเขาจับสตาฟมาถามหาอินซอบไปกี่คนแล้ว
อีอูยอนเขย่าไหล่ของอินซอบเหมือนกับแกล้งเพื่อนสนิทเล่น
“ลุกขึ้นเถอะครับ”
อีอูยอนช่วยจับอินซอบให้ลุกขึ้น ทันทีที่อินซอบลุกขึ้นจากพื้นเขาก็ยื่นมือขอสมุดโน้ตคืนอีกครั้ง อีอูยอนฉวยมือของอินซอบเอาไว้ในครั้งเดียว เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนั้น จากนั้นก็ลองเขย่ามันไปมาอย่างหยอกเย้า
“ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ”
“ครับ…ผมไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนครับ ช่วยคืนมันมาด้วยครับ”
เขาสนุกกับอินซอบที่แกล้งทำเป็นนิ่งและพูดทั้งๆ ที่น้ำตาคลอ
คนที่ผ่านไปมาเริ่มเข้าข้างอินซอบและบอกว่า ‘คืนเขาไปเถอะค่ะ’ เขาจึงต้องหยุดการแกล้งไว้ตรงนี้ เขารู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องคืนให้ตอนนี้ แต่อีอูยอนไม่รู้สึกอยากทำแบบนั้นเลยสักนิด
รู้สึกทุกข์แล้วสินะ เราจะต้องหยุดแกล้งตอนนี้ แต่เป็นปัญหาเข้าแล้วล่ะ เพราะเราสนุกขึ้นเรื่อยๆ เลย
อีอูยอนค่อยๆ ยิ้มพร้อมกับพิจารณาใบหน้าของอินซอบ และเขาก็เริ่มคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะทำสีหน้าทุกข์ใจได้มากแค่ไหน
ชเวอินซอบกัดริมฝีปากไว้แน่น การรอจนกว่าอีอูยอนจะคืนสมุดโน้ตให้ก็เหมือนกับถูกเจอเนื้อหาที่อยู่ในนั้นทั้งหมดนั่นแหละ
เขาค่อยๆ รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีที่คิดว่าตอนนี้อีอูยอนอาจจะรู้เรื่องของตนขึ้นมาก็ได้ แม้จะกลัว แต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะได้รับสายตาดูถูกจากอีอูยอน
อีอูยอนหยุดยิ้มทันทีที่ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจ้องมองมายังตน
อีกแล้ว กลุ่มก้อนของความรู้สึกที่ทั้งหนักและอุ่นตีตื้นขึ้นมาตั้งแต่ในท้องจนถึงคอหอย
“…!”
อินซอบพุ่งตัวใส่อีอูยอนด้วยแรงทั้งหมดที่มี มันเป็นแรงที่ถ้าไม่ตายก็ทำให้หมดสติ
“อึก-!”
นี่เป็นการจู่โจมที่ไม่คาดคิด
อีอูยอนที่ไม่คิดว่าจู่ๆ ผู้จัดการส่วนตัวผู้เรียบร้อยจะพุ่งใส่ตนเองเสียการทรงตัวและล้มไปด้านหลัง ทั้งคู่ล้มลงบนพื้นในขณะที่นอนทับกัน
อีอูยอนใช้มือข้างหนึ่งดึงไหล่ของอินซอบเข้ามากอดตามสัญชาตญาณ ไหล่บางนั้นถูกโอบกอดเอาไว้ในอ้อมกอดได้ทั้งหมด ความรู้สึกหอมหวานไล่ขึ้นมาตามนิ้วมือของอีอูยอน
ชเวอินซอบไม่ปล่อยโอกาสนี้ไว้ เขารีบแย่งสมุดโน้ตกลับมาถือไว้
“ผมขอเอาคืนนะครับ”
อินซอบปัดฝุ่นที่เปื้อนสมุดโน้ตก่อนจะเอาใส่กระเป๋าพลางเอ่ยพูด เขากระหยิ่มยิ้มย่องเหมือนกับเขาสามารถต่อยอีอูยอนให้ล้มได้ในหมัดเดียวอย่างเท่ๆ
แต่ความจริงแล้วอีอูยอนกำลังเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้างงงวย อินซอบยื่นมือออกไปเพื่อจะช่วยพยุงให้อีกฝ่ายลุก
“ลุกขึ้นนะครับ”
เขาอารมณ์ดี นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่มาเกาหลีที่เขารู้สึกเหมือนยืนอยู่เหนือกว่าอีอูยอน
“คะ คุณอูยอน มือ…”
แต่ความรู้สึกที่ว่าตนเองอยู่เหนือกว่าก็อยู่ได้ไม่ถึงสามวินาที อินซอบหน้าซีดเพราะผู้ประสานงานที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ ทำหน้าซีดพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
ใต้ฝ่ามือของอีอูยอนที่ยันพื้นไว้เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด
“อ๋อ เหมือนจะบาดเจ็บนิดหน่อยน่ะครับ”
อีอูยอนพูดพลางโบกมือเหมือนกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เลือดค่อยๆ หยดลงมาบนเสื้อของเขา ดูเหมือนว่ามือที่ยันไว้ตอนที่ล้มไปข้างหลังจะแตก ถึงแม้จะไม่ใช่บาดแผลที่ลึกถึงขนาดเห็นกระดูก แต่เลือดก็ไหลออกมาพอสมควรเพราะแผลลึก
“ไม่เป็นไรครับ”
อีอูยอนยิ้มพลางเอ่ยพูดอย่างสง่าผ่าเผยไปทางอินซอบ แต่คำพูดนั้นกลับไม่เข้าหูของอินซอบแล้ว เขาหน้าซีดเหมือนกับมือของตัวเองถูกตัดและเหม่อมองเลือดที่ไหลจากมือของอีอูยอน ผู้กำกับเวทีที่รีบวิ่งมาหาสำรวจมือของอีอูยอนพลางนิ่วหน้า เลือดไหลออกมาจากแผลที่แตกเป็นหลุมลึกไม่หยุด
“ขยับได้ไหมคะ”
“ครับ”
อีอูยอนขยับนิ้วทีละนิ้วให้ดู เลือดที่ให้ไปตามนิ้วทำให้ปลายแขนเสื้อเปียกชุ่ม ผู้กำกับเวทีอีกคนถือกล่องปฐมพยาบาลออกมา อีอูยอนไม่นิ่วหน้าเลยสักครั้งในขณะที่โดนล้างแผลและทายาที่มือ
“อื้อ น่าจะเจ็บมากเลยนะคะ จะไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอคะ”
ผู้กำกับเวทีที่ช่วยพันผ้าพันแผลให้ถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ครับ แค่นี้เอง”
“วันนี้มีฉากบนหลังม้าไม่ใช่เหรอคะ”
อีอูยอนสำรวจใบหน้าของอินซอบที่กำลังยืนนิ่งแทนที่จะตอบ เป็นไปตามที่คิด สีหน้าของอินซอบซีดจนเหมือนจะเป็นลมในอีกไม่ช้า อินซอบยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกัดปากเอาไว้จนกระทั่งแผลถูกพันด้วยผ้าพันแผลจนหมด
“ขอโทษครับ”
อินซอบที่นิ่งเงียบด้วยความกังวลอ้าปากพูดเป็นครั้งแรก
“อะไรนะคะ”
“เพราะผม…เป็นเพราะผมครับ”
เนื่องจากเขาพูดได้แค่นี้ อินซอบจึงกลืนน้ำลายก่อนจะพูดต่อ
“มือเขาเป็นแบบนั้นเพราะผมทำให้เขาล้มครับ ขอโทษจริงๆ นะครับ”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
อีอูยอนมองมือที่ถูกผ้าพันแผลพันไว้พลางเถียงกลับอย่างร่าเริง
“ผมยินดีรับการลงโทษที่ทำให้เกิดเรื่องคราวนี้เป็นอะไรก็ได้ครับ”
ดูเหมือนชเวอินซอบจะคิดว่าไม่ว่าอย่างไรเรื่องคราวนี้คงทำให้ตนเองโดนไล่ออกอย่างแน่นอน อีอูยอนอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เมื่อคิดว่าชเวอินซอบไม่ได้เป็นห่วงมือที่บาดเจ็บของเขา แต่กังวลว่าตนเองจะถูกไล่ออก ความรู้สึกเคืองอุ่นๆ ก็พุ่งจากท้องขึ้นมาถึงคอหอย
“ลงโทษเหรอครับ ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะครับ ผมเสียใจนะ”
อีอูยอนแสดงสีหน้าไม่ดีอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับพูดต่อ
“คิดว่าผมจะไล่ผู้จัดการส่วนตัวออกด้วยเรื่องแบบนี้เหรอครับ…อึก”
ทันทีที่อีอูยอนที่สอดมือไว้ในกระเป๋าร้องเพราะความเจ็บ อินซอบทำตัวไม่ถูกและสำรวจสีหน้าของอีกฝ่าย
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไปโรงพยาบาลตอนนี้เลยไหมครับ จะให้ผมติดต่อกรรมการผู้จัดการไหมครับ คุณเจ็บมากหรือเปล่าครับ”
อีอูยอนรู้สึกพอใจพิลึกกับท่าทางที่อีกฝ่ายจดจ่อกับความเจ็บปวดของตน
“ไม่ได้เจ็บมากหรอกครับ น่าจะทนไหวอยู่นะครับ”
“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เล่นแรงเกินไป ผมสิครับที่ต้องขอโทษ โล่งอกไปทีนะครับที่คุณอินซอบไม่ได้บาดเจ็บ”
คนอื่นๆ รู้สึกประทับใจกับภาพของนักแสดงอีอูยอนที่พูดพลางยิ้มอย่างใจกว้าง ในกองถ่ายพวกเขาเคยเจอดาราคนอื่นโกรธจัดและขึ้นเสียงให้กับความผิดพลาดเล็กๆ ของผู้จัดการส่วนตัวมามาก
อีอูยอนเป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์สำหรับคนที่ทำงานอย่างยากลำบากในกองถ่าย อินซอบที่ทำให้คนแบบนั้นบาดเจ็บไม่สบายใจอย่างที่พูด ผ่านไปไม่นานผู้กำกับที่ทราบข่าวก็วิ่งหอบมาในทันที
“อะไรเนี่ย เป็นแบบนี้ได้ยังไง”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับผู้กำกับ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ มือเป็นแบบนี้แล้ววันนี้จะถ่ายต่อได้เหรอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ”
อินซอบห่อไหล่ทันทีที่ผู้กำกับถามเสียงสูง อีอูยอนกั้นไม่ให้เขาเดินออกมาข้างหน้า
“ผมล้มเองครับ”
[1] เซต ฉากที่ถูกทำหรือสร้างขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับการถ่ายทำ